หลังจาก EP ที่แล้วเราได้ชมปราสาทชิลยองกันอย่างจุใจ เราก็ได้นั่งรถย้ายมากันที่เมืองเลอแซง (Leysin) ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ ที่มองเห็นเทือกเขาแอลป์ได้ชัดเจน และยังเป็นเมืองสกีรีสอร์ทที่นิยมของนักท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่ง คืนนี้เราพักที่โรงแรม ALPINE CLASSIC ซึ่งมีวิวที่มองออกไปจากที่พักเป็นเทือกเขาแอลป์ที่มีหิมะปกคลุมยอดเขานั่นเองค่ะ (ฟินไปอีก)อีกภาระกิจสำคัญก่อนนอนของค่ำคืนนี้ก็คือ เราต้องจัดกระเป๋าแยกเป็น 2 ใบค่ะ ซึ่งใบนึ่งเราจะฝากไว้กับรถโค้ช เพราะในคืนถัดไปเราจะเดินทางไปนอนอีกเมืองหนึ่งที่เขาไม่ให้ขับรถไปค่ะ เป็นเวลา 1 คืน ซึ่งกระเป๋าอีกใบจะเป็นใบที่เราจะนำติดตัวไปด้วย เพื่อไปค้างที่เมืองนี้นั่นเองค่ะ (จะเป็นเมืองไหนรอติดตามกันนะคะ รับรองว่าสวยงามมากๆ เลยค่ะ) หลังจากพักผ่อนกันอย่างเต็มที่ ก็ใกล้ได้เวลาที่เราจะได้ไปลุยหิมะกันแล้ว เราจะเดินทางไปเมืองโกล เดอ ปิยง (Col De Pillon) เมืองที่ตั้งของสถานีกระเช้าไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่บรรจุผู้โดยสารได้ถึง 125 คน ซึ่งเราจะได้ขึ้นกระเช้ายักษ์นี้ไปยอดเขากลาเซียร์ 3000 (Glacier 3000) กันค่ะ ยอดเขาแรกของทริปนี้ก็จะตื่นเต้นหน่อย ซึ่งไกด์ก็ได้แนะนำการแต่งตัวขึ้นยอดเขา โดยเสื้อกันหนาวควรเป็นแบบที่สามารถกันลมได้ค่ะ เพราะด้านบนเขานั้นลมจะแรงมาก ควรมีหมวกที่สามารถคลุมมาถึงหูได้ แว่นตากันแดดเนื่องจากเวลาแสงแดดสะท้อนหิมะอาจแสบตาได้ เมื่อขึ้นไปบนยอดเขาแล้ว จะมีอาคารที่เป็นร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก ซึ่งเราจะได้ทานอาหารกลางวันบนยอดเขานี้ด้วยค่ะ ราคารวมอยู่ในราคาทัวร์แล้วด้วย บนยอดเขากลาเซียร์ 3000 มีกิจกรรมหลายอย่างให้นักท่องเที่ยวได้เลือก เช่น เล่นสกี เดินข้ามสะพานแขวน “ The Peak Walk by Tissot” ที่มีความยาว 107 เมตร ซึ่งเป็นสะพานแขวนที่เชื่อมระหว่าง 2 ยอดเขาเข้าด้วยกันที่ระดับความสูง 3,000 เมตร หลังจากที่เดินชมวิวบนยอดเขากับอย่างอิ่มเอมใจกันแล้ว ก็ถึงเวลาบ๊ายบายยอดเขากลาเซียร์ 3000 แล้ว ใน EP ต่อไปเราจะไปเมืองไหนต่อ รอติดตามกันนะคะ...