ถ้ากล่าวถึงในปัจจุบันช่วงอายุของคนส่วนใหญ่จะเรียนจบปริญญาตรี เฉลี่ยอยู่ที่ อายุ 22-24 ปี เป็นส่วนมาก แต่ปัจจุบันโลกเปิดกว้างขึ้น เปิดโอกาสให้เราได้เรียนจบ และมีงานทำได้ไวขึ้น ซึ่งสิ่งที่เราจะบอกต่อไปนี้ คือการเรียนปริญญาตรีควบคู่ม.ปลายหรือควบคู่กับการสอบเทียบ Ged นั่นเอง แต่ในส่วนนี้เราขอไม่กล่าวถึงนะ เราขอกล่าวถึงแค่เรื่องการเรียนปริญญาตรีควบคู่ม.ปลาย ซึ่งเราก็ได้เรียนของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ในระบบที่เรียกว่า Per-degree ก่อนอื่นเราไปทำความรู้จักกันก่อนว่าระบบนี้คืออะไร ไปเริ่มกันเลยระบบ Pre-degree คือ ระบบการเรียนเพื่อสอบสะสมหน่วยกิตในระดับปริญญาตรีของมหาวิทยาลัยรามคำแหงแบบล่วงหน้า ใครที่สามารถเรียนได้ (ผู้ที่เรียนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นแล้ว)เรียนควบคู่ไปกับการเรียนม.ปลายได้เลยอยู่ม.5 แล้วสมัครได้ไหม (ได้ค่ะ จะอยู่ม.4 ม.5 หรือ ม.6 ก็สมัครเรียนในระบบนี้ได้เลยค่ะ)รูปแบบการเรียนถ้าไม่สะดวกเข้าเรียนก็สามารถดูเทปบันทึกการสอนย้อนหลังได้ หรือจะอ่านหนังสือเองก็ได้ แต่แนะนำว่าให้ตามข่าวสารวิชาที่ลงเรียนด้วยนะคะ ว่าอาจารย์มีงาน หรือมีแนวข้อสอบบอกหรือเปล่า สำคัญมากเลยนะคะ เพราะช่วยในการสอบได้เยอะเลยพอจะรู้จักระบบ Pre-degree กันคร่าวๆแล้วนะคะ ต่อไปนี้เราขอมาแชร์ประสบการณ์การเรียนของเราให้อ่านกันนะคะพอเราเรียนม.4 เทอม 1 เราก็ทำการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับระบบนี้ แล้วเราก็ทำการเลือกคณะ สาขาไว้ พอถึงวันสมัครเราก็เตรียมเอกสารต่างๆไปสมัครที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง หัวหมาก พร้อมกับถือเงินในมือไปเกือบๆ 5,000 บาท ใช้สมัครก็ประมาณ 3,000 กว่าบาท (ถูกที่สุดแล้วถ้าเทียบกับมหาลัยอื่นๆ) เราก็ทำการสมัครเรียบร้อย แล้วก็ไปซื้อหนังสือเรียนในวันนั้นเลยก็หมดไปเกือบพัน ภารกิจในวันนั้นเป็นอันเสร็จเรียบร้อย ทีนี่ก็ไปตั้งใจเรียนที่โรงเรียนให้ได้เกรดดีๆก่อนเลยจ้า เราทุ่มเทเวลาทั้งหมดไปกับการเรียนที่โรงเรียนเป็นหลัก แทบจะไม่ได้อ่านหนังสือที่มหาลัยเลย เราตั้งใจสอบที่โรงเรียนให้ผ่านทุกวิชา เคลียร์งานค้างให้หมด และปิดเทอมให้ไวที่สุด หลังจากนั้นเราก็มุ่งอ่านหนังสือของมหาลัยเลยจ้า ทั้งอ่าน ทั้งฝึกทำข้อสอบ ทั้งดูเทปบรรยายย้อนหลัง (วิธีนี้ไม่ดีเลยนะคะ มาอัดตอนใกล้สอบ อย่างที่ดีควรอ่านหนังสือสอบทุกวัน วันละนิดวันละหน่อยก็ยังดี ) พอถึงวันสอบเราก็ไปสอบที่มหาวิทยาลัย สอบวันละวิชาก็แอบตุยแล้วนะ ข้อสอบเยอะมาก ยากมากด้วย5555 แต่ถ้าตั้งใจไม่มีคำว่ายาก (เวลาสอบของมหาลัยจะตรงกับวันปิดเทอมที่โรงเรียนพอดีเราก็เลยไม่มีปัญหา แต่ที่มีปัญหาคือการนั่งรถไปสอบ5555 บ้านอยู่ไกลก็ต้องทำใจ) ผ่านไปเกือบ 2 เดือน ผลสอบก็จะออก ใจหวิวทุกที เทอมแรกผ่านไปได้ดี เทอมต่อๆไปก็เป็นเช่นนี้จนกระทั่งเราเรียนจบม.6 เราก็ต้องทำการเทียบโอนวิชาที่เราเก็บได้ทั้งหมดในช่วงที่เรียนควบคู่ไปเป็นนักศึกษาใหม่ แต่ก่อนจะเทียบโอนได้เราต้องสมัครเป็นนักศึกษาปกติก่อนนะคะ ก็จะเสียค่าใช้จ่ายใหม่ในการสมัครใหม่ทั้งหมด แถมยังต้องเสียค่าเทียบโอนหน่วยกิตวิชาที่เราเก็บได้ด้วย ก็จะตกหน่วยกิตละ 50 บาท ถ้าเก็บได้ 100 หน่วยกิตก็คูณไปเลยจ้า หลายบาทอยู่นะ555 แต่ก็นั่นแหละการศึกษาคือการลงทุน เราก็ทำเรื่องเทียบโอนเรียบร้อย แล้วก็เรียนต่ออีก 2 ภาคเรียนสุดท้าย ในสถานะนักศึกษาเต็มตัว ทั้ง 2 เทอมนี้ เหลือแต่วิชาที่เราต้องเข้าเรียนอย่างจริงจังแล้ว ซึ่งในชั้นเรียนคือเราเป็นน้องเล็กสุดเลย5555 แอบทำตัวไม่ถูกอยู่นะ แต่ว่ารุ่นพี่น่ารักทุกคนเลย โชคดีของเราแหละ สงสัยตรงไหนก็ถามพี่ๆได้ 2 เทอมสุดท้ายแล้วเราก็ตั้งใจเรียนเต็มที่เลย ตั้งใจสอบแบบสุดๆ และแล้ววันที่เรารอคอยก็มาถึง คือวันที่ผลสอบภาคสุดท้ายออก ผ่านหมด ในใจคิดแต่ว่า จะเรียนจบแล้วจริงๆหรอ จะดีใจหรือเสียใจดี555 ก็ต้องดีใจสินะหลังจากนั้นเราก็ทำเรื่องจบตามระเบียบการทุกอย่าง จนกระทั่งวันที่สภาอนุมัติปริญญา จบแบบจริงๆ น้ำตาจิไหล เมื่อเห็นเกียรตินิยมอันดับ 2 ห้อยท้ายมาด้วย สมดังใจปรารถนา แทบจะเป็นของขวัญวันเกิดเลย เพราะพึ่งอายุครบ 20 ปี ได้ไม่เกิน 2 เดือนเองสุดท้ายนี้เราอยากจะบอกว่าความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆจริงๆนะคะ แต่อย่างไรก็ตามมันไม่ยากเกินความสามารถแน่นอนค่ะ เพียงแค่เราต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนเท่านั้นเอง สำหรับน้องๆที่สนใจเรียนในระบบนี้นะคะ ศึกษาข้อมูลกันดีๆนะ อยากเรียนจบไว แล้วมีงานทำเลย หรือจะเรียนต่อควบคู่กับปริญญาตรีอีกใบก็ได้นะคะ แต่ต้องเป็นมหาวิทยาลัยอื่นนะคะ ตอนจบก็จะได้ปริญญาตรี 2 ใบ เก๋ๆเลยนะ ขอบคุณภาพปกจาก canvaภาพประกอบทั้งหมดโดยนักเขียนเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !