👩❤👨 นินห์บิน เวียดนามเหนือ 👩❤👨เห็นรีวิวผ่านตามาบ้างสำหรับ นินห์บินห์ โปรแกรมในร้านทัวร์แบบวันเดย์ทริปก็แยะ ถึงจะยังไม่ค่อยเป็นที่นิยมสำหรับคนไทยแต่ก็มีรีวิวให้เห็นประปราย แต่ไม่ยักกะมีใครไปค้างคืนแบบเต็ม ๆ เลยค่ะ ส่วนใหญ่เห็นไปทัวร์แบบ ชะโงกทัวร์รีบ ๆ วันนี้เมียเลยจะขอรีวิว"ไปเที่ยว Ninh Binh แบบไม่ง้อทัวร์กันไม๊คะ?"ง่าย ๆ รายได้ดีแค่ต้องมีเวลาอยู่หน้าคอมวันละ 6-10ช.ม.(หื๋มมมม...ไม่ใช่แหละ!!)ง่ายหนะง่ายจริง ๆ ค่ะ แต่คงต้องมีเวลามากกว่า 1วัน ไปอยู่ที่นินห์บินห์ทั้งหมด 3คืน 4วัน เพราะป่วย1วัน เที่ยวจริง ๆ แค่ 2คืน 3วันวันนี้จะพาเดินทางโดยรถไฟฉึกกะฉักกันค่ะ พร้อมแล้วตามมาเล๊ยยยยยย....(ผู้ปกครองควรพิจารณากระทู้คุณภาพนี้ ก่อนปล่อยผ่านไปถึงมือของบุตรหลานของท่าน เพราะค่อนข้างไร้สาระอย่างมีคุณภาพ 555+)ไปถึงที่ สถานีรถไฟ นินห์บินห์ GA Ninhbinh แล้วถ้ากระเป๋าเดินทางที่เอามาด้วยใบเล็กสามารถแบกไปไหนมาไหนได้ ให้เดินไปเช่ามอเตอร์ไซค์ร้านหน้าสถานีได้เลยค่ะ ราคาอยู่ที่ 100.000-120.000ดอง ต่อวัน (ประมาณ 138บาท - 166บาท) ขึ้นอยู่กับประเภทรถค่ะ(แนะนำรถแบบมีเกียร์ เวลาขึ้นเขาแรงส่งจะเยอะกว่าแบบสกูตเตอร์) ร้านจะขอบัตรประชาชนเอาไว้แต่ถ้ากระเป๋าเยอะ สัมภาระแยะ เรียกแท๊กซี่ข้างหน้าสถานีเลยค่ะ ระยะทางไปที่พัก : tam coc ประมาณ 8-9กิโล, trang an 9กิโล, hang mua 7กิโล ทุกที่ที่กล่าวมาค่าโดยสารน่าจะต้องไม่เกิน 80.000 ดอง (ประมาณ110บาท) ถ้าเกินก็ต่อโล๊ด เมื่อได้ราคาที่พอใจแล้ว ถ้าถูกใจ ก็แนะนำให้ขอเบอร์แท็กซี่เอาไว้เลยนะคะ เผื่อวันกลับให้เค้ามารับเพื่อไปส่งที่สถานีรถไฟ แต่ต้องคุยกันทาง sms นะคะ ระบุราคาที่ต้องการ,สถานที่ และศัพท์ง่าย ๆ ต่อการ copy ไปแปลใน Google translateเมื่อถึงรร.แล้วหาร้านเช่ามอเตอร์ไซค์ไม่ได้ ก็มีบริการมอเตอร์ไซค์เดลิเวอร์รี่ไปส่งให้ถึงรร. เปิดกูเกิ้ล Search Motorcycle for rent ราคา 100.000ดองต่อวัน (ประมาณ 138บาท) เตรียมบัตรประชาชนไว้ให้เค้าด้วยนะคะ ตอนเค้ามาส่งรถให้เช็คให้ละเอียด เพราะไม่งั้นตอนคืนรถอาจจะเสียค่าเสียหายมากกว่าที่คิด เป็นไปได้ให้ถ่ายรูปไว้รอบคันเลยค่ะ และ ปั้มน้ำมันที่นี่เยอะกว่ามินิมาร์ทในส่วนของที่พัก ถ้าชอบแบบคนพลุกพล่านแนะนำแถว tam coc จะคึกคักมากและใกล้ที่เที่ยวสำคัญ แต่ถ้าใครชอบเงียบ ๆ สงบ ๆ ห่างไกลผู้คน แต่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ แนะนำค่ะนอนที่ Mua Caves Ecolodge ก็เป็นทางเลือกที่ดีเพราะไม่เสียค่าเข้า เขา Hang Mua ที่พักค่อนข้างสวย และ สงบมากรูปที่โพสคือส่วนหนึ่งของแต่ละที่นะคะไม่ได้โพสทั้งหมดอยากให้มาดูด้วยตามากกว่า มันสวยกว่าในรูปเยอะคำคมวันนี้ : ถ้าจิตใจเราสะอาด ไม่ต้องอาบน้ำก็ได้ (ตอนอยู่ซาปาอาบน้อยเชียวหละ)ไปค่ะ ไปเที่ยวกันนน...~เมื่อเราลงรถไฟที่สถานีนินห์บิน ก็ออกมาเดินหาแท็กซี่เลยค่ะ คุยจบราคากันที่ 60.000ดอง (ประมาณ 83บาท)พร้อมเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอพี่โชเฟอร์นิดหน่อย ด้วยระยะทาง 7กิโลนิด ๆ เราเดินก็ทางมาถึง Mua Caves Ecolodge ห้องที่จองไว้คืนละ 780บาท พร้อมอาหารเช้า และ ขึ้นเขา Hang Mua(ปกติคนละ 150.000ดอง)ฟรีตลอดเวลา จองผ่าน อะโกด้า ค่ะ แต่โชคดีว่ามาตอนเค้ามีซ่อมแซมอาคาร เลยได้อัพเกรดห้องพักฟรี เป็นห้อง อ่างอาบน้ำธรรมชาติ สวยมากกกกกCheck-In เสร็จก็เดินไปดูห้องได้เลยค่ะด้านในห้องพักและห้องน้ำธรรมชาติที่พนักงานนำเสนอหนักมาก แต่ก็สวยจริงตามราคาคุยห้องน้ำปกติก็มีค่ะอยู่ด้านในลุกจากเตียงมาเปิดบานประตูหน้าห้องก็จะเจอวิว เขา Hang Mua โอ่ยยย...ดีงาม เช้า ๆ ฟังเสียงนกร้อง สาย ๆ มีนกยูงเดินรำแพนหางผ่านหน้าห้อง บ่าย ๆ ก็มีแพะภูเขาออกหากินที่สวน เพลินมากค่ะ อยากจะอยู่ยาว ๆ 55+อีกสักรูปเก็บของเสร็จก็ออกจากห้องไปหาอะไรทานกันค่ะ ด้วยความหิว เลยมาจัดเฝอที่ร้านอาหารของโรงแรม จานนี้ราคา 50.000 ดอง (ประมาณ 69บาท)เป็นเฝอหมู น้ำซุปอร่อยมากกกกกกก ซดกันเกลี้ยงชาม น้ำซุปสักหยดก็ไม่มีเหลือ ปรากฏว่า แพ้ค่ะ ไข้ขึ้น ผื่นขึ้น คันนนน ดีว่าพกยาแก้แพ้มาเยอะ คิดว่าปริมาณผงชูรสน่าจะหนาแน่นมากพอสมควรตามความอร่อย 555+เพราะปกติเรากินมาม่ากับสามี 4ห่อหม้อเดียวกัน ซดน้ำได้ไม่มีอาการสรุป ไปไหนไม่ได้ต้องกินยาแก้แพ้แล้วนอน แพ้หนักมาก จบวันที่ 1 ได้อยู่ห้องนอนสมใจอยาก 5555+เมื่อคืนจัดการเช่ารถ จากกูเกิ้ล อย่างที่บอกค่ะ Search Motorcycle for rent เราตื่นขึ้นมา 2 ทุ่ม ก็ลุ้นอยู่ว่าจะมีร้านเอามาส่งให้ไหม เพราะ 2 ทุ่มที่นี่เงียบพอ ๆ กับตี 3 ที่บ้านเลย เจอเบอร์โทรในกูเกิ้ล ก็ไล่โทรไปเลย หาร้านระยะใกล้ ๆ โทรไปคุยตอนแรกคุยกันไม่รู้เรื่อง เลยลองส่งเป็น SMS เลือกคำง่าย ๆ แบบ copy แล้ว เอาไป paste แปลได้ ก็สรุปได้ว่า ร้านจะขี่มาส่งให้ถึงที่โรงแรม เราก็แค่เตรียมบัตรประชาชนไว้ให้ร้าน กับ เงินค่าเช่ารถ แล้วร้านจะคืนบัตรประชาชนให้ตอนมาเอารถ ถ้าเช่าเกินวัน ก็จ่ายส่วนเกินวันที่คืนรถ ร้านจะมารับรถต่อเมื่อเราโทรตามนะคะ ใจดีสุดๆ เช้านี้เลยมีรถแว๊นซ์วิวระหว่างทางที่นี่ขี่รถเลนขวานะคะ แล้วก็ต้องคอยบีปแตรบอกเค้าด้วย มีอยู่ครั้งนึงคนเวียดนามเค้าขี่ออกมาจากบ้านเราเห็นเราก็หลบ แต่เค้าไม่เห็นเรา เพราะเรามาเงียบ ๆ (เค้าเคยชินกับคนบีบแตร) เค้าก็ตกใจรถเกือบล้ม เค้าก็บ่นแบบทำไมไม่บีบแตร เลยเข้าใจว่าเราต้องบีบแตรเพื่อให้เค้ารู้ว่าเราอยู่ตรงไหนเค้าจะได้ระวัง และ ที่แรกที่เราจะไปคือTam Coc ตามก๊กตามก๊ก ภาษาเวียดนาม แปลว่า สามถ้ำ เป็นที่ล่องเรือใน แม่น้ำงอ-ดอง ลอดถ้ำทั้งสามตามคำเรียกเลยค่ะ ถ้าไปช่วงที่นาเป็นสีเขียว หรือ สีทองจะสวยมากค่ะ มีภูเขาหินปูนล้อมรอบ เราไปด้วยการเปิด Google Map แล้วใส่ Tam coc เป็นจุดหมายปลายทาง ขี่รถไปตามแผนที่เลยค่ะ พอเจอสะพานแบบนี้ก็ถึงแล้วนากำลังเข้าช่วงสีทอง ถ้าอยากเจอนาสีเขียวให้มาช่วง เดือนเมษายน แต่ถ้าอยากเห็นสีทองให้มาช่วง ต้นพฤษภาคม ถึง กลางพฤษภาคมค่ะ เวลาลงข้าวไม่เหมือนกันนะคะในแต่ละพื้นที่ในประเทศเวียดนาม ต้องเช็คให้ดี อย่างช่วงที่ ที่นินห์บินห์นาสวย ที่ซาปาจะพึ่งเริ่มทะยอยลงข้าวค่ะ ในรูปสักเกตุดี ๆ จะเห็นสีเขียวเป็นวงกว้าง และ เป็นจุด ๆ นั้นคือสาหร่ายใต้น้ำค่ะ ที่เห็นเพราะน้ำมันใสมากกกกกก ใสจนเห็นพืช เห็นหินใต้น้ำขี่ลัดเลาะไปตามทางเลยค่ะข้างแม่น้ำ หาจุดจอดรถได้เลยเรือเริ่มมากันแล้วค่ะ รู้สึกว่าจะมีเรือออกมาตลอดวันค่ะ แต่ว่าเยอะ น้อย ก็ขึ้นอยู่กับจำนวนลูกค้าในช่วงนั้น ๆ พ่อบ้านขอแชะสวยทุกมุมเลยค่ะอันนี้ขี่รถมาดูวิวว่าจะล่องเรือที่ Tam Coc แต่เจอนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีเดินสวนมาตอนจะลงไปถามราคา โบกไม้โบกมือบอกเราเป็นนัย ๆ ว่าอย่าไป เราก็เลยเดินตามเค้าออกไปถามไถ่ดูว่าอาการเป็นยังไงไหนบอกหมอสิ 555+ คำสบถพลั่งพลูนำหน้ามาก่อนเลย จำใจความได้ว่า ค่าลงเรือแพงและพอใกล้ถึงฝั่งก็โดนคนพายเรือบังคัญต้องให้ทิปขั้นต่ำ 100.000ดอง(ตกประมาณ 138บาท) แล้ว มนุษย์เมียเลยขอบายค่ะ แค่ไปตามจุดถ่ายรูปของ tam coc ก็คุ้มแล้วป.ล.ไปเจอกลุ่มนักท่องเที่ยวมาเลเซีย บนเขาhang mua ตอนปีนขึ้นไปจนถึงยอดแล้วหยุดพักหอบแดร๊กตรงจุดพัก เลยได้นั่งเม้าส์มอยกับเพื่อนใหม่ ๆ ที่นั่น ก็แลกเปลี่ยนแพลนเที่ยวกันว่าไปไหนมาแล้วบ้าง ชาวแก็งค์ก็เล่าให้ฟังว่า ไปล่องเรือที่ Tam Coc คนพายเรือบังคับทิปขั้นต่ำ 100.000ดอง ถ้าไม่ให้ก็จะมีเรือผู้ชายที่จอดขายของแถวนั้นล้อมหน้าล้อมหลังจนกว่าจะให้ และทางค่อนข้างสั้น แต่วิวสวย (จากคำบอกเล่านะคะไม่ได้ไปเอง) ใครจะไปก็ทำการบ้านก่อนไปดี ๆ นะคะ และอย่าลืมว่า ต่างกรรม ต่างวาระ เพราะ เราเองคิดว่าเค้าคงไม่ได้ทำแบบนี้ทุกคนหรอกมั้ง (โลกสวยมาก หลังบ้านเป็นทุ่งลาเวนเดอร์ เลี้ยงม้าโพนี่สีรุ้ง 555+)บ้างก็พายแบบ Open Airบ้างก็พายแบบ In Door เก็บกลิ่น อิอิ การใช่เท้าพายกลายเป็นเอกลักษณ์ของ Tam Coc ไปแล้วค่ะศาล+เจ้าที่ ที่แท้ทรูครอบครัวเป็ดว่ายน้ำผ่านมาเทียบท่าพอดีได้รูปจนสาแกใจก็เริ่มหิวค่ะ มื้อนี้ขอประหยัดนิด เพราะจัดหนักจัดเต็มจนกระเป๋าฉีกที่ฮานอยไปแล้ว เลยมุ่งหน้าเข้าตัวเมืองไป บิ๊กซีนินห์บินห์ ประตูเมืองค่ะ แล้วก็บิดต่อไปกินข้าวที่บิ๊กซีค่ะเมื่อเรางบน้อยจงเดินเข้าบิ๊กซี่ 555+โซนอาหารที่บิ๊กซีคือทางเลือกที่ดีมาก เดินทางเข้าไปในเมือง ขี่มอไซ 3กิโล จาก tam coc แต่ถ้ามาจากhang mua, trang an ประมาณ 8-10กิโล บิดหน้าบินมาเลยทีเดียว เพราะถนนใหญ่สัญจรสะดวก อากาศดีค่ะ อาหารมีให้เลือกเยอะค่ะ อันนี้ข้าวเหนียว(เยอะมาก)+ไก่ทอด 15.900 (22บาท)และข้าวสวย กับซุปผัก+ไก่ทอด 17.900 (25บาท)ไส้กรอกใหญ่ ไม้ละ 9.000 (12บาท) น้ำแตงโมคั้นสดเต็มแก้วไม่มีน้ำแข็ง น้ำแข็งที่เห็นในแก้วคือ ขโมยร้านน้ำอ้อยมาใส่ได้นิดเดียวแค่ที่ลอยข้างบนเพราะพื้นที่ที่พอจะใส่ได้ในแก้วมีน้อย แก้วละ 10.000 (14บาท) อย่างจุกรสชาติดีนะคะ ชอบข้าวเวียดนามมันอร่อยยยย ฟู๊ดคอร์ท ที่นั่งก็สบาย ๆ โปร่ง ๆ อยู่ในตัวซุปเปอร์มาเก็ต แอร์เย็น ๆ ออกจากบิ๊กซีก็ไปกันต่อที่ Trang An เจอทะเลสาบสวยๆระหว่างทางเลยแวะแชะสักหน่อยค่ะเหมือนเดิมเลยค่ะ เปิด Google Map แล้วเสิร์ท Trang An ไปตามแผนที่ที่ขึ้นมาเลยค่ะ แต่รู้สึกว่า เค้าจะปักพิกัดไว้แค่ด้านหน้าตรงลานจอดรถมอเตอร์ไซค์ ให้เราหาที่จอดรถตรงที่พิกัดบอก ค่าจอดรถ 10.000 ดอง (14บาท) แล้วจะเห็นสะพานฝั่งตรงข้ามกับที่จอดรถให้เดินข้ามถนนเลยค่ะ จะเจอสะพานข้ามคลองเล็ก ๆ อยู่ริมถนน เดินข้ามสะพานมาด้านในจะเจอที่ขายตั๋วลงเรือค่ะ เป็นอาคารไม้ มองเห็นตั้งแต่ขี่มาถึงที่จอดรถเลยค่ะ คือมองเห็นจากถนนเลย เมื่อซื้อตั๋วแล้วก็เดินลงเรือได้เลยค่ะเลือกมาล่องเรือที่นี่ด้วยสองเหตุผลคือ1. รีวิวใน Lonely Planet กับ TripAdvisor ดีมาก บอกว่าพนักงานพายเรือที่นี่สุภาพไม่บังคับทิปค่ะ และ 2. อยากไปดูกองถ่ายทำเรือง Kong : Skullตั้งแต่ลงเรือก็เจอแต่การต้อนรับที่ดี เราว่ามาลงเรือสักรอบ 16.00 กำลังดี แดดไม่แรงไป ไม่มืดไป รอบสุดท้ายคือ 17.00 เด้อ ไม่มีเวลากำหนดเป็นรอบ ๆ นะคะ คือถ้ามาถึงซื้อตั๋ว ลงเรือได้เลย เรือลำนึงนั่งได้ไม่เกิน 4 คน คือบางช่วงมีคนเยอะ ๆ ก็ได้แชร์เรือกับคนอื่น แต่ถ้าไปช่วงเงียบ ๆ ไม่มีคน ก็ได้ไปแบบ Private ส่วนตั๊ววว ส่วนตัวค่ะล่องเรือ Trang An หัวละ 200.000 (275บาท) จะมีโปรแกรมให้เลือกคือ1.รอด 9 ถ้ำ แวะ 2 วัด ชิล ๆ ยาว ๆ เปื่อย ๆ เพลิน ๆ (2ช.ม.30นาที)2.รอด 4 ถ้ำ แวะ 1 วัด กับที่ถ่ายทำหนังเรื่อง Kong: Skull Island (2ช.ม.)3.รอด 3 ถ้ำ แวะ 2 วัด กับที่ถ่ายทำหนังเรื่อง Kong: Skull Island (2ช.ม.)ตอนแรกก็ลังเล 2 กับ 3 เลือกไม่ถูก พอดีมีฝรั่งไปด้วย 2คน นางอยากไปโปรแกรม2 เราไงก็ได้ให้ได้ไปดูสถานที่ถ่ายทำ Kong: Skull Island เราก็เลือกไม่ถูก(ออกแนวยังไงก็ได้55+)เลยให้เค้าเลือก ไปตอน4โมงเย็นแดดกำลังถ่ายรูปสวย เรือรอบสุดท้าย 5โมงเย็นจร้า คนพายเรือมารยาทดี น่ารักค่ะที่นี่ ไม่มีบังคับทิป รอดถ้ำแรกค่ะรอดออกมาก็ มุ่งหน้าไปวัดแรกผู้ร่วมชะตากรรม นางดูสนใจไม้เซลฟี่มาก ขอดูบอกว่าไม่เคยเห็น ที่ประเทศเค้าใช้แต่ขาตั้งกล้อง เพิ่งเคยเห็นแบบนี้ ศาลากลางน้ำมุดอีกถ้ำค่ะบรรยากาศดี๊ดี อากาศก็ดี๊ดีเห็นเค้าพาย ก็อยากจะลองพาย ดูบ้าง สับอยู่ 5 ทีมีหอบแล้วจ้าาาาไม่ไหวลมจะจับผู้ร่วมทริปอีกคน นางดูรำคาญ 2 ผัวเมียคู่นี้อย่างชัดเจนค่ะ 555+รอดอีกถ้ำ รอบนี้ยาวเลยค่ะ น้ำใสไหลเย็นตลอดทาง ใสจนเห็นสาหร่ายใต้น้ำเลยค่ะวิวข้างทางโดยรอบ สวยมากจริง ๆ ค่ะ บางวิวก็คุ้นตาเหมือนเห็นในหนังเรื่อง Kong (กลับบ้านมารีบมาหาหนังดูซ้ำอีกที บอกท่านโลกิว่าฉันรักเค้า... 555+)พายมาถึงอีก 1 วัด ที่นี่ใช้มือพายกันทุกคนค่ะ และ คนพายก็สุภาพมากทางไปสถานที่ใช้ถ่ายทำหนังค่ะเส้นทาง จองหงวนฉากเครื่องบินตกในหนังบ้านที่ใช้ประกอบฉากหมู่บ้านชนเผ่าในหนังค่ะสามีบอกว่า เอาใจคอหวยก่อนกลับ "คนไทยอยู่ไหนก็มีความหวัง" จ้าาา ดูยิ่งใหญ่มากพ่อคู๊ณณณณณ ล่องเรือเสร็จขึ้นจากเรือก็ไม่มีบังคับทิปค่ะ อยากให้ก็ให้ ไม่อยากให้ก็ไม่เป็นไร ก่อนลงพี่คนพายเรือจะมีแบบสอบถามให้เรากรอกว่าเราพึงพอใจแค่ไหนกับทัวร์ ก็ถือว่าดีมากเลยค่ะระหว่างทางกลับค่ะ วิวส๊วยยย สวยยย พลังแดดก็ไม่ได้ลดลงเล๊ยยยยย คุณพระอาทิตย์ขา บิงซูสักถ้วยไม๊เดี๋ยวเราเลี้ยงเอง...!!!การจราจรแออัดค่ะ บ้างก็กำลังไปบ้างก็กำลังมาถึงที่พักก็พระอาทิตย์เลิกงานพอดี ตกกลางคืนที่รร.เงียบมากค่ะ บรรยากาศโรแมนติกสุด ๆ ร้านอาหารของโรงแรมปิด 2ทุ่ม ราคาก็ไม่แพงค่ะ ทานได้ และ รอบ ๆ โรงแรมไม่มีร้านอาหารอื่น ๆ นะคะ แต่จะมีร้านขายของชำเยอะอยู่ค่ะ ปิดไม่ดึกนะคะ กลับมาห้อง ร้านอาหารรร.ปิดแล้วเลยออกไปขี่หาซื้อของเลยได้มาม่ามาหลายถ้วยอยู่ สองถ้วยนี้คือดีงาม สามีบอกว่าเฝออร่อยกว่าของรร.(ดูฝังใจ 55+) กับ วุ้นเส้น ซุปมีกลิ่นเครื่องแกงนิด ๆ น้ำซุปขุ่นหน่อย ๆ แต่อร่อยเหาะเหินส่วนอีกถ้วยสีชมพู มาม่าต้มยำกุ้งถ้วยนี้ดีงามมาก กุ้งเป็นกุ้งหลายตัว ไม่กุ้งมโน รสชาติดีแต่อย่าใส่น้ำเยอะจะจืด ใส่น้ำแค่เลยครึ่งถ้วยมาสัก1ซ.ม.คือดีงามเช้านี่ เก็บของแล้วออกไปเดินเล่นรอบ ๆ โรงแรมค่ะ มุมถ่ายรูปเยอะมาก ๆ เพราะว่ารอบ ๆ เป็นสวนสาธารณะแบบย่อม ๆ ด้วยค่ะ ก่อนที่จะขึ้นไป เขา Hang Mua สำหรับคนที่ไม่ได้พักที่โรงแรม Mua Caves Ecolodge ค่าขึ้นคนละ 150.000ดอง (ประมาณ 200บาท) นะคะ ส่วนเรานั้นฟรีค่าาาเขาฮางมั่ว คือ เขาที่มีจุดชมวิวที่สวยที่สุด และ สูงที่สุดในนินห์บินห์ ใครมาเที่ยวนินห์บินห์แนะนำว่าควรมาที่นี่ด้วยค่ะ ไม่มีรวมอยู่ในทัวร์ทั่วไปนะคะ และ ที่เขาฮางมั่ว มีมุมถ่ายรูปแม่น้ำพร้อมนาข้าวที่สวยมาก ๆ เป็นรูปที่พบเห็นได้ทั่วทั้งเวียดนาม คือไปไหนก็เห็น เห็นบ่อยจนต้องถาม คนท้องที่ ว่าในรูปคือที่ไหน จึงได้เกิดทริปนี้ขึ้นมาค่ะส่วนแก๊งค์ในรูปเห็นว่าจะไปตามหาพระไตรปิฎก....ทางขึ้นเขา Hang Mua ตอนเดินขึ้นคึกคักมาก ตอนกลับนี่แทบหิ้วปีก ใจอยากจะกลิ้งหลุน ๆ ลงมาแบบหลินปิง ติดตรงที่มันชันมาก และ สูงมากเท่านั้นเอง มีกันแดดกี่ยี่ห้อ พอกเถอะ ย้ำว่าพอก แค่ทาไม่พอค่ะ มีเจลว่านหางติดไปด้วยก็ดีค่ะทริปนี้ เพราะ แขนเราไหม้แดด ผิวที่หัวไหล่ตึงจนนอนไม่ได้ มาวันแรก ๆ ห้าวมาก ใส่แต่แขนกุด สายเดี่ยว เข้าวันที่ 5-6 แขนเริ่มไหม้ ใส่แต่เสื้อคลุมสังเกตุได้ค่ะ 555+วิวตลอดทางขึ้นคือสวยมากค่ะ กลบอาการกลัวความสูงไปได้ประมาณนึงค่ะ 555+บันไดนี่แบบ... ไม่สามารถสัมผัสได้ถึงความปลอดภัย ในรูปอาจจะดูชิลล์ ๆ แต่เจอจริง ๆ ขาสั่นอยู่นะจ๊ะแวะยืนชมวิว ชมนก ชมไม้ จริง ๆ คือแวะหอบแหละ ดูออก.. เหนื่อย ร้อน อึดอัด จะไปถึงไม๊เนี่ยะ..!!! คือถ้าอายุน้อย ๆ ก็คงไม่เหนื่อยขนาดนี้ ทริปนี้คือทริปฝืนสังขารมากค่ะ 555+ ตั้งแต่มาเวียดนาม นับตั้งแต่ซาปา ไม่มีวันไหนเดินน้อยกว่า 10 กิโล เลยจ้ะ กลับไทยนี้กล้ามเนื้อน่องขายิ่งกว่า บัวขาว อีกจ้าาา...~ทางแยกขึ้นไปอีกเขานึงค่ะ แต่ไม่ได้ไป เขาเดียวก็แสบตัวแล้วค่ะ (อ้างร้อน แต่จริง ๆ ปัญหาอยู่ที่สังขารค่ะ 555+)มุมยอดนิยมค่ะ มุมนี่แหละค่ะที่ทำให้เกิดทริปนี้ สวยมากจริง ๆ ไม่รู้จะถ่ายรูปยังไงให้ถ่ายทอดความสวยตรงหน้ามาให้เพื่อน ๆ สัมผัสได้ เหมือนที่เรารู้สึกค่ะ แนะนำให้มาดูจริง ๆ ค่ะ จริง ๆ ของจริงสวยกว่าในรูปมากค่ะขึ้นไปอีกนะยูวววว สูงขึ้นไปอีกกกก ชันขึ้นไปอีกเรื่อย ๆ พอหันกลับไปดู หวิว ๆ เลยค่าาาเจอรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมแปลว่าถึงจุดชมวิวด้านบนแล้วค่ะ ตรงนี้เป็นจุกพักนักเดินทางด้วยค่ะ เป็นจุดเม้าท์มอย คือได้เพื่อนใหม่ที่นี่เยอะเลย หลายเชื้อชาติ แก๊งค์มาเลเซียที่พูดถึงก็เจอกันที่นี่แหละค่ะ ตรงนี้สูงมากค่ะ อากาศดีมาก และ ลมเย็นนน สดชื่นมาก เหนื่อย ๆ มาเจอลมเย็น ๆ แป๊บเดียวเหงื่อแห้งเลยค่ะ ดีงามเดินมาที่มุมเสี่ยงตายค่ะ ความปลอดภัยไม่มีเลย ใครที่กลัวความสูงอย่าขึ้นมาเลยค่ะ อยู่แค่จุดชมวิวก็พอค่ะ อันตรายมาก ๆ รอบ ๆ เป็นโล่ง ๆ ไม่มีอะไรไว้จับ ไว้เกาะ น่ากลัวมาก ต้องเลาะผาเดิน ผากว้างแค่ประมาณ 30เซนต์ เหมาะสำหรับพวกที่ชอบ X Treme ค่ะ อธิบายไม่ถูก เพราะไม่มองลงไปเลยค่ะ แต่วิวมันก็คุ้มเสี่ยงสำหรับเรานะ เพราะขนาดเราไม่ได้กลัวความสูง ยังมีขาสั่นเลย ต้องเกาะเลาะผากึ่งปีนเขาไปมังกรยอดเขา มังกรเหมือนเป็นสัญลักษณ์ประจำเวียดนามเลยค่ะ ไปทางไหนก็เจอ ไปวังก็เจอ ที่เที่ยว บ้านเรือน แม้แต่สุสานก็เจอ มังกรยอดเขาตัวนี้สูงประมาณเกือบ 3เมตร ยาว ประมาณ 100 - 150 เมตร วัดจากสายตานะคะให้สามีขึ้นไปคนเดียวก่อนค่ะ เพราะสามีทำประกันชีวิต ผู้รับผลประโยชน์เป็นชื่อเรา 555+เห็นยิ้ม ๆ นี่ขาสั้นนะคะ เพราะสามีกลัวความสูงหนักมาก แต่เค้าอยากจะพิชิตมังกรยอดเขา ลงหลายรูปเพราะอยากให้เห็นหลาย ๆ มุมว่ามันไม่มีอะไรให้เกาะ คือมีแต่มังกรนี้แหละค่ะที่เป็นที่ยึดเหนี่ยว 55+วิวด้านบนสวยจริง ๆ ค่ะสุดท้ายก็ต้องตะกายขึ้นไป ครั้งนึงในชีวิต...... ลาก่อยยยยย นินห์บินห์ลงจากเขาก็มาเก็บของ check-out ตอนแรกกะว่าจะ check out แล้วฝากของไว้กับ reception แต่น้องบอกว่าให้เอาของไว้ในห้องเลย ลงจากเขาค่อยมา check out เพราะวันธรรมดา ห้องไม่เต็ม คือใจดีมาก เราลงเขามาบ่าย3 ใช้บริการพี่แท็กซี่ที่มาส่งวันแรก ก็ส่ง SMS ไปบอกให้แกมารับวันนี้บ่าย 3 มาตรงเวลาดีค่ะ ไปส่งที่ สถานีรถไฟนินห์บินห์ เพื่อกลับไปซ่อมกล้องที่ฮานอย กล้องพัง...นินห์บินห์ สำหรับเรา คือ จังหวัดที่ยังไม่มีนักท่องเที่ยวไทยหนาแน่นนัก เพราะส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวไทยจะมาวันเดย์ทริปแล้วกลับ ไปแค่ล่องเรือ เรามาเจอแต่นักท่องเที่ยวฝรั่งที่แถว Tam Coc นินห์บินห์ เป็นเมืองสงบ ที่มีธรรมชาติอยู่เต็มเปี่ยม ไม่ว่าจะเป็น ต้นไม้ ทุ่งนา ป่า เขา แม่น้ำ เดินทางสะดวก และ วิวดีมาก ๆ เป็นที่ ๆ ชอบที่สุดในทริปนี้เลยค่ะ อยากแนะนำให้เพื่อน ๆ ได้ลองมาเที่ยวกันหมดแล้วค่ะ ทริป เวียดนามเหนือ ซาปา ฮานอย และ นินห์บินห์ ตอนหน้าเราจะเดินทางไป เวียดนามกลาง เริ่มต้นกันที่ HUE เมืองแห่งประวัติศาสตร์เวียดนาม อย่าลืมติดตามกันนะคะ ติดตามอ่านรีวิวใหม่ ๆ และ รีวิวอื่น ๆ ของ เมียพาไปไหนก็ไป หรือ ติดตาม ไปเวียดนามกับมนุษย์เมีย 18 วัน 6 จังหวัด ตอนอื่น ๆ ง่าย ๆ แค่ Follow เราไว้ได้เลยค่ะhttps://creators.trueid.net/@13866ฝากติดตามและให้กำลังใจพวกเราได้ค่ะ หรือ ดูรีวิวท่องเที่ยวอื่น ๆ "คุ้มค่า ราคาประหยัด ตามแบบฉบับ มนุษย์เมีย" ได้ที่ เพจ เมียพาไปไหนก็ไปFacebook : www.facebook.com/goingwithmywifeบันทึกการท่องเที่ยว แบบฉบับ "เพื่อเมีย ตามใจเมีย แล้วแต่เมีย"