สวัสดีค่ะ มาต่อกับการรีวิวประสบการณ์การเรียนคณะอักษรจุฬาฯ ตอนที่สอง (อ่านตอนที่ 1 คลิก >>รีวิวประสบการณ์เรียนในคณะอักษรจุฬาฯ EP.1 วิชาบังคับและการเลือกวิชาเอก) ครั้งนี้เราจะมาพูดถึงประสบการการเรียน วิชาบังคับและวิชาเลือกในเอกปรัชญา เป็นข้อมูลให้กับทุกคนที่สนใจหรืออาจจะกำลังค้นหาความชอบของตัวเองอยู่นะคะ เอกปรัชญาและวิชาบังคับ พอเข้ามาในเอกแล้ว แม้ว่าวิชาในเอกจะไม่ได้ง่ายและออกจะทำให้ปวดหัวตุบ ๆ อยู่หลายครั้ง แต่ก็เป็นเอกที่เราชอบมากอยู่ดี เราได้เรียนรู้ว่าหัวใจของปรัชญาคือการไม่ด่วนตัดสิน คือการคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผล ตั้งคำถามต่อทุกสิ่งโดยไม่ปล่อยให้ความคุ้นชินทำให้เราเฉยชากับสิ่งต่าง ๆ ปรัชญาจะช่วยให้เราเปิดใจให้กว้างรับความแตกต่าง แม้ว่าจะดูเป็นของพื้น ๆ แต่เรามองว่าการตั้งคำถามเป็นรากฐานที่สำคัญมาก ๆ ในการสร้างสังคมที่จะมอบทั้งความเสมอภาคและเสรีภาพให้กับทุกคนได้ ปรัชญาแบ่งออกเป็น 5 สาขาหลักนั่นคือ จริยศาสตร์ ตรรกศาสตร์ ญาณวิทยา อภิปรัชญา และสุนทรียศาสตร์ โดยแต่ละสาขาจะมุ่งสนใจหาคำตอบของคำถามที่แตกต่างกันไป อย่างจริยศาสตร์เป็นเรื่องของคำถามที่ว่า ความดีคืออะไร อะไรคือการกระทำที่ดี และเพราะอะไรจึงเป็นเช่นนั้น เพื่อตอบหนึ่งในคำถามที่สำคัญที่สุดว่ามนุษย์เราควรใช้ชีวิตอย่างไรจึงจะเรียกได้ว่าเป็นชีวิตที่ดี วิชาจริยศาสตร์ หรือ Ethics เป็นหนึ่งในวิชาบังคับเอกปรัชญาด้วย เราเรียนแล้วชอบมาก ได้เรียนรู้ทฤษฎีจริยศาสตร์มากมาย อาจารย์มักจะยกเหตุการณ์ปัจจุบันมาประกอบการสอน ทำให้เรียนแล้วเห็นความเชื่อมโยงกับชีวิตจริงได้ดีขึ้น เอาสิ่งที่อยู่ในห้องเรียนมาทำความเข้าใจโลกภายนอกได้ ในขณะที่ตรรกศาสตร์คือการศึกษาเกี่ยวกับกระบวนการของเหตุผล มีลักษณะเป็นขั้นเป็นตอน มีระเบียบแบบแผนที่แน่นอน หากใครชอบคณิตศาสตร์ก็น่าจะชอบวิชาตรรกวิทยาสัญลักษณ์ (Symbolic Logic) ซึ่งเป็นหนึ่งในวิชาบังคับของเอกเราด้วยค่ะ ในส่วนญาณวิทยาคือการพยายามตอบคำถามที่ว่า ความรู้คืออะไร และอะไรบ้างที่เป็นแหล่งความรู้ที่น่าเชื่อถือ ซึ่งเป็นเรื่องที่เรียนสนุก ปวดหัวบ้างอะไรบ้างเพราะเนื้อหาแน่นและซับซ้อน แต่ใช่ว่าเราจะต้องทุกข์ทรมานกับการอ่านงานปรัชญาอยู่คนเดียว เรายังมีเพื่อนร่วมทุกข์และอาจารย์ที่จะช่วยให้เราเข้าใจแนวคิดของนักปรัชญาอย่างเห็นภาพได้ง่ายขึ้นอยู่นะ 555+ ต่อมาคืออภิปรัชญา เป็นสาขาที่ตั้งคำถามต่อสภาวะของสิ่งต่าง ๆ ในโลกและจักรวาลว่ามีอยู่จริงหรือไม่ มีลักษณะอย่างไร และความจริงคืออะไร อย่างปรัชญาภาษา ก็จะมีคำถามประมาณว่า คำคืออะไร ความหมายคืออะไร และความหมายมีอยู่จริงไหม หรืออย่างทฤษฎีที่เสนอว่าเวลาไม่มีอยู่จริงอะไรแบบนี้ก็น่าสนใจมาก ๆ ว่าคนที่เสนอเขาให้เหตุผลอย่างไรจึงสรุปแบบนี้ได้ เป็นต้น และเอกเราเนี่ยก็จะมีวิชาอภิปรัชญาและญาณวิทยา หรือ Metaphysics and Epistemology เป็นหนึ่งในวิชาบังคับที่รวมสองสายนี้เข้าด้วยกัน เราได้เรียนกับอาจารย์สองท่านที่เชี่ยวชาญสองสาขานี้ แม้ว่าเนื้อหาจะยากและซับซ้อน แต่เพราะมีอาจารย์ที่ใจดีและเก่งมาก ๆ จึงผ่านมาได้ด้วยดีค่ะ ยอมรับว่าเราประทับใจอาจารย์สุด ๆ นอกจากนี้เราได้เรียนวิชาบังคับอีกสองวิชา คือ ประวัติปรัชญาตะวันออก (Hist East Philos) และประวัติปรัชญาตะวันตก (Hist West Philos) เป็นสองวิชาแรก ๆ ที่เราได้เรียนหลังจากเข้าเอกมา ช่วยปูพื้นฐานแนวคิดของเหล่านักปรัชญาผู้โด่งดังทั้งหลายได้อย่างดีก่อนที่จะเรียนลงลึกต่อไปค่ะ ในส่วนปรัชญาตะวันออกเราก็ได้เรียน ขงจื่อ เต๋า ปรัชญาพุทธ และปรัชญาอินเดีย ในส่วนปรัชญาตะวันตกก็ได้เรียนปรัชญาของโสเครตีส เพลโต อริสโตเติล เดส์การ์ตส์ เฮเกล ค้านท์ นิทเชอ และคนอื่น ๆ อีก และอย่างสุดท้ายคือสุนทรียศาสตร์ เป็นสาขาที่พยายามตอบคำถามที่ว่า ความงามคืออะไร ซึ่งเป็นส่วนที่ไม่ได้อยู่ในวิชาบังคับของเอกเรานะ แต่ถ้าใครสนใจ ก็มีอยู่ในวิชาเลือกค่ะ พูดถึงวิชาเลือกในเอกเราก็มีให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการลงลึกของสาขาต่าง ๆ ที่กล่าวไปแล้วหรือเป็นวิชาที่เน้นศึกษาหัวข้อพิเศษต่าง ๆ ก็มีนะ วิชาเลือกในเอกปรัชญา หลักสูตรปีของเราจะต้องเรียนวิชาเลือกในเอกปรัชญา 33 หน่วยกิต หรือวิชาละ 3 หน่วยกิตจำนวน 11 วิชา เราได้เรียนวิชาที่น่าสนใจเยอะมาก อย่างวิชาปรัชญากับวรรณคดี ได้เรียนทฤษฎีวรรณกรรมในเชิงปรัชญา เช่นวรรณกรรมกับอารมณ์กับคำถามที่ว่าทำไมคนอ่านงานวรรณกรรมถึงมีอารมณ์ร่วมกับงานเขียนทั้งที่รู้อยู่ว่าเนื้อหานั้นเป็นเพียงเรื่องแต่ง วิชาปรัชญาจิต เราได้เรียนทฤษฎีมากมายที่พยายามตอบคำถามว่า จิตคืออะไร และจิตมีจริงหรือไม่ ไปจนถึงคำถามที่ว่า สัตว์และ AI มีจิตไหม เรียนแล้วได้ขบคิดอะไรเยอะแยะจนบางทีคือเหม่อไปเลย วิชาต่อมา ปรัชญาเพศและความรัก ได้อ่านซิมโพเซียมของเพลโต จรรโลงใจมากแม้ว่าจะงง ๆ บ้าง ต้องอ่านซ้ำรอบสองค่ะ แล้วก็ได้เรียนการแยกระหว่างความรักกับเซ็กส์ ไปจนถึงการได้เรียนรู้เกี่ยวกับ BDSM อันนี้เราก็ว่าน่าสนใจมากนะ วิชาพุทธปรัชญาก็ได้อ่านและวิเคราะห์คัมภีร์ของพุทธมากมาย ได้เรียนรู้ว่าศาสนาพุทธที่เราถูกปลูกฝังให้ศรัทธามาตั้งแต่เด็กนั้นจริง ๆ แล้วพูดถึงอะไรบ้างหากเรามองพระพุทธเจ้าในฐานะนักปรัชญาคนหนึ่ง ได้อ่านงานเขียนที่เสนอว่ากฎแห่งกรรมไม่เพียงพอต่อการสร้างความยุติธรรมในสังคมไทย อันนี้เราว่าก็น่าสนใจ นอกจากนี้จริง ๆ ก็มีวิชาอื่นอีกมากมายซึ่งเราคงเอามาเล่าได้ไม่หมด ภาพบรรยากาศในคลาสเรียนวิชาพุทธปรัชญา อยากเล่าในส่วนวิชาที่เราชอบคือปรัชญากับภาพยนตร์ค่ะ เราได้เรียนทฤษฎีภาพยนตร์เชิงปรัชญาซึ่งยากมาก 555+ ตอนฟังเราคิดตามอาจารย์จนเบลอไปเลย ตอนแรกก็เครียด ๆ นะ แต่อาจารย์ใจดีมาก มีเทปให้ดูทบทวนได้ด้วยเลยโอเคค่ะ และส่วนที่สนุกคือเราจะได้เรียนทฤษฎีต่าง ๆ ที่แทรกอยู่ในภาพยนตร์ อย่างเช่นทฤษฎีอัตลักษณ์ตัวตนกับคำถามที่ว่าอะไรที่ทำให้เราเป็นตัวเรา ไม่ใช่คนอื่น ก็มีแนวคำตอบที่ว่า ความทรงจำทำให้เราเป็นเรา เราจำได้ว่าอาจารย์ให้ดูหนังเรื่อง Momento (2000) เกี่ยวกับตัวละครที่จะสูญเสียความทรงจำทุก 15 นาที และมาวิเคราะห์ด้วยกันในคลาสโดยใช้ทฤษฎีที่เรียนกัน เรารู้สึกว่าเป็นวิชาที่ได้คิดอะไรที่ตัวเองก็ไม่เคยคิดมาก่อนเยอะมาก บวกกับว่าเราเป็นคนชอบดูหนังอยู่แล้วเลยอินสุด ๆ จบคลาสนี้แล้วดูหนังสนุกขึ้นกว่าเดิมอีกค่ะ สภาพสังคมในเอกปรัชญา ในส่วนของเพื่อน ๆ ในเอก เห็นได้เลยว่าทุกคนก็ต่างมีความชอบและสนใจกับการเรียนปรัชญามาก บางคนเก่งมาก ๆ จนทำเราอึ้งไปเลย เราอาจจะไม่ได้สนิทกับคนในเอกปรัชญาแต่ถ้ามีอะไรก็พูดคุยกับเพื่อนได้ค่ะ ต่อมาคืออาจารย์ เรามองว่าแต่ละท่านมีความเชี่ยวชาญในปรัชญาแต่ละสาขาและมีสไตล์การสอนแตกต่างกันไปค่ะ ถ้าจับทางการสอนของอาจารย์ได้ A ก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม นอกจากนี้ขอย้ำว่าอาจารย์ทุกคนใจดีกับนิสิตมาก ๆ อาจารย์มักจะเลื่อนวันส่งข้อสอบและรายงานให้ถ้านิสิตมีงานล้นมือเกินไป หากมีปัญหาเรื่องการเรียนอย่างไรก็สามารถปรึกษาอาจารย์ได้ กล้าพูดเลยว่าอาจารย์ในเอกของเราจิตใจเมตตาล้นเหลือ (เพราะแค่เนื้อหาที่เรียนก็ใจร้ายมากพอแล้วหรือเปล่านะ) ทำให้เป็นเอกที่อยู่แล้วสบายใจ ไม่ต้องแข่งขันกับใคร แค่ต้องต่อสู้กับตัวเองให้อ่านงานก่อนเรียน และเขียนเปเปอร์ให้เสร็จเท่านั้นค่ะ เรียกได้ว่าสนุกสนานตอนเรียน เวียนหัวตอนสอบ ลักษณะการเรียนการสอน และการเก็บคะแนน ลักษณะการเรียนส่วนใหญ่จะมี assignment ให้อ่านงานปรัชญาหรือเปเปอร์วิชาการก่อนมาฟังอาจารย์บรรยายในคลาสเพื่อทำความเข้าใจด้วยกันอีกรอบ การอ่านก่อนเรียนจะทำให้เราเกิดความสนใจใคร่รู้ในเรื่องที่เรียนมากขึ้น แล้วก็จะได้มานั่งอ๋อในคาบเรียน เป็นประสบการณ์ที่สุดยอดแต่เกิดขึ้นไม่บ่อยเท่าไหร่กับเรา 555+ และนิสิตก็สามารถถามข้อสงสัย แชร์ประสบการณ์ หรือแสดงความเห็นที่เกี่ยวกับหัวข้อที่เรียนได้อย่างเสรีเลย แต่ย้ำว่าควรเกี่ยวกับเรื่องที่เรียนนะ เรื่องการเก็บคะแนน บางวิชามีทั้งการสอบกลางภาคและปลายภาค บางวิชาไม่มีการสอบกลางภาคบ้าง หรือบางวิชาก็อาจไม่มีการสอบเลย แต่วัดผลด้วยการทำรายงานซึ่งคนในเอกมักจะเรียกว่าเปเปอร์ หัวข้อของเปเปอร์ขึ้นอยู่กับอาจารย์ของรายวิชานั้น ๆ อาจารย์อาจจะตั้งหัวข้อตายตัวให้เลย (เป็นส่วนน้อย) หรืออาจจะกำหนดขอบเขตหัวข้อและให้เราเลือก ไปจนถึงให้เราเลือกทำตามความสนใจได้อย่างอิสระ มีเงื่อนไขเดียวคือ ต้องเป็นหัวข้อที่เกี่ยวกับสิ่งที่เรียนในคลาส (ส่วนใหญ่ที่เราเจอ) และจำนวนหน้าของเปเปอร์ส่วนใหญ่อยู่ที่ 5-15 หน้า ขึ้นอยู่กับจำนวนคะแนนของเปเปอร์ชิ้นนั้น ๆ ด้วยค่ะ นอกจากเปเปอร์แล้ว บางวิชาก็จะให้นำเสนอหัวข้อเปเปอร์ของเรา เปิดโอกาสให้เพื่อน ๆ ในคลาส ถามข้อสงสัยเพื่อให้เราได้มองเห็นงานของตนเองผ่านมุมมองของคนอื่น ๆ และอาจารย์ก็จะเสนอแนะจุดที่เราควรนำกลับไปแก้ไขให้งานฉบับเสร็จสมบูรณ์ออกมาดีขึ้นด้วย และนอกจากนี้ก็มีการให้เรานำเสนอบทความที่อ่านก่อนเรียนว่าเราเข้าใจว่าอย่างไรบ้าง ตรงนี้ไม่มีการให้คะแนนโดยวัดเรื่องความผิดถูก แต่มักจะเป็นลักษณะของการคุยกันและช่วยกันทำความเข้าใจงานเขียนมากกว่า มีการจัดกลุ่มโดยแบ่งเป็นกลุ่มที่นำเสนอและกลุ่มที่จะต้องโต้แย้งข้อเสนอนั้น ก็เป็นการสร้างบรรยากาศที่ทุกคนมีส่วนร่วมกับการเรียน กระตุ้นให้เราได้คิดและจดจ่อกับคลาสมากขึ้น สิ่งสำคัญในการเรียนปรัชญาสำหรับเราคืออาจารย์มักจะแนะว่าให้เรานำทฤษฎีที่เรียนมาคิดวิเคราะห์เพื่อค้นหาจุดยืนของเราเอง ว่าเราเห็นด้วยกับทฤษฎีไหน เพราะอะไร และทฤษฎีนั้นมีจุดแข็งจุดอ่อนอะไรบ้าง เพื่อท้ายที่สุดแล้วจะทำให้เราเป็นคนที่มีจุดยืนเป็นของตัวเอง มีระบบการคิดที่มีเหตุผลรองรับ ไม่ใช่การเชื่อไปตามผู้อื่นโดยไม่ไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน และแม้ว่าในเอกปรัชญาเราจะเรียนในเชิงทฤษฎีซะส่วนใหญ่ แต่ความรู้ กระบวนการคิดและการตั้งคำถามที่เราได้จากการเรียนเอกนี้เป็นการจัดความคิดของเราให้เป็นระเบียบและชัดเจนขึ้นมาก และยังทำให้เรามีใจที่เปิดกว้างต่อสิ่งต่าง ๆ ทำให้เรายอมรับ และรับฟังความเห็นหรือแนวคิดที่อาจจะไม่ได้คิดเหมือนกับเรา ให้เรารู้จักคิดในหลาย ๆ แง่มุมเพื่อเข้าใจสิ่งต่าง ๆ อย่างใกล้เคียงกับความเป็นจริงให้มากที่สุด แม้จะดูเป็นเรื่องนามธรรม แต่เรามั่นใจว่าการเรียนปรัชญาจะส่งผลประโยชน์ต่อการคิดไปจนถึงการกระทำของเราได้อย่างเป็นรูปธรรมได้เช่นกันค่ะ จบกันไปแล้วสำหรับการรีวิวประสบการณ์การเรียนเอกปรัชญาในคณะอักษรจุฬาฯ ทั้งหมดนี้เป็นความเห็นและประสบการณ์ของเราผู้เขียนเองคนเดียวนะคะ หวังว่าการแชร์ประสบการณ์นี้จะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนที่กำลังค้นหาความชอบของตนเอง หรือกำลังค้นคว้าเตรียมตัวสำหรับชีวิตในมหาวิทยาลัยนะคะ ขอให้ทุกคนได้เรียนสิ่งที่หวังนะ โชคดีค่ะ :) รูปภาพหน้าปกทำเองจากเว็บไซต์ canva.com ภาพประกอบหน้าปกจาก canva.com: ภาพที่ 1 ภาพที่ 2 ภาพที่ 3 ภาพที่ 4 ภาพที่ 5 ภาพที่ 6 ภาพที่ 7รูปภาพที่ 1 ทำเองจากเว็บไซต์ canva.comภาพประกอบรูปภาพที่ 1 จาก canva.com: ภาพที่ 1 ภาพที่ 2 ภาพที่ 3 ภาพที่ 4 ภาพที่ 5 ภาพที่ 6 ภาพที่ 7 ภาพที่ 8 ภาพที่ 9 ภาพที่ 10 ภาพที่ 11 ภาพที่ 12 ภาพที่ 13 ภาพที่ 14รูปภาพที่ 2 ทำเองจากเว็บไซต์ canva.comภาพประกอบหน้าปกจาก canva.com: ภาพที่ 1 ภาพที่ 2 ภาพที่ 3 ภาพที่ 4 ภาพที่ 5 ภาพที่ 6 ภาพที่ 7รูปภาพที่ 3 และ รูปภาพที่ 4 เป็นภาพถ่ายโดยนักเขียนเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !