หลังจากอยู่โปแลนด์มาได้สองเดือน ฉันคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องไปเยือนเมืองหลวงของโปแลนด์ซักที เพราะการที่เราจะเข้าใจสิ่งที่เป็นจริง ของประเทศนั้น เมืองหลวงเป็นเมืองที่เป็นตัวแทนสิ่งที่เกิดในประเทศนั้นได้อย่างดีที่สุด ฉันออกจากคราโควเดินทางไปวอร์ซอแต่เช้าตรู่ด้วยรถบัสใช้เวลานั่งนานถึง 4 ชั่วโมง วอร์ซอเป็นเมืองใหญ่สมกับเป็นเมืองหลวงของประเทศ แต่สถานีที่รถบัสมาจอดอยู่ชานเมืองพอสมควร โชคดีที่การเดินทางเข้าไปในเมืองวอร์ซอเป็นอะไรที่ง่ายและสะดวกสบายมากแค่มี Application แผนที่ ของ Google ในมือถือระบบขนส่งในวอร์ซอได้ทำการเชื่อมกับ App อย่างสมบูรณ์แบบทำให้สามารถรู้ได้หมดว่าจะไปรถสายไหนรถจะมาเมื่อไหร่พอขึ้นรถไปแล้วถึงป้ายไหน จะลงตรงไหน จะมีการเตือนมีตลอดเรียกว่าถ้าเราเข้าใจภาษาอังกฤษระดับพื้นฐานการเดินทางในวอร์ซอจัดว่าง่ายแสนง่าย วอร์ซอเป็นเมืองหลวงของโปแลนด์ที่ได้ชื่อว่าเป็นปารีสตะวันออกคือมีความสวยงามคล้ายคลึงกัน แต่ปารีสตะวันออกก็ได้โดนทำลายย่อยยับไปตอนสงครามโลกครั้งที่สองเรียกว่าทั้งเมืองเหลือแต่ซากปรักหักพัง แต่เท่าที่ฉันเดินเล่นอยู่วอร์ซอ 2-3 วัน ไม่มีร่องรอยตรงไหนที่บอกถึงความบอบช้ำขอวอร์ซอ สถาปัตยกรรมในวอร์ซอสวยงามมีระเบียบแม้ว่าจะมีกลิ่นอายของความเป็นคอมมิวนิสต์แทรกเป็นบางอาคารก็ไม่ได้ทำให้วอร์ซอดูมีเสน่ห์น้อยลง สิ่งนึงที่ถ้าไปวอร์ซอแล้วต้องไปให้ถึงคือต้องไปคารวะท่านโชแปง คีตกวีเอกแห่งโปแลนด์ ที่สวน Lazienki ที่เป็นที่ตั้งของพระราชวังวังเก่า จริง ๆ แล้วสวนแห่งนี้น่าจะสวยมากถ้ามาให้ถูกฤดูกาลแต่พอดีเดือนที่ฉันมาดันเป็นเดือนพฤศจิกายน เป็นเดือนที่อากาศเริ่มเข้าหน้าหนาว ฟ้ามักเป็นสีทึม ใบไม้บนต้นไม้ก็ร่วงจนจะหมดต้น แถมฝนฟ้าก็ตกมาให้หนาวและเปียกตลอดเวลา ทำให้การเดินเล่นในวอร์ซอจำเป็นต้องมีชุดที่ทั้งกันหนาวและกันฝนได้ในเวลาเดียวกัน วอร์ซอมีถนนเส้นหลักไปยังจตุรัสกลางเมือง (Old Town Main Square) เรียกว่าถ้าอยากรู้จักวอร์ซอ และมีเวลาน้อยถ้าเดินบนถนน Nowy Świat มุ่งไปยังจตุรัสกลางเมือง ก็ทำให้เข้าใจวอร์ซอได้ไม่ยาก บนถนนมีสถานที่สำคัญของวอร์ซอมากมายเช่นมหาวิทยาลัย โบสถ์ ศาล รูปปั้นบุคคลสำคัญแต่ละอย่างอาจจะเกิดขึ้นต่างยุค ต่างสมัยแต่ทุกอย่างดูรวมกันอย่างลงตัวและมีเสน่ห์อย่างไม่น่าเชื่อ ฉันมีโอกาสได้ไปในพิพิธภัณฑ์ของเมืองซึ่งเมื่อเรามองมาจากมุมสูงเห็นหลังคาของอาคารบริเวณ จัตุรัสกลางเมือง ที่ดูสวยงามและเป็นสีเดียวกันซึ่งฉันคิดว่าคงไม่ได้มาจากความบังเอิญแน่นอนรัฐบาลหรือผู้มีอำนาจในการจัดการเมืองแห่งนี้คงต้องวางแผนไว้อย่างดิบดี เห็นแล้วฉันก็ได้แต่อิจฉา และอดนึกถึงสถาปัตยกรรมในบ้านเมืองเราไม่ได้ แต่ฉันก็มองวอร์ซอในฐานะคนนอกทุกอย่างอาจจะแปลกตาเพราะเป็นสิ่งใหม่ที่ไม่เคยเจอจึงทำให้ฉันรักวอร์ซอได้ไม่ยากนัก ดังนั้นถ้าคนนอกมาเยือนกรุงเทพ ของเราก็อาจหลงรักกรุงเทพได้ไม่ยากเหมือนกันใช่ไหม ? หมายเหตุ: ภาพประกอบบทความทั้งหมดถ่ายโดยผู้เขียน