หากจะให้พูดถึงหนังที่ว่าด้วยสงครามโลกครั้งที่ 2 การฆ่าล้างชาวยิวหนังเรื่อง Schindler's List ของผู้กำกับ สตีเวน สปีลเบิร์ก คงจะต้องอยู่ในอันดับต้น ๆ อย่างแน่นอน ด้วยควาที่หนังเรื่องนี้สามารถถ่ายทอดความโหดร้ายของการฆ่าล้างชาวยิวออกมาได้หดหู่ รุนแรง สมจริง ในขณะเดียวกันก็ได้ถ่ายทอดให้เห็นถึงความหวังเล็กของการช่วยเหลือจากนักธุรกิจเยอรมัน ผู้นับได้ว่าเป็นคนดีในหมู่คนชั่ว ผู้มีนามว่า ออสการ์ ชินด์เลอร์ (เลียม นีสัน)หนังเล่าเรื่องราวของ ออสการ์ ชินด์เลอร์ นักธุรกิจเยอรมันผู้กำลังก่อตั้งบริษัทหล่อโลหะ เขาได้ใช้ช่วงโอกาสที่กำลังจะเกิดสงครามในการรับพนักงานชาวยิวเป็นจำนวนมาก ด้วยความที่เห็นว่าชาวยิวหลายคนไม่มีที่จะให้ไป ชินด์เลอร์ ได้กอบโกยกำไลเป็นอย่างมากจนทำให้เขาร่ำรวยและประสบความสำเร็จในเวลาไม่นาน ในระหว่างนั้น ชินด์เลอร์ ก็ได้พบกับ อามอน เกิธ (ราฟส์ ไฟน์) นายทหารเยอรมันที่เป็นผู้นำการกวาดล้างชาวยิว การเข้ามาของอามอน ส่งผลต่อธุรกิจของ ชินด์เลอร์ อย่างมาก เพราะ อามอน คอยจะนำเหล่าลูกจ้าง พนักงานของเขา ไปฆ่าเช่นเดียวกับที่ทำกับชาวยิวคนอื่น ๆ ชินด์เลอร์จึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้อง ลูกจ้าง และธุรกิจของเขาสิ่งที่คนดูจะพบในตลอด 195 นาที ของ Schindler's List นั่นจะเต็มไปด้วยเหตุการณ์การกวาดล้างชาวยิวต่าง ๆ นา ๆ นับตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นจนจบเรื่อง ที่เต็มไปด้วยความ รุนแรง ป่าเถื่อน โหดร้าย พร้อมการที่หนังนำเสนอด้วยภาพ ขาวดำ ตลอดทั้งเรื่อง ที่ให้ความรู้สึกที่ค่อนข้างหดหู่ สิ้นหวัง โดยเฉพาะฉากเด็กน้อยชุดสีแดงอันเป็นฉากในตำนานฉากหนึ่ง ฉากนี้นั้นจะอยู่ในซีเควนซ์ที่ทหารเยอรมันกำลังการฆ่าล้างชาววยิวอย่างโหดร้าย ท่ามกลางภาพที่ขาวดำ ได้มีเด็กหญิงคนหนึ่งที่หนังจงใจให้เราเห็นว่าเธอใส่ชุดสีแดง ที่กำลังเอาตัวรอดจากการฆ่าล้างครั้งนี้ ฉากนี้นับเป็นฉากสำคัญที่ส่งผลต่อ ชินด์เลอร์ และคนดู ที่ทำให้เรารู้สึกถึงจุดเริ่มต้นของความโหดร้ายต่าง ๆ ที่ทหารเยอรมันทำต่อชาวยิวที่ไม่เว้นแม้กระทั่งเด็กหรือคนแก่ซึ่งก็ทำให้หนังมีการดำเนินที่ค่อนข้างเครียด อึดอัด เต็มไปด้วยความไม่น่าไว้ใจตลอดเวลา โดยเฉพาะในช่วง องก์ 1 และองก์ 2 ของหนังแต่อย่างไรก็ตามหลังจากที่หนังเต็มไปด้วยความ หดหู่ สิ้นหวังแล้ว ในข่วงท้ายหนังก็ยังคงแฝงไว้ซึ่งความหวัง ด้วยการนำเสนอความผูกพันของตัวละคร ชินด์เลอร์ กับ เสติร์น (เบน คิงส์ลีย์) สมุห์บัญชีชาวยิว ผู้เป็นลูกน้องคนสนิทของเขา ซึ่งหนังก็สามารถถ่ายทอดเรื่องราวมิตรภาพระหว่าง เจ้านายกับลูกน้องออกมาได้ยอดเยี่ยม เราจะพบว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่นั้นก็ได้นำไปสู่การปลดปล่อยและช่วยชีวิตชาวยิวจำนวนมากในด้านตัวละครนั้นต้องยอมรับว่าไม่ว่าจะเป็นนักแสดงหลักไปจนถึงตัวประกอบ นั้นสามารถถ่ายทอดบทบาทออกมาได้อย่างดีมาก ด้าน ป๋าเลียมนั้น สามารถถ่ายทอดบทบาท ชินด์เลอร์ ออกมาได้ลงตัวโดยเราจะเห็นการพัฒนาของตัวละคร โดยในช่วงแรกนั้น ชินด์เลอร์ที่เราเห็นจะค่อนข้างเป็นคนที่ฉวยโอกาส และหวังที่จะประสบความสำเร็จเพื่อตนเองอย่างเดียว แต่หลังจากช่วงกลางเรื่องนั้นเราจะได้เห็น ชินด์เลอร์ ผู้เห็นใจผู้อื่นมากขึ้น และทุกทุกวิธีเพื่อช่วยเหลือคนงานของเขา และในช่วงท้ายของเรื่องที่ ชินด์เลอร์ ตกต่ำในขีดสุด ป๋าเลียม ก็สามารถแสดงให้เห็นความอ่อนแอของตัวละครได้น่าเห็นใจยิ่งนัก เรียกได้ว่านี้เป็นหนังที่เราจะได้เห็น ป๋าเลียม แสดงบทบาทออกมาได้ดีเยี่ยมที่สุดอีกบทบาทนึ่งของเขาสำหรับตัวละคร อามอน เกิธ นั้น ราฟส์ ไฟน์ ก็สามารถแสดงออกมาได้โหดร้าย ดุดัน เรียกได้ว่านอกจากบทบาท โวล์เดอมอลต์ ใน Harry Potter แล้ว เรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งบทบาทที่ค่อนข้างชั่วร้าย และสามารถเป็นที่รังเกียจของคนดูได้ไม่ยากนักโดยรวม ๆ แล้ว Schindler's List เป็นหนังที่ว่าด้วยการกวาดล้างชาวยิว ในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ออกมาได้มืดหม่น หดหู่ที่สุดอีกเรื่องหนึ่ง แต่สุดท้ายแล้วหนังยังเหลือไว้ซึ่งความหวัง ถึงแม้ว่าตลอดเรื่องเราจะพบเจอการฆ่าฟัน ความโหดร้าย แต่เราก็ยังเห็นถึงเรื่องราวของมิตรภาพ การต่อสู้กับอำนาจมืด แม้จะเป็นเพียงอำนาจเล็ก ๆ ก็ตาม สุดท้ายแล้วก็ทำให้เราพบว่าการกระทำของ ชินด์เลอร์ในการช่วยคนงานชาวยิวของเขา ทำให้ช่วยชีวิตชาวยิวได้มากกว่า 1000 คน เลยทีเดียว Cr.รูปภาพจากภาพยนตร์ Schindler's Listลิ้งต้นฉบับบทความ https://www.facebook.com/IWatchmoviesalot/photos/a.1124639924276323/1232485376825110/?type=3&theaterสามารถติดตามอ่านรีวิวหนัง และข่าวสารหนัง เพิ่มเติมได้ที่(เพจของผู้เขียน) https://www.facebook.com/IWatchmoviesalot