ย้อนดูเรื่องราวสนุก ๆ ในประวัติศาสตร์ ว่าด้วยการเดินเรือและความเชื่อแปลก ๆ ของอารยธรรมจีน เชื่อว่าทุกคนคงเคยได้ยินเรื่อง การเดินเรือของเจิ้งเหอ (Zheng He) หรือสมัยเรียนชั้นมัธยมปลายเราจะคุ้นเคยกันดีในชื่อ การเดินเรือซำปอกง โดยคุณครูมักจะสอนให้เรารู้ว่ากองเรือสำเภาของเจิ้งเหอนั้นยิ่งใหญ่ขนาดไหน เจิ้งเหอเดินเรือไปยังดินแดนใดบ้าง และสอนให้เรารู้จักกับระบบบรรณาการระหว่างจีนกับดินแดนอื่น ๆ ทั่วโลก แต่ความจริงแล้ว ทุกครั้งที่เจิ้งเหอเดินเรือ มักจะมีเรื่องราวน่าสนใจที่ถูกบันทึกเอาไว้เป็นเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย เรื่องที่จะนำมาเล่าสู่กันฟังในวันนี้ เป็นเรื่องสนุกที่มาจาก เครื่องบรรณาการ ระหว่างการเดินเรือของเจิ้งเหอนั่นเองเรื่องราวดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อสมัยราชวงศ์หมิง ภายใต้การปกครองของหย่งเล่อฮ่องเต้ เมื่อครั้งมีบัญชาการให้เจิ้งเหอและกองเรือขนาดใหญ่ หลักฐานบางชิ้นกล่าวว่าเรือสำเภาของกองเรือเจิ้งเหอใหญ่กว่าเรือของคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส (Christopher Columbus) หลายเท่าตัว คราวนี้ในสมัยจักรพรรดิหยงเล่อ ถือเป็นยุคหนึ่งที่มีความพร้อมด้านการทหาร มุ่งพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับดินแดนทั่วโลกอย่างแข็งขัน การเดินเรือจึงเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่หย่งเล่อฮ่องเต้ใช้เพื่อประกาศศักดาความยิ่งใหญ่ของอารยธรรมจีน ให้ความคุ้มครองแก่ดินแดนแลกมากับเครื่องบรรณาการที่แต่ละดินแดนมอบให้เพื่อแสดงความจงรักภักดีนั่นเองเรื่องมีอยู่ว่า ในการเดินเรือครั้งที่ 4 ของกองเรือมหาสมบัติของเจิ้งเหอ เพื่อค้นหาและติดต่อกับดินแดนต่าง ๆ โดยครั้งนั้นเกิดขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1414 กองเรือกว่า 200 ลำ เต็มไปด้วยกองกำลังทางทหารเกือบ 30,000 นาย ภายใต้เส้นทางไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปอร์เซีย ดินแดนในตะวันออกกลางและทวีปแอฟริกา เมื่อไปถึงแผ่นดินที่ชื่อว่า มาลินดี (Malindi) ปัจจุบันอยู่ที่ประเทศเคนยา (Kenya) เจิ้งเหอได้พบกับราชทูตแห่งเบงกาลี จึงแสดงสัมพันธไมตรีอันดีระหว่างกัน ครั้งนั้นกองเรือมหาสมบัติของเจิ้งเหอได้เครื่องบรรณาการมาในจำนวนมหาศาล ทั้งเงินทอง ถ้วยโถโอชาม เพชรนิลจินดา บรรดาสัตว์น้อยใหญ่ทั้งเสือ สิงโต นกยูง แต่สัตว์ชนิดหนึ่งที่ทำให้จักรพรรดิหย่งเล่อตื่นตระหนกมากที่สุดคือ ยีราฟกองเรือมหาสมบัติเดินทางกลับไปยังจีนแผ่นดินใหญ่ พร้อมทั้งเครื่องบรรณาการที่ได้รับมาจากดินแดนไกล เมื่อยีราฟจากมาลินดีปรากฎสู่สายตาบรรดาขุนนางจีนและจักรพรรดิหย่งเล่อ เป็นที่ตกอกตกใจเพราะหย่งเล่อฮ่องเต้เข้าใจว่ายีราฟเป็นสัตว์ในตำนานของจีน ที่เรียกว่า กิเลน (Qilin) สัตว์ที่มีลำตัวเป็นกวาง หัวเป็นมังกร เท้ามีกีบเหมือนม้า มีหางเป็นวัวและมีเขาเดียว หากเราลองพิจารณาลักษณะของยีราฟก็คล้ายกับกิเลนอยู่พอตัว จึงเป็นเหตุให้หย่งเล่อฮ่องเต้รู้สึกประหลาดใจ แต่ตามบันทึกกล่าวว่ายีราฟได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดี ถูกจัดไว้ในพื้นที่ภายในราชสำนัก เป็นสวนขนาดใหญ่เพื่อเลี้ยงสัตว์ที่ได้จากดินแดนต่าง ๆไม่มีใครรู้ว่ายีราฟ (ที่จักรพรรดิหย่งเล่อคิดว่าเป็นกิเลน) หายไปไหนหลังสิ้นสุดอำนาจของฮ่องเต้หย่งเล่อ บ้างก็ว่าอาจจะถูกกิน บ้างก็ว่าตายไปตามอายุขัย แต่สิ่งที่เราได้เรียนรู้จากเรื่องนี้นั่นคือวิธีการสั่งสมอำนาจของจักรพรรดิจีน ด้วยการตั้งตนเป็นประเทศมหาอำนาจ เป็นศูนย์กลางในการติดต่อค้าขาย นั่นทำให้หลายประเทศต่างให้ความเคารพต่อจักรพรรดิจีนเป็นอย่างมาก การเดินเรือทำให้จีนค้นพบดินแดนใหม่ ๆ จะเรียกว่าเป็นการยึดครองดินแดนอาณานิคมโดยไม่ใช้กำลังก็ว่าได้ เพราะแม้จะให้เจ้าเมืองปกครองกันเอง แต่ก็ต้องส่งเครื่องบรรณาการไปแสดงความจงรักภักดี แลกกับผลประโยชน์ทางการค้าและการปกครองจากจีน แม้กระทั่งยุคปัจจุบัน จีนก็ยังคงมีกลยุทธ์การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในลักษณะเดียวกัน จึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่า เพราะเหตุใดจีนจึงเป็นประเทศมหาอำนาจที่ใครก็ยากจะโค่นลงรูปภาพหน้าปก โดย Sarthak Navjijan : Unsplashภาพประกอบที่ 1 โดย ArtTower : Pixabayภาพประกอบที่ 2 โดย AndreasGoellner : Pixabayภาพประกอบที่ 3 โดย _Alicja_ : Pixabay