เห็นสกอร์บอร์ดแล้ว ถอดใจ! เมื่อสิ้นเสียงเป่านกหวีดยาวหมดเวลา 90 นาที การแข่งขันฟุตบอลชายในกีฬาซีเกมส์ 2019 ทีสนามบีนาน สเตเดียม ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ที่ผ่านมา ผลการแข่งขัน คือ ทีมชาติไทยทำได้เพียงเสมอแค่เวียดนาม 2-2 ในเกมนัดสุดท้าย กลุ่มบี ทั้งที่ฟุตบอลชายทีมชาติไทย นำเวียดนาม ไปก่อน 2-0 แต่กลับถูกตีเสมอ ทำให้แข้งช้างศึกตกรอบแรกฟุตบอลซีเกมส์ เป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี ซึ่งทีมไทยเราเป็นแชมป์เหรียญทองมาตลอด 3 ครั้งล่าสุด สร้างความผิดหวังให้กับแฟนบอลชาวไทยกันทั้งประเทศ คำถามสุดฮิตติดโพสต์ตามสังคมออนไลน์คือ บอลไทยตกรอบแรกได้อย่างไร? ทำไมถึงตกรอบ? ใครจะรับผิดชอบการตกรอบครั้งนี้? งานนี้ คงไม่ต้องถามว่าใครผิด แต่ควรจะถามว่าผิดเพราะสาเหตุใดและนำมาแก้ไข เพราะนักฟุตบอลไทยชุดนี้เป็นชุดอายุไม่เกิน 23 ปี ยังมีอนาคตอีกไกล เราต้องลืมความเสียใจและมุ่งหน้าต่อสู้ใหม่ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ที่จะแข่งขันในช่วงเดือนมกราคมปีหน้านี้ ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพกันดีกว่า ลืมความเสียใจ เริ่มต้นใหม่ครั้งต่อไป แต่เมื่อเราย้อนมองกลับไปเพื่อดูสาเหตุเพื่อเป็นแนวทางแก้ไข ครั้งนี้ขอนำ 4 สาเหตุใหญ่ที่ทำให้บอลไทยตกรอบแรกซีเกมส์ มีดังนี้ 1. ความรู้จักและเข้าใจกันระหว่างผู้เล่นและผู้จัดการทีม อากิระ นิชิโนะ ยังไม่ค่อยรู้จักนักฟุตบอลในทีม เชื่อว่าเป็นสาเหตุหลักๆ เลยที่ถูกยกขึ้นมากล่าวหลังจากที่บอลไทยตกรอบแรกซีเกมส์ เริ่มตั้งแต่การเลือกตัวผู้เล่นชุดนี้ สรุปใครเป็นคนเลือก 20 คนสุดท้าย อากิระ นิชิโนะ ผู้จัดการทีมชาติไทยมักบอกอยู่เสมอว่า ตนเองยังไม่ค่อยรู้จักนักฟุตบอลชุดนี้มากเท่าไหร่ ต้องมาทำความรู้จักกันในซีเกมส์ครั้งนี้ นอกจากนี้ นิชิโนะ ยังติดภาระกิจกับทีมชาติชุดใหญ่ในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกที่ผ่านมา ทำให้เวลาเตรียมทีมมีไม่ถึง 10 วันก่อนจะมาซีเกมส์ เมื่อไม่รู้จักนักฟุตบอลชุดนี้ เราสังเกตได้ว่านิชิโนะไม่มี 11 ผู้เล่นตัวจริงในใจ แม้แต่กัปตันทีมยังไม่ได้เลือกไว้ เราจะเห็นได้ว่าตลอดการแข่งขันซีเกมส์ กัปตันทีมชาติไทยเปลี่ยนแปลงทุกนัด ตั้งแต่อานนท์ อมรเลิศศักดิ์,ศฤงคาร พรหมสุภะ,ชินภัทร์ ลีเอาะ,เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์มาจนถึงสุภโชค สารชาติ ที่เป็นกัปตันทีมในนัดสุดท้าย นอกจากนี้โครงสร้างทีมและระบบทีมไม่มีอะไรตายตัวเปลี่ยนแปลงทุกนัด เหมือนใช้สนามซีเกมส์เป็นการทดสอบผู้เล่นเพื่อเตรียมไว้สู้ศึกชิงแชมป์เอเชีย ทำให้หลายคนเริ่มตั้งคำถามว่ารายการเล็กยังตกรอบแรก ไปไม่เป็นท่า และรายการใหญ่จะไหวไหม น่าจะไปไม่รอด 2. การเตรียมตัวและสภาพนักเตะ โปรแกรมการแข่งขันฟุตบอลซีเกมส์ เป็นการเตะแบบทัวร์นาเมนต์ มีการเตะแบบ "วันเว้นวัน" ถือว่าโหดพอสมควร หากเตรียมตัวไม่พร้อมจะส่งผลต่อสภาพนักเตะในทีม จากที่สังเกตจะเห็นได้ว่าสภาพนักเตะไทยก็มีความอ่อนล้าและบางรายก็ได้รับบาดเจ็บจากการแข่งขันฟุตบอลไทยลีกซึ่งเพิ่งจบการแข่งขันเสร็จได้ไม่กี่สัปดาห์ก่อนเริ่มแข่งขันซีเกมส์ นักเตะบางคนต้องไปเล่นชุดใหญ่ในการแข่งฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกไม่กี่วันก่อนเริ่มซีเกมส์ ทำให้นักเตะหลายคนเช่น สุภโชค,ศุภชัยและศุภณัฐภ์ มีอาการอ่อนล้า ส่วนรายของเอกนิษฐ์ ปัญญา กองหน้าตัวเก่งของทีมก็ได้รับบาดเจ็บจนต้องถอนตัวออกจากทีม การเตรียมพร้อมก่อนการแข่งขันของทีมชุดนี้จึงส่งผลต่อการแข่งขันอย่างที่เราเห็นกันอยู่ชัดเจนว่า ระบบการเล่นหรือแท็คติกต่างๆ ดูไม่ค่อยเข้าใจกัน เหมือนไม่ค่อยได้ซ้อมกัน 3. สภาพแวดล้อมและสนามแข่งขัน สภาพสนามและสิ่งแวดล้อมส่งผลต่อทีม สภาพสนาม คือ สนามหญ้าเทียม ซึ่งทางเจ้าภาพฟิลิปปินส์ใช้เป็นสนามแข่งขัน รวมถึงสภาพอากาศในประเทศฟิลิปปินส์ที่ฝนตกหนักทำให้พื้นสนามแฉะทำให้ยากในการควบคุมบอล สิ่งเหล่านี้มีส่วนในการเล่นของทีมไทยไม่มากก็น้อย จากสาเหตุนี้สิ่งที่ควรแก้ไขคือการเตรียมตัวให้พร้อม ทีมงานทีมชาติไทยต้องกลับไปทำการบ้าน หาสนามซ้อมที่เหมาะสม และเตรียมตัวเดินทางให้พร้อมในครั้งต่อไปแต่เนิ่นๆเพื่อช่วยในการปรับตัว หากการแข่งขันชิงแชมป์เอเซีย ปีหน้า ไทยเราเป็นเจ้าภาพคงจะอ้างไม่ได้ถ้าหากล้มเหลวอีก 4. นโยบายของสมาคมฟุตบอล พล.ต.อ.สมยศและนิชิโนะ ต้องช่วยกันแก้ไขปัญหาทีมชาติไทย การที่สมาคมกีฬาฟุตบอลมีนโยบายของให้ อากิระ นิชิโนะ ทำคนเดียวทุกชุดตั้งแต่ชุดใหญ่จนถึงชุดเยาวชน หลายคนอาจมองว่า โอเค พอไปได้เพราะเขามีประสบการณ์ แต่เมื่อผลงานในซีเกมส์ 2019 ออกมาเป็นแบบนี้ ก็เห็นทีว่าการที่เมื่อให้นิชิโนะ เขาทำงานคนเดียว ดูแลทีมทุกชุด คงไม่ดีเท่าไหร่ เพราะเขาไม่สามารถแบ่งเวลาไปเตรียมทีมชุดเล็กได้จริง อีกทั้งทำให้เสียความจดจ่อในการคุมทีมชุดใหญ่ด้วย ยิ่งนิชิโนะต้องปรับตัวกับการทำทีมฟุตบอลไทยด้วย ทำให้ส่งผลชัดเจน ดังนั้นทางพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลต้องกลับมาทบทวนนโยบายหรือต้องส่งทีมงานมาช่วยทำงานให้กับนิชิโนะมากขึ้น สิ่งเหล่านี้เป็นสาเหตุที่ได้รวบรวมมา อาจจะยังมีสาเหตุอื่นๆ อีกบางประการที่ส่งผลต่อการตกรอบแรกของทีมชาติไทยในกีฬาซีเกมส์ครั้งนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ทางสมาคมและทีมงานจะได้นำมาวิเคราะห์สาเหตุและแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด เพื่อทีมชาติไทยจะประสบความสำเร็จในรายการต่อไป โดยเฉพาะการแข่งขันชิงแชมป์เอเซีย ปีหน้านี้ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ อย่างไรก็ตาม แฟนบอลไทยก็ยังจะเป็นกำลังใยให้ทีมชาติไทยต่อไป ขอให้นักฟุตบอลได้ลืมความเสียใจในซีเกมส์และเริ่มต้นใหม่ครั้งต่อไปในฟุตบอลชิงแชมป์เอเซีย ไทยแลนด์ สู้ๆ ต่อไปนะ แฟนบอลเชียร์เสมอ (หมายเหตุ ทุกภาพที่ลงในบทความนี้ มาจาก Facebook page ช้างศึก ผู้เขียนได้ขออนุญาตแล้ว)