เจาะลึกประวัติศาสตร์เกาหลีจากซีรีส์ Netflix เรื่อง Kingdom ภาคพิเศษ ที่ชื่อว่า "Kingdom : Ashin of the North ผีดิบคลั่ง บัลลังก์เดือด : อาชินแห่งเผ่าเหนือ" โดย นายสัณหวัช รามพูล (ขนุน) : นามปากกา - เด็กวัดเกาหลี ต.อ. ๗๙เตรียมอุดมศึกษา รุ่นที่ ๗๙สาขาวิชาโบราณคดี คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตวังท่าพระ ภาพที่ ๑ โปสเตอร์ซีรีส์ Netflix เรื่อง Kingdom ภาคพิเศษ ที่ชื่อว่า "Kingdom : Ashin of the North ผีดิบคลั่ง บัลลังก์เดือด : อาชินแห่งเผ่าเหนือ" ที่มาของภาพ : https://www.facebook.com/NetflixTH/ เจาะลึกประวัติศาสตร์เกาหลีจากซีรีส์ Netflix เรื่อง Kingdom ภาคพิเศษ ที่ชื่อว่า "Kingdom : Ashin of the North ผีดิบคลั่ง บัลลังก์เดือด : อาชินแห่งเผ่าเหนือ" ในวันนี้ ผู้เขียนจะพาผู้อ่านหรือผู้ชมที่น่ารักทุกท่านไปเจาะลึกประวัติศาสตร์เกาหลีที่ปรากฏเป็นปมเรื่องราวในซีรีส์ Netflix เรื่อง Kingdom ภาคพิเศษ ที่ชื่อว่า "Kingdom : Ashin of the North ผีดิบคลั่ง บัลลังก์เดือด : อาชินแห่งเผ่าเหนือ" โดยผู้เขียนจะมาบอกเล่าปมเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์เกาหลีในบทความนี้ คือ การรุกล้ำเข้ามาตั้งถิ่นฐานของชนเผ่าเร่ร่อนบนหลังม้า นามว่า "ชนเผ่าหนี่ว์เจิน" ทางตอนเหนือของคาบสมุทรเกาหลี ภาพที่ ๒ โปสเตอร์ซีรีส์ Netflix เรื่อง Kingdom ภาคพิเศษ ที่ชื่อว่า "Kingdom : Ashin of the North ผีดิบคลั่ง บัลลังก์เดือด : อาชินแห่งเผ่าเหนือ" ที่มาของภาพ : https://www.facebook.com/NetflixTH/ "ภายใต้ธงพาจอวีอันดุดันและทรงพลัง ยามชนหนี่ว์เจินหมื่นชีวิตรวมพลกัน ไม่อาจมีผู้ใดในจักรวาลเอาชนะได้" ภาพที่ ๓ โปสเตอร์ซีรีส์ Netflix เรื่อง Kingdom ภาคพิเศษ ที่ชื่อว่า "Kingdom : Ashin of the North ผีดิบคลั่ง บัลลังก์เดือด : อาชินแห่งเผ่าเหนือ" ที่มาของภาพ : https://www.facebook.com/NetflixTH/ การรุกล้ำเข้ามาตั้งถิ่นฐานของชนเผ่าเร่ร่อนบนหลังม้า นามว่า "ชนเผ่าหนี่ว์เจิน" ทางตอนเหนือของคาบสมุทรเกาหลี "ภายใต้ธงพาจอวีอันดุดันและทรงพลัง ยามชนหนี่ว์เจินหมื่นชีวิตรวมพลกัน ไม่อาจมีผู้ใดในจักรวาลเอาชนะได้" ภาพที่ ๔ ซีรีส์ Netflix เรื่อง Kingdom ภาคพิเศษ ที่ชื่อว่า "Kingdom : Ashin of the North ผีดิบคลั่ง บัลลังก์เดือด : อาชินแห่งเผ่าเหนือ" ที่มาของภาพ : https://web.facebook.com/JustDooItTH/ เนื่องจากพื้นที่ทางตอนเหนือของคาบสมุทรเกาหลีมีอาณาบริเวณต่อเนื่องติดต่อกับที่ราบสูง- ทุ่งหญ้าแมนจูเรีย ทางเหนือของแม่น้ำอัมนก (แม่น้ำยาลู่) อันเป็นพื้นที่ตั้งถิ่นฐานของชนเผ่าเร่ร่อน หรือ อนารยชนบนหลังม้า หลากหลายเผ่า หนึ่งในนั้น คือ ชนเผ่าหนี่ว์เจิน หรือ ชนเผ่าจูร์เชน ที่เป็นชื่อในภาษาแมนจู (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น "หมั่นจู๋" หรือ "แมนจู" และสถาปนา "ราชวงศ์ชิง" ขึ้นจนสามารถยึดครองแผ่นดินใหญ่ของจีนได้) ที่ปรากฏชื่อและตัวตนสมมติในซีรีส์ Netflix เรื่อง Kingdom ภาคพิเศษ ที่ชื่อว่า "Kingdom : Ashin of the North ผีดิบคลั่ง บัลลังก์เดือด : อาชินแห่งเผ่าเหนือ" ภาพที่ ๕ อาณาเขตของที่ราบสูง - ทุ่งหญ้าแมนจูเรียที่มาของภาพ : https://en.wikipedia.org/ ภาพที่ ๖ สภาพแวดล้อมของแม่น้ำอัมนก (แม่น้ำยาลู่) ในปัจจุบันที่มาของภาพ : https://en.wikipedia.org/ นอกจากนี้ยังมีชนเผ่าเซียนเป่ยที่สามารถสถาปนาราชวงศ์เว่ยเหนือขึ้นปกครองแผ่นดินตอนเหนือของจีนในสมัยราชวงศ์เหนือ - ใต้ และชนเผ่าชี่ตันที่สามารถสถาปนาราชวงศ์เหลียวขึ้นปกครองแผ่นดินตอนเหนือของจีนในสมัยราาชวงศ์ซ่งเหนือด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ทั้งราชวงศ์ของชนเผ่าเซียนเป่ยและชี่ตันล้วนเกิดขึ้นก่อนอาณาจักรโชซอนหลายร้อยปี แต่อาณาจักรที่มีบทบาทต่ออาณาจักรโชซอนนั้น ก็คือ จักรวรรดิจีน - ต้าหมิงของราชวงศ์หมิงที่ปกครองแผ่นดินใหญ่ของจีน และชนเผ่าเร่ร่อนหรืออนารยชนบนหลังม้าที่สำคัญ คือ เผ่าหนี่ว์เจินที่ต่อมากลายเป็นราชวงศ์ชิงขึ้นปกครองแผ่นดินใหญ่ของจีนได้จนสถาปนา "จักรวรรดิจีน - ต้าชิง" อันมีบทบาทสำคัญต่ออาณาจักรโชซอนในภายภาคหน้าที่ผู้เขียนจักกล่าวต่อไปด้วยเช่นกัน ภาพที่ ๗ ตัวตนสมมติของนายทหารของกองทัพโชซอน (ซ้าย) และชาวชนเผ่าหนี่ว์เจิน (กลางและขวา) ในซีรีส์ Netflix เรื่อง Kingdom ภาคพิเศษ ที่ชื่อว่า "Kingdom : Ashin of the North ผีดิบคลั่ง บัลลังก์เดือด : อาชินแห่งเผ่าเหนือ" ที่มาของภาพ : https://web.facebook.com/JustDooItTH/ "ชนเผ่าหนี่ว์เจิน" หรือ "จักรวรรดิจีน - ต้าชิง" ในอนาคต เริ่มเข้ามามีบทบาทต่ออาณาจักรโชซอน โดยเฉพาะด้านสงคราม สืบเนื่องจากในช่วงครึ่งหลังของคริสต์ศตวรรษที่ ๑๔ (ราวปลายพุทธศตวรรษที่ ๑๙ - กลางพุทธศตวรรษที่ ๒๐) "ชนเผ่าหนี่ว์เจิน" กลุ่มต่าง ๆ เริ่มเข้ามารุกล้ำอาณาเขตทางตอนเหนือของเกาหลี เพราะหนีจากการปกครองของชนเผ่ามองโกลหรือราชวงศ์หยวนที่ต่อมาล่มสลายจากการถูกโค่นล้มโดยราชวงศ์หมิงของชาวจีนฮั่น ในขณะเดียวกัน ราชวงศ์โครยอของเกาหลีล่มสลายจากการถูกโค่นล่มโดยราชวงศ์โชซอน ดังนั้น เมื่อราชวงศ์โชซอนขึ้นมามีอำนาจในการปกครองคาบสมุทรเกาหลี ราชสำนักโชซอนจึงได้เข้าควบคุม "ชนเผ่าหนี่ว์เจิน" กลุ่มต่าง ๆ เพื่อรักษาเสถียรภาพของชายแดนทางเหนือของพระราชอาณาจักร จากที่กล่าาวมาข้างต้น เห็นได้จากการจัด ตั้งหน่วยกำลังและค่ายทหารในเขตอำนาจแม่น้ำอัมนกตอนบน (แม่น้ำยาลู่) ซึ่งเป็นแม่น้ำที่เป็นพรมแดนธรรมชาติกั้นระหว่างจีนและเกาหลีเหนือในปัจจุบัน โดยในรัชสมัยพระเจ้าเซจงมหาราช พระมหากษัตริย์เกาหลีพระองค์ที่ ๔ แห่งราชวงศ์โชซอนก็ทรงก่อตั้งสี่ป้อมหกปราการ (사군육진; ซากุนยุกจิน) ที่สร้างขึ้นในช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่ ๑๕ (ราวปลายพุทธศตวรรษที่ ๒๐) ระหว่างแม่น้ำอัมนกและแม่น้ำดูมัน เพื่อป้องกันการรุกรานของพวก "ชนเผ่าหนี่ว์เจิน" หรือ "แมนจู" ทางตอนเหนือ ซึ่ง "สี่ป้อมหกปราการ" ได้แก่ ฐานทัพหรือกองบัญชาการทหารหรือค่ายทหาร ๔ แห่ง และป้อมเมือง ๖ แห่ง อย่างเช่น ป้อมมันโพและฐานทัพหรือกองบัญชาการทหารหรือค่ายทหารชูพาจิน ตามที่ปรากฏในซีรีส์ Netflix เรื่อง Kingdom ภาคพิเศษ ที่ชื่อว่า "Kingdom : Ashin of the North ผีดิบคลั่ง บัลลังก์เดือด : อาชินแห่งเผ่าเหนือ" นั่นเองครับผม "สี่ป้อมหกปราการ" ตั้งอยู่ใกล้กับพื้นที่ของ "ชาวชนเผ่าหนี่ว์เจิน กลุ่มซองจอยาอิน" ซึ่งอาศัยอยู่ในบริเวณที่ราบสูงแคมา โดย "ชาวชนเผ่าหนี่ว์เจิน กลุ่มซองจอยาอิน" เป็นกลุ่มชนเผ่าหนี่ว์เจินของตัวตนสมมตินางเอกในซีรีส์ Netflix เรื่อง Kingdom ภาคพิเศษ ที่ชื่อว่า "Kingdom : Ashin of the North ผีดิบคลั่ง บัลลังก์เดือด : อาชินแห่งเผ่าเหนือ" คือ "อาชิน" นั่นเอง ครับผม ส่วน "ชนเผ่าหนี่ว์เจินพาจอวี" เป็นชนเผ่าหนี่ว์เจินที่ตั้งรกรากอยู่ในบริเวณลุ่มแม่น้ำพาจอหรือแม่น้ำฮั่นที่อยู่ในประเทศจีนทุกวันนี้ และเริ่มขยายอาณาเขตออกเป็นวงกว้าง อีกทั้งนักรบและทหารในกองทัพของ "ชนเผ่าหนี่ว์เจิน กลุ่มพาจอวี" มีความโหดเหี้ยมทารุณในการสังหารชาวชนเผ่าต่าง ๆ ที่พวกชนเผ่าหนี่ว์เจิน กลุ่มพาจอวีเข้าไปโจมตี ซึ่งทำให้ราชสำนักโชซอนมีความวิตกกังวลกับชายแดนทางเหนือที่เสี่ยงต่อการรุกรานจากพวกชนเผ่าหนี่ว์เจิน กลุ่มพาจอวีเป็นอย่างยิ่งครับผม ราชสำนักโชซอนจึงได้ใช้นโยบายที่ประนีประนอมกับ "ชนเผ่าหนี่ว์เจิน" กลุ่มต่าง ๆ ตามมิตรภาาพแบบดินแดนเพื่อนบ้าน โดยเอาใจ "ชาวชนเผ่าหนี่ว์เจิน" กลุ่มต่าง ๆ ด้วยการแต่งตั้งตำแหน่งทางทหารให้แก่พวกเขา แต่บางครังราชสำนักโชซอนก็ใช้กำลังทางทหารเข้าต่อต้านและโจมตี "ชนเผ่าหนี่ว์เจิน" กลุ่มต่าง ๆ ให้ยอมศิโรราบ เห็นได้จากฉากในซีรีส์ Netflix เรื่อง Kingdom ภาคพิเศษ ที่ชื่อว่า "Kingdom : Ashin of the North ผีดิบคลั่ง บัลลังก์เดือด : อาชินแห่งเผ่าเหนือ" ที่ชาวเกาหลี - โชซอนมักดูถูก เหยียดหยามและเอารัดเอาเปรียบ "ชาวชนเผ่าหนี่ว์เจิน" เหมือนอย่างตัวละครที่เป็นนางเอก นามว่า อาชิน พร้อมทั้งพ่อและพี่น้องร่วมชนเผ่าของเขาโดนหลอกใช้ ดูถูก เหยียดหยาม และกระทำย่ำยีนั่นเอง เมื่อเวลาผ่านไป ในที่สุด กองทัพของ "เผ่าหนี่ว์เจิน" หรือ "จักรวรรดิจีน - ต้าชิง" ในอนาคต ได้เข้ามารุกรานอาณาจักรโชซอนในรัชสมัยพระเจ้าอินโจในปีคริสต์ศักราช ๑๖๒๗ (พุทธศักราช ๒๑๗๐ : ช่วงปลายรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าทรงธรรมแห่งจักรวรรดิอยุธยาและราวช่วงปลายของสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนกลางในประวัติศาสตร์ไทย - สยาม) เรียกว่า "การรุกรานเกาหลีของแมนจูครั้งที่หนึ่ง (First Manchu Invasion of Korea) " หรือ "การรุกรานปีจองมโย (정묘호란 丁卯胡亂)" ภายใต้การนำของ "หฺวัง ไท่จี๋ (皇太極 - Hong Taiji)" หรือ "อะบาไฮข่าน (Abahai Khan)" ประมุขของชาวชนเผ่าหนี่ว์เจินและข่านแห่งราชวงศ์โฮ่วจิน (ราชวงศ์จินระยะหลัง) ซึ่งเป็นราชวงศ์ของชาวชนเผ่าหนี่ว์เจิน ที่สืบทอดมาจากราชวงศ์จิน (ราชวงศ์จินระยะแรก) ของชาวชนเผ่าหนี่ว์เจินในอดีตที่ถูกโค่นล้มโดยกองทัพ "ชาวชนเผ่ามองโกล" หรือ "ราชวงศ์หยวน" หลังจากราชวงศ์จิน (ราชวงศ์จินระยะแรก) ของชาวชนเผ่าหนี่ว์เจินในอดีตถูกโค่นล้มโดยกองทัพ "ชาวชนเผ่ามองโกล" หรือ "ราชวงศ์หยวน" ทำให้ชาวชนเผ่าหนี่ว์เจินต้องลี้ภัยมาตั้งถิ่นฐานใน "ที่ราบสูงแมนจูเรีย" หรือ "แคว้นเหลียวตง" อันเป็นถิ่นฐานดั้งเดิมของตนเองและบรรพชนอีกครั้ง ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างแผ่นดินใหญ่ของจีนกับคาบสมุทรเกาหลีตอนบน กลับมาที่ประเด็นของ "การรุกรานเกาหลีของแมนจูครั้งที่หนึ่ง (First Manchu Invasion of Korea) " หรือ "การรุกรานปีจองมโย (정묘호란 丁卯胡亂)" ภายใต้การนำของ "หฺวัง ไท่จี๋ (皇太極 - Hong Taiji)" หรือ "อะบาไฮข่าน (Abahai Khan)" กันต่อนะครับ โดย "หฺวัง ไท่จี๋" ได้ส่งเจ้าชายอามิน (Amin) ผู้เป็นลุง ยกกองทัพหนี่ว์เจินเข้ารุกรานอาณาจักรโชซอนจนสามารถตีเมืองต่าง ๆ ของตอนเหนือคาบสมุทรเกาหลีลงมาเรื่อย ๆ จนฝ่ายราชสำนักโชซอนวิตกว่าจักเสียกรุงฮันยาง (กรุงโซลในปัจจุบัน) ให้แก่กองทัพ "ชาวชนเผ่าหนี่ว์เจิน" ทำให้พระเจ้าอินโจ พระบรมวงศานุวงศ์ และเหล่าขุนนาง อพยพหนีไปลี้ภัยที่เกาะคังฮวา ในที่สุด กองทัพแมนจูยึดกรุงฮันยาง (กรุงโซลในปัจจุบัน) ได้ ทำให้พระเจ้าอินโจที่ทรงหลบหนีไปเกาะคังฮวาเดินทางมาขอเจรจาสันติภาพ โดยราชสำนักโชซอนต้องเลิกใช้นามปีรัชศกเทียนฉี (ตามปกติราชสำนักโชซอนจะใช้นามปีรัชศกของราชวงศ์หมิง) ทำให้กองทัพ "ชาวชนเผ่าหนี่ว์เจิน"ทั้งหมดก็ถอนทัพกลับ ภาพที่ ๘ ป้อมปราการโชจิจินที่เกาะคังฮวาที่มาของภาพ : https://www.ganghwa.go.kr/ภาพที่ ๙ ป้อมปราการที่เกาะคังฮวาที่มาของภาพ : https://www.ganghwa.go.kr/ อย่างไรก็ตาม การรุกรานเกาหลีของแมนจูครั้งที่สอง (Second Manchu Invasion of Korea) หรือ การรุกรานปีพยองจา (병자호란 丙子胡亂) จึงเกิดขึ้น ภายใต้การนำของ "หฺวัง ไท่จี๋" ที่ได้เปลี่ยนชื่อของเผ่าเป็น "หมั่นจู๋" หรือ "แมนจู" (滿族; Manchu) และเปลี่ยนชื่อราชวงศ์ของชาวชนเผ่าหนี่ว์เจินที่เดิมชื่อว่า "ราชวงศ์โฮ่วจิน" (ราชวงศ์จินระยะหลัง) เป็น "ราชวงศ์ชิง" พร้อมทั้งสถาปนาตนเองขึ้นเป็นฮ่องเต้ตามแบบจีน โดยทรงมีพระนามแบบจีนว่า "สมเด็จพระจักรพรรดิชิงไท่จง" ในปีคริสต์ศักราช ๑๖๓๖ (ปีพุทธศักราช ๒๑๗๙ ตรงกับรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าปราสาททองแห่งจักรวรรดิอยุธยา ช่วงต้นของสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายในประวัติศาสตร์ไทย - สยาม) ด้วยความสนับสนุนจากชาวชนเผ่าแมนจูและชาวชนเผ่ามองโกลกลุ่มต่างๆ อย่างไรก็ตาม ราชสำนักโชซอนไม่ได้ส่งผู้แทนเข้าร่วมการประกาศและสถาปนาราชวงศ์ใหม่ เพราะราชสำนักโชซอนยึดมั่นในความกตัญญูและจงรักภักดีต่อเจ้านายผู้มีบุญคุณต่อราชสำนักโชซอนอย่างราชวงศ์หมิงตามหลักขงจื้อ เพราะราชวงศ์หมิงเคยส่งกองทัพมาช่วยอาณาจักรโชซอนไว้มากในคราวที่ทำสงครามกับญี่ปุ่นที่มีชื่อว่า "สงครามอิมจิน" ช่วงปีคริสต์ศักราช ๑๕๙๒ - ๑๕๙๘ ในรัชสมัยพระเจ้าซอนโจ ผู้เป็นพระอัยกาของพระเจ้าอินโจ โดยอยู่ในช่วงเดียวกับปีพุทธศักราช ๒๑๓๕ - ๒๑๔๑ ในรัชสมัยของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชแห่งจักรวรรดิอยุธยาในประวัติศาสตร์ไทย - สยาม การตัดสินใจของราชสำนักโชซอนที่ไม่ได้ส่งผู้แทนเข้าร่วมการประกาศและสถาปนาราชวงศ์ใหม่ ทำให้ราชสำนักชิงได้ส่งคณะทูตมาเรียกร้องบรรณาการ แต่ราชสำนักโชซอนต้อนรับคณะทูตของราชวงศ์ชิงที่มาเรียกร้องบรรณาการอย่างเย็นชา อีกทั้งราชสำนักโชซอนก็เตรียมกองทัพรอไว้แล้ว คณะทูตตกใจจึงหนีกลับไปกราบทูล ฮ่องเต้ "หฺวัง ไท่จี๋" ภาพที่ ๑๐ พระบรมสาทิสลักษณ์ของ "สมเด็จพระจักรพรรดิชิงไท่จง" หรือ "หฺวัง ไท่จี๋" ของราชวงศ์ชิงแห่งจักรวรรดิจีน - ต้าชิงที่มาของภาพ : https://en.wikipedia.org/ ภาพที่ ๑๑ แนวป้อมปราการนัมฮันซันซ็อง (Namhansanseong Fortress)ที่มาของภาพ : https://whc.unesco.org/en/ ดังนั้น "หฺวัง ไท่จี๋" จึงยกทัพ ๑๒๐,๐๐๐ นาย เข้ารุกรานอาณาจักรโชซอน พระเจ้าอินโจจึงทรงลี้ภัยไปอยู่ที่ป้อมปราการนัมฮันซันซ็อง (Namhansanseong Fortress) ทำให้กองทัพทัพแมนจูปิดล้อมป้อมไว้จนทำให้ภายในป้อมต้องเผชิญกับความอดอยากเพราะการขนส่งถูกตัดขาด หลังจากถูกปิดล้อมอยู่เป็นเวลาหลายเดือนเสบียงเริ่มหมดลงทำให้บรรดาขุนนางมิอาจทนได้ ด้วยคำแนะนำของขุนนางฝ่ายตะวันตกผู้อาวุโส พระเจ้าอินโจทรงยอมจำนนต่อ "หฺวัง ไท่จี๋" ในที่สุด ซึ่งอยู่ในปีคริสต์ศักราช ๑๖๓๗ (ปีพุทธศักราช ๒๑๘๐ ตรงกับรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าปราสาททองแห่งจักรวรรดิอยุธยา ช่วงต้นของสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายในประวัติศาสตร์ไทย - สยาม) ภาพที่ ๑๒ แนวป้อมปราการนัมฮันซันซ็อง (Namhansanseong Fortress)ที่มาของภาพ : https://www.worldheritagesite.org/ภาพที่ ๑๓ แนวป้อมปราการนัมฮันซันซ็อง (Namhansanseong Fortress)ที่มาของภาพ : https://whc.unesco.org/en/ ภาพที่ ๑๔ แนวป้อมปราการนัมฮันซันซ็อง (Namhansanseong Fortress)ที่มาของภาพ : https://whc.unesco.org/en/ ภาพที่ ๑๕ ประตูทางเข้าประจำทิศเหนือของป้อมปราการนัมฮันซันซ็อง (Namhansanseong Fortress)ที่มาของภาพ : https://en.wikipedia.org/ การเจรจาสงบศึกได้ข้อตกลงให้อาณาจักรโชซอนเป็นประเทศราชของราชวงศ์ชิงแห่งจักรวรรดิจีน - ต้าชิง โดยต้องส่งบรรณาการหรือจิ้มก้องให้แก่ราชวงศ์ชิง โดยฮ่องเต้ "หฺวัง ไท่จี๋" หรือ "สมเด็จพระจักรพรรดิชิงไท่จง" ทรงมีพระบรมราชโองการให้สร้างอนุสรณ์สถานรำลึกชัยชนะของแมนจู (ชนเผ่าหนี่ว์เจิน) เหนือโชซอน เรียกว่า อนุสรณ์ซัมจอนโด (삼전도비 三田渡碑) ปัจจุบันตั้งอยู่ที่กรุงโซลในบริเวณใกล้กับแม่น้ำฮัน แล้วทรงมีพระบรมราชโองการให้พระเจ้าอินโจเข้าพบพระองค์ที่อนุสรณ์สถานนั้น หลังจากนั้นทรงให้พระเจ้าอินโจคำนับพระองค์ห้าครั้งและเอาพระเศียรโขกลงกับพื้นอีกสามครั้ง เพื่อเป็นการแสดงการสวามิภักดิ์โดยสิ้นเชิงต่อแมนจู รวมทั้งราชสำนักโชซอนต้องส่งองค์รัชทายาทโซฮย็อน องค์ชายพงนิม และลูกหลานของขุนนางชั้นสูงไปเป็นองค์ประกันและตัวประกันที่กรุงเสิ่นหยาง เมืองหลวงของราชวงศ์ชิงในระยะนั้น นับว่าความพ่ายแพ้ของราชสำนักโชซอนในครั้งนั้นเป็นความอัปยศครั้งยิ่งใหญ่ของพระเจ้าอินโจและในประวัติศาสตร์เกาหลี รวมทั้งนับว่าเป็นเหตุให้เกาหลีต้องตกเป็นประเทศราชของราชวงศ์ชิงไปอีกเป็นเวลาสองร้อยห้าสิบปี ก่อนที่จักรวรรดิญี่ปุ่นจะมายึดครองเป็นรายต่อไป ภาพที่ ๑๖ อนุสรณ์ซัมจอนโด (삼전도비 三田渡碑) ปัจจุบันตั้งอยู่ที่กรุงโซลในบริเวณใกล้กับแม่น้ำฮันที่มาของภาพ : https://en.wikipedia.org/ ภาพที่ ๑๗ ภาพเหตุการณ์ของพระเจ้าอินโจต้องคำนับฮ่องเต้ "หฺวัง ไท่จี๋" หรือ "สมเด็จพระจักรพรรดิชิงไท่จง" ประมุขแห่งเผ่าแมนจูหรือหนี่ว์เจินของราชวงศ์ชิงที่ปกครองจักรวรรดิจีน - ต้าชิง เป็นจำนวนห้าครั้งและเอาพระเศียรโขกลงกับพื้นอีกสามครั้ง โดยภาพนี้อยู่ที่อนุสรณ์ซัมจอนโด (삼전도비 三田渡碑) ปัจจุบันตั้งอยู่ที่กรุงโซลในบริเวณใกล้กับแม่น้ำฮันที่มาของภาพ : https://en.wikipedia.org/ จากเหตุการณ์ดังกล่าวสอดคล้องกับคำกล่าวที่ปรากฏในซีรีส์ Netflix เรื่อง Kingdom ภาคพิเศษ ที่ชื่อว่า "Kingdom : Ashin of the North ผีดิบคลั่ง บัลลังก์เดือด : อาชินแห่งเผ่าเหนือ" ที่ว่า "ภายใต้ธงพาจอวีอันดุดันและทรงพลัง ยามชนหนี่ว์เจินหมื่นชีวิตรวมพลกัน ไม่อาจมีผู้ใดในจักรวาลเอาชนะได้" ซึ่งกองทัพชาวพาจอวีเป็นหนึ่งในกลุ่มของชาวชนเผ่าหนี่ว์เจินกลุ่มต่าง ๆ ดังนั้น ผมขอเปลี่ยนใหม่มาเรียกในคำกล่าวแบบที่ผมชอบ ว่า "ภายใต้ธงแห่งต้าชิงอันดุดันและทรงพลัง ยามชนหนี่ว์เจินหมื่นชีวิตรวมพลกัน ไม่อาจมีผู้ใดในจักรวาลเอาชนะได้" จากคำกล่าวข้างต้นแสดงให้เห็นว่า "กองทัพของชาวชนเผ่าหนี่ว์เจินอันดุดันและทรงพลังสามารถสยบอาณาจักรโชซอนที่มักดูถูก เหยียดหยาม และเอารัดเอาเปรียบพวกเขา รวมทั้งอาณาจักรโชซอนมักมองว่า ชาวชนเผ่าหนี่ว์เจินเป็นพวกป่าเถื่อนที่เป็นกลุ่มอนารยชนที่ไร้อารยธรรมอันสูงส่ง จนทำให้ราชสำนักและอาณาจักรโชซอนยอมศิโรราบแทบเท้าของชาวชนเผ่าหนี่ว์เจินได้ในที่สุดอันเป็นเหตุให้อาณาจักรโชซอนต้องตกเป็นประเทศราชของชาวชนเผ่าหนี่ว์เจินแห่งราชวงศ์ชิงไปอีกเป็นเวลาสองร้อยห้าสิบปี" นั่นเองครับ เหตุการณ์การรุกรานเกาหลีของแมนจูครั้งที่สอง (Second Manchu Invasion of Korea) หรือ การรุกรานปีพยองจา (병자호란 丙子胡亂) ท่านผู้อ่านหรือผู้ชมที่น่ารักทุกท่านสามารถติดตามรับชมความสนุกและตื่นเต้นได้เพิ่มเติมในภาพยนตร์สัญชาติเกาหลีใต้ The Fortress (2017) นัมฮัน ป้อมปราการอัปยศ ครับผมภาพที่ ๑๘ ภาพยนตร์สัญชาติเกาหลีใต้ The Fortress (2017) นัมฮัน ป้อมปราการอัปยศที่มาของภาพ : https://www.ebay.com/ ภาพที่ ๑๙ ภาพยนตร์สัญชาติเกาหลีใต้ The Fortress (2017) นัมฮัน ป้อมปราการอัปยศที่มาของภาพ : https://kobis.or.kr/ภาพที่ ๒๐ พระเจ้าอินโจในภาพยนตร์สัญชาติเกาหลีใต้ : The Fortress (2017) นัมฮัน ป้อมปราการอัปยศที่มาของภาพ : http://fims.kofic.or.kr/ ภาพที่ ๒๑ การประชุมของเหล่าขุนนางโดยมีพระเจ้าอินโจเป็นองค์ประธานภายในป้อมปราการนัมฮันซันซ็อง (Namhansanseong Fortress) ในภาพยนตร์สัญชาติเกาหลีใต้ : The Fortress (2017) นัมฮัน ป้อมปราการอัปยศที่มาของภาพ : http://fims.kofic.or.kr/ ภาพที่ ๒๒ เหตุการณ์ในภาพยนตร์สัญชาติเกาหลีใต้ : The Fortress (2017) นัมฮัน ป้อมปราการอัปยศที่มาของภาพ : http://fims.kofic.or.kr/ ภาพที่ ๒๓ เหตุการณ์ในภาพยนตร์สัญชาติเกาหลีใต้ : The Fortress (2017) นัมฮัน ป้อมปราการอัปยศที่มาของภาพ : http://fims.kofic.or.kr/ :) ประเด็นวิเคราะห์เพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องที่นอกเหนือจากชื่อบทความ แต่มีความเกี่ยวข้องบทความนี้ (: สืบเนื่องจากซีรีส์ Netflix เรื่อง Kingdom ภาคพิเศษ ที่ชื่อว่า "Kingdom : Ashin of the North ผีดิบคลั่ง บัลลังก์เดือด : อาชินแห่งเผ่าเหนือ" เป็นภาคพิเศษที่มีเนื้อเรื่องบอกเล่าเกี่ยวกับสาเหตุความหายนะที่เกิดจากสมุนไพรคืนชีพ ดอกไม้สีม่วงที่มีสรรพคุณปลุกคนตายให้ฟื้นคืนชีพเป็นซอมบี้ ปีศาจผู้กระหายเลือดอย่างไม่สิ้นสุด ดังที่ปรากฏในซีรีส์ Netflix เรื่อง Kingdom ผีดิบคลั่ง บัลลังก์เดือด ภาค ๑ - ๒ นั่นเองภาพที่ ๒๔ โปสเตอร์ซีรีส์ Netflix เรื่อง Kingdom Season 1 - ผีดิบคลั่ง บัลลังก์เดือด ภาค ๑ที่มาของภาพ : https://static.wikia.nocookie.net/ภาพที่ ๒๕ โปสเตอร์ซีรีส์ Netflix เรื่อง Kingdom Season 2 - ผีดิบคลั่ง บัลลังก์เดือด ภาค ๒ที่มาของภาพ : https://kingdom-netflix.fandom.com/wiki/ ดังนั้น ผมจึงจะมาวิเคราะห์และเปรียบเทียบระหว่างตัวละครในซีรีส์ Netflix เรื่อง Kingdom ผีดิบคลั่ง บัลลังก์เดือด ภาค ๑ - ๒ กับบุคคลที่มีตัวตนอยู่จริงในประวัติศาสตร์เกาหลีในสมัยโชซอน รวมทั้งวิเคราะห์สถานการณ์ในซีรีส์กับเหตุการณ์จริงในประวัติศาสตร์เกาหลีในช่วงเวลานั้นว่ามีเค้าโครงของความละม้ายคล้ายคลึงมากน้อยเพียงใด แต่ผมขอย้ำว่าฉากซีรีส์เป็นเรื่องราวสมมติที่นำเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์มาเป็นเค้าโครงในการเขียนเนื้อเรื่องของซีรีส์เท่านั้นนั่นเอง ถ้าอย่างนั้น เรามาเริ่มต้นกันเลยครับ ผมสามารถวิเคราะห์ เปรียบเทียบและสรุปประเด็นได้ดังต่อไปนี้พระราชาปีศาจ - ผีดิบ - ซอมบี้ อาจเป็นตัวตนสมมติที่สื่อถึงพระเจ้าซอนโจ รัชสมัยแห่งความปั่นป่วนจากรุกราานจากต่างชาติ (ญี่ปุ่น) ซึ่งสภาพของพระราชาที่กลายเป็นปีศาจ - ผีดิบ - ซอมบี้ จนไม่สามารถบริหรราชการแผ่นดินได้ อาจสะท้อนถึงความป่วยไข้และความอ่อนแอทางการทหารของอาณาจักรโชซอนจนต้องไปขอกองทัพพันธมิตรจากจักรวรรดิจีน - ต้าหมิง มาช่วยกันขับไล่กองทัพญี่ปุ่นภายใต้การนำทัพโดยไดเมียวผู้กุมอำนาจสูงสุดในแผ่นดินหมู่เกาะญี่ปุ่นในขณะนั้น นามว่า "โตโยโตมิ ฮิเดโยชิ" ให้ออกนอกไปจากคาบสุทรเกาหลีจนสำเร็จ เห็นได้จากเนื้อเรื่องตอนท้ายของซีรีส์ Netflix เรื่อง Kingdom ภาคพิเศษ ที่ชื่อว่า "Kingdom : Ashin of the North ผีดิบคลั่ง บัลลังก์เดือด : อาชินแห่งเผ่าเหนือ" ที่กล่าวถึงคณะทูตที่เดินทางมาถึงเมืองอึยจู ชายแดนโชซอน (ปัจจุบันเป็นบริเวณพรมแดนระหว่างประเทศจีนกับเกาหลีเหนือครับผม) โดยคณะทูตดังกล่าวเป็นคณะทูตที่ราชสำนักโชซอนส่งไปขอกองทัพพันธมิตรจากจักรวรรดิจีน - ต้าหมิง มาช่วยกันขับไล่กองทัพญี่ปุ่น ที่กำลังรุกรานคาบสมุทรเกาหลีอยู่ทางตอนใต้นั่นเองครับผมองค์รัชทายาทอีชาง / เจ้าชายอีชาง อาจเป็นตัวตนสมมติที่สื่อถึงพระเจ้าควังแฮ พระราชโอรสในพระเจ้าซอนโจกับพระสนมพระองค์ที่หนึ่ง ที่ต่อมาถูกโค่นล้มโดยเหล่าขุนนางฝ่ายตรงข้ามที่สนับสนุนพระเจ้าอินโจ พระราชนัดดา (หลานปู่ - หลานย่า) ในพระเจ้าซอนโจกับพระสนมพระองค์ที่สองจนสำเร็จ โดยให้พระเจ้าอินโจขึ้นครองบัลลังก์เป็นกษัตริย์แห่งโชซอนพระองค์ต่อไป เหล่าขุนนางฝ่ายตรงข้ามที่สนับสนุนพระเจ้าอินโจจึงเนรเทศพระเจ้าควังแฮไปยังเกาะคังฮวา อีกทั้งลดพระบรมราชอิสริยยศของพระเจ้าควังแฮเหลือลงเป็น "องค์ชายควังแฮ" จากที่กล่าวมาข้างต้น อาจเปรียบเทียบได้กับเรื่องราวในซีรีส์ Netflix เรื่อง Kingdom ผีดิบคลั่ง บัลลังก์เดือด ภาค ๒ ที่องค์รัชทายาทอีชาง / เจ้าชายอีชาง ไม่สามารถขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์ของอาณจักรโชซอนเป็นพระองค์ต่อไปได้ แม้ว่าพระองค์สามารถปราบกลุ่มขุนนางที่ต่อต้านพระองค์ที่มีผู้นำ คือ ท่านมหาเสนาบดีโจ ฮัก จู และพระราชินีโจ ผู้เป็นบุตรสาวของท่านมหาเสนาบดีโจ ฮัก จู ลงได้หมดแล้วก็ตาม เนื่องจากผู้นำหรือเจ้าเมืองต่าง ๆ ที่ควบคุมกำลังทหารอยู่รอบนอกของกรุงฮันยาง (กรุงโซลในปัจจุบัน) ยังคงสนับสนุนกลุ่มขุนนางที่ต่อต้านองค์รัชทายาทอีชาง / เจ้าชายอีชางที่มีผู้นำ คือ ท่านมหาเสนาบดีโจ ฮัก จู และพระราชินีโจ ผู้เป็นบุตรสาวของท่านมหาเสนาบดีโจ ฮัก จู อยู่นั่นเอง เพราะผู้นำหรือเจ้าเมืองต่าง ๆ ยังคงเชื่อว่า องค์รัชทายาทอีชาง / เจ้าชายอีชาง เป็นผู้ปลงพระชนม์พระราชบิดาของพระองค์ที่กลายสภาพเป็นปีศาจ - ผีดิบ - ซอมบี้ ทำให้พระองค์เลือกที่จะหายตัวไปจากความทรงจำของชาวโชซอนนั่นเอง อาจเทียบได้กับการเนรเทศพระเจ้าควังแฮไปยังเกาะคังฮวา อีกทั้งลดพระบรมราชอิสริยยศของพระเจ้าควังแฮเหลือลงเป็น "องค์ชายควังแฮ" นั่นเองพระราชินีโจ ผู้เป็นบุตรสาวของท่านมหาเสนาบดีโจ ฮัก จู อาจเป็นตัวตนสมมติที่สื่อถึงพระมเหสีพระองค์ที่สองของพระเจ้าซอนโจ คือ พระมเหสีอินมก ตระกูลคิม ที่โดนกักขังในพระราชวังคยองฮี หรือพระราชวังตะวันตก หรือซอกุงจากพระบรมราชโองการของพระเจ้าควังแฮที่ทรงต้องการกำจัดกลุ่มอำนาจฝ่ายตรงข้ามที่สามารถสั่นคลอนพระราชบัลลังก์ของพระองค์ได้ เนื่องจากพระเจ้าควังแฮเป็นเพียงพระราชโอรสที่เกิดจาากพระสนมเท่านั้นนั่นเอง แต่พระมเหสีอินมก ตระกูลคิม ทรงมีพระราชโอรสกับพระเจ้าซอนโจ คือ องค์ชายยองชัง ที่มีสิทธิธรรมในอำนาจและพระราชบัลลังก์ของอาณาจักรโชซอนมากกว่า และองค์ชายยองชัง ก็ถูกสำเร็จโทษประหารชีวิต เพื่อกำจัดเสี้ยนหนามของกลุ่มขุนนางที่สนับสนุนพระเจ้าควังแฮ จากเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์เกาหลีดังกล่าวนั้นอาจเทียบได้กับเรื่องราวในซีรีส์ Netflix เรื่อง Kingdom ผีดิบคลั่ง บัลลังก์เดือด ภาค ๒ ที่องค์รัชทายาทอีชาง / เจ้าชายอีชางสามารถยึดอำนาจและราชบัลลังก์จากพระราชินีโจ ผู้เป็นบุตรสาวของท่านมหาเสนาบดีโจ ฮัก จูได้นั่นเองพระราชายุวกษัตริย์ บุตรชายของมูยอง ราชองครักษ์คนสนิทขององค์รัชทายาทอีชาง / เจ้าชายอีชาง อาจเป็นตัวตนสมมติที่สื่อถึงพระเจ้าอินโจ พระราชนัดดา (หลานปู่ - หลานย่า) ในพระเจ้าซอนโจกับพระสนมพระองค์ที่สองที่ได้รับการสนับสนุนจากเหล่าขุนนางฝ่ายตรงข้ามของพระเจ้าควังแฮ เมื่อเทียบกับเรื่องราวในซีรีส์ Netflix เรื่อง Kingdom ผีดิบคลั่ง บัลลังก์เดือด ภาค ๒ ที่ปรากฏว่า องค์รัชทายาทอีชาง / เจ้าชายอีชาง ให้บุตรชายของมูยอง ราชองครักษ์คนสนิทของพระองค์ขึ้นครองบัลลังก์เป็นกษัตริย์แห่งโชซอน เนื่องจากพระองค์ต้องการเลือกหายไปจากความทรงจำของชาวโชซอน เพื่อเดินทางไปตามหาแหล่งต้นตอของหายนะแห่งซอมบี้ - ปีศาจ - ผีดิบ ผู้กระหายเลือดที่เกิดจากสมุนไพรคืนชีพ ดอกไม้สีม่วงที่มีสรรพคุณปลุกคนตายให้ฟื้นคืนชีพเป็นซอมบี้ ปีศาจผู้กระหายเลือดอย่างไม่สิ้นสุดที่มีอยู่ในแถบดินแดนตอนเหนือของคาบสมุทรเกาหลี - ลุ่มแม่น้ำยาลู่ (แม่น้ำอัมนก) ขอจบการบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ในวันนี้ ไว้เพียงเท่านี้ครับ ขอบพระคุณมาก ๆ ครับท่านผู้ชมหรือผู้อ่านที่น่ารักทุกคน :) See You Again (: แหล่งที่มาของภาพหน้าปก https://www.facebook.com/NetflixTH/https://www.facebook.com/NetflixTH/https://www.facebook.com/NetflixTH/https://www.facebook.com/NetflixTH/https://www.facebook.com/NetflixTH/https://www.facebook.com/NetflixTH/https://mobile.facebook.com/NetflixTH/ แหล่งที่มาของข้อมูล Lee, Jae Hyeok. “Manchu Invasion of Joseon: Power Shift in East Asia and the Perception of Zhong-hua ( 中華).” Master’s Thesis of International Studies, Graduate School of International Studies, Seoul National University, International Cooperation, 2020. Noh Kishik. “Recent Research Trends on Jurchen-Manchu Studies in Korea .” International Journal of Korean History 21, 1 (February 2016): 249-258. อัปเดตบทความรีวิวซีรีส์ใหม่ ๆ สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID ฟรี !