โดยปกติเครื่องซักผ้าฝาหน้า เราไม่สามารถจะเปิดฝามันออกได้ในขณะที่เครื่องกำลังทำงานอยู่ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วครับแต่ปัญหาที่มาเล่าให้ฟังในวันนี้ คือ ซักผ้าเสร็จเรียบร้อย เตรียมไม้แขวนเสื้อเรียบร้อย คันไม้คันมืออยากจะตากผ้าเต็มแก่ แดดก็เปรี้ยงรอผ้าอยู่ แต่อนิจจา ฝาเครื่องซักผ้าเปิดไม่ออกครับ ผ้าถูกขังอยู่ในเครื่อง ดูเหมือนลูกหมาตกน้ำน่าสงสาร ทำอย่างไรครับทีนี้ ตามช่างซิครับรออะไรช่างมาถึง ไม่พูดพร่ำทำเพลง ขันน๊อตหลังเครื่องซักผ้าออก เอามือล้วงเขาไปในเครื่องซักผ้า มีเสียงดังกึก ฝาหน้ากระเด้งเปิดออกมา ช่างน่าอัศจรรย์ใจยิ่งนักช่างบอกสวิตช์ประตูเสีย สอบถามราคาจากช่างได้ความว่า สวิตช์ 2,400 บาท ต้องมีค่ารถออกไปซื้อ เพิ่มอีก 200 บาท รวมเป็น 2,600 บาท รองต่อราคาช่างดู ช่างยิ้มๆ บอกไม่เป็นไรครับ ถ้ายังไม่ซ้อม มีค่าเปิดประตู 400 บาท แม่เจ้า! ค่าเปิดประตู 400 บาท เครื่องซักผ้าน่าจะมีหน้าต่างสักบาน ค่าเปิดหน้าต่างคงไม่ถึง 400 หัวเราะ 555 ควักเงิน 400 จ่ายไปตามระเบียบครับมาดูกัน Srisumalai การช่าง…มัน ทำไงต่อ รูปร่าง หน้าตาและรุ่น (P1)หาคู่มือจนเจอ เปิดคู่มือดู ถึงกับหงายท้อง เพราะมีฝาขนาดเล็กอยู่หน้าตู้ สามารถเปิดออกมาได้ เปิดตามลูกศรสีแดง (P2) เปิดฝาออกมาจะมีที่ปล่อยน้ำออกแบบฉุกเฉิน เปิดตามลูกศรสีแดง และที่ทำให้หงายท้องคือ ไอ้พลาสติกสีแดง (ในวงกลมสีเขียว) มันคือ มันคือ ไม่อยากจะบอกครับ ถ้าเราดึงพลาสติกสีแดงนั่น ตามลูกศรสีน้ำเงินมันจะสามารถ เปิดประตูถังซัก แบบฉุกเฉินได้ครับ ผ่างงงๆๆ คิดถึงเงิน 400 บาทค่าเปิดประตูขึ้นมาทันทีเลยครับ (P3)น้ำตาจะไหล นึกโทษตัวเอง ที่ไม่ได้หาคู่มือมาดูเสียก่อน เฮ้ออออ ขอพักเช็ดน้ำตาสักหน่อยนะครับ เรื่องมันยังไม่จบ ต่อไปมีชอกช้ำระกำใจกว่านี้ ตามไปอ่านและสมน้ำหน้ากันได้ครับ ขอผ้าเช็ดหน้าหน่อยทำผ้าเช็ดหน้าเปียกน้ำตาไปหลายผืน มาตอนนี้ผ้าเช็ดหน้าอาจไม่พอ ต้องเป็นผ้าเช็ดตัวแล้วละครับ เอามาเตรียมไว้ใกล้ๆ เลย ได้ใช้แน่ๆ มาสมน้ำหน้ากันต่อเลยครับในตอนที่ช่างบอกว่าสวิตช์ประตูเสีย คงต้องซื้อสวิตช์มาเปลี่ยนใหม่ ราคา 2,400 บาท โธ่เอ๊ยคนอย่าง Srisumalai การช่าง..มัน มีเหรอจะยอมเสียตังค์ ง่ายๆ ไม่มีทางหรอก (แต่เสียค่าเปิดประตู 400 บาทไปแล้ว 555) ไม่อยากต้องเสียตังค์อันมีค่า ก็ต้องลงมือมั่วๆ ทำเอาเองครับเริ่มต้นถอดน็อตที่แอบหลบอยู่หลังเครื่องออกก่อนเลยครับ (P4) ถอดน็อตออกได้แล้ว สไลด์ฝาด้านบนเลื่อนมันออกไปทางด้านหลังเครื่อง ตามลูกศรสีแดง (P5) จะเห็นถังเครื่องซักผ้า สายไฟ วงจรอิเล็กทรอนิกส์ และอื่นๆ เอ้า! ลืมไปได้ ถอดปลั๊กเครื่องซักผ้าออกก่อนนะครับไม่อย่างนั้น อาจต้องเพิ่มที่กระตุ้นหัวใจ เข้าไปในเครื่องมือช่างด้วย (P6)ต่อไปเปิดประตูหน้าถังซักผ้าออก เราจะเห็นสวิตช์ไอ้ตัวร้ายของเรา กรอบสีเขียว มีน็อตขันอยู่ ถอดน็อตที่ขันล็อคสวิตช์ออก ลูกศรสีแดง (P7-P8) น็อตแบบนี้จะต้องใช้ไขควงพิเศษหน่อยครับ เขาเรียกว่า หัวท๊อกซ์ (Torx) มันจะเป็นรูปดาว 6 แฉก กรอบสีแดง (P9) มีหลายเบอร์ครับ ที่ใช้ขันกับตัวนี้เป็นเบอร์ T15 ครับ (P10) เก็บน็อตตัวนี้ไว้ให้ดีๆ นะครับ (P9) เพราะต้องใช้ตอนใส่กลับคืนไป หายไปลำบาก งานเข้าเพิ่มอีกแน่ๆหาไขควง ถอดน๊อตที่ยึดสวิตช์ออกรอท่าไว้แล้ว กลับมาสนใจข้างบนเครื่องต่อครับ เราต้องหาอะไรมายันถังซักไว้สักหน่อย (มันหนัก) ผมใช้ขวดน้ำกับถังน้ำครับ ดันให้ถังซักเอียงไปตามทางลูกศรสีแดง เราจะได้ใช้มือน้อยๆ ใสใสของเราล้วงเข้าตามลูกศรสีน้ำเงินไปหยิบตัวสวิตช์ที่ถอดรอท่าไว้แล้วออกมาได้สะดวกครับ (P11) สวิตช์ที่เป็นตัวการของเรา มองจากด้านใน ลูกศรสีแดง (P12) ไล่สายไฟจากสวิตช์ออกมา สีแดง เหลือง เหลือง จนมาถึงที่ตัววงจรรวม ดึก Jack ที่ต่อไปที่สวิตช์ออก วงกลมสีแดง (P13) แล้วล้วงยกเอาตัวสวิตช์ออกมาล้วงเอาสวิตช์ตัวการออกมาได้แล้วครับ (P14) ตอนล้วงสวิตช์มันจะติดๆหน่อยครับ คือติดพลาสติกสีแดงที่ต่อไปตรงช่องฉุกเฉินครับ (P15) แต่มองดีๆ พระเจ้าช่วย กล้วยทอด มา 3 กระทะ จะเห็นสิ่งผิดปรกติครับ นั่นก็คือ นั่นก็คือ สวิตช์ที่เป็นตัวการของเรา มันหักครับ (P16) เป็นไปได้ยังไงครับเนี้ย! วงกลมสีแดง (P16) ครับเป็นไปไม่ได้เลยที่มันจะหัก นอกจากมีใครมางัดมันจนหัก นึกย้อนกลับไปตอนที่ช่างเอามือล่วงเข้าไป แล้วมีเสียงดัง “กึก” ประตูเปิดเด้งออกมาจนทำให้เราตกตะลึงได้ไหมครับ นั่นแหละครับ เสียง “กึก” นั่นเสียงหักสวิตช์ สุดยอดมากครับ ทำให้เราถึงกับตะลึงรอบ 2 ได้ ช่างได้ค่าหักสวิตช์ตัวนี้ไป 400 บาทครับผมR.I.P ด้วยความอาลัยสวิตช์ตัวนี้ ขอให้สวิตช์และเงิน 400 บาท จากไปอย่างสงบนะ ลาก่อนครับ หยิบผ้าเช็ดตัวที่เตรียมไว้ เข้าไปอาบน้ำ สระผม แล้วทำจิตใจให้สงบ เราได้ไว้อาลัยสวิตช์ที่เป็นตัวการของเรา ให้จากไปอย่างสงบ ตอนนี้เราต้องถอดเอาสวิตช์ที่หักออกมาเป็นตัวอย่าง เพื่อไปซื้อสวิตช์ตัวใหม่มาเปลี่ยนเข้าไปแทนที่ และเพื่อให้เป็นการตอกย้ำความเจ็บปวด เราจะเห็นภาพสวิตช์ที่หักไปอีกสักพักนะครับ ก่อนถอดถ่ายรูปไว้หน่อยก็ดีครับ ตอนเอามาใส่กลับคืนจะได้พอมีแนวทางบ้าง ไม่ใช่ต้องดำน้ำ มั่วๆ ใส่เอา ซึ่งในทางมั่วนี้ Srisumalai การช่าง...มัน ถนัดมากครับ ขอบอก (มั่วตลอด รอดบ้าง ไม่รอดบ้าง) 5555เริ่มจากถอดฝาครอบสวิตช์ออก ลองขยับๆ ดูแล้วดึงออกมาง่ายๆ เลยครับ กรอบสีน้ำเงิน (P17-P18) ทนดูสวิตช์ที่หักไปหน่อยนะครับ จากนั้นดึงสาย Jack วงกลมสีน้ำเงิน ออก ตามลูกศรสีแดง ตามด้วยดึกเส้นพลาสติกสีแดงในวงกลมสีเขียว ให้หลุดออกมา (P19) ตอนนี้จะเหลือแต่สวิตช์เปล่าๆ แล้วครับมาดูเฉพาะตัวสวิตช์ ที่จะนำไปเป็นตัวอย่าง และแผลที่ทำให้ถึงตายกันครับ ใครทนดูไม่ได้ ข้ามไปเลยครับ ไม่รู้ติดจะเรทหรือเปล่าหนอ (P20-P22)เอาตัวอย่างสวิตช์ไปหาซื้อแถวบ้านหม้อ ไชโย โห่ฮิ้วได้มาแล้วครับ ในราคาสมตัว 490 บาท ต่างกันลิบลับกับราคาที่ช่างบอกมา 2,400 บาท ซื้อได้ 4 ถึง 5 ตัวได้เลยนะครับนะ ดูที่ป้าย นำเข้ามาจาก อิตาลีเลยนะเนี่ย (P23-P24)เอาสวิตช์ตัวใหม่ใส่กลับเข้าไป แล้วประกอบทุกสิ่งทุกอย่างกลับเข้าที่เดิมให้เรียบร้อย ตรวจเช็กความถูกต้องอีกครั้ง ไม่ให้มีพวกฝรั่งทำเกิน ญี่ปุ่นทำขาด โทษต่างชาติอย่างเดียว 555 ลองหาผ้ามาซัก ตั้งโปรแกรมแบบซักด่วนจะได้รู้ผลทันใจ ซักเสร็จลองเปิดประตูดู ชะแว๊บ ชะแว๊บ ผ่านฉลุยครับเป็นอันเรียบร้อยครับ งานนี้ค่าใช้จ่ายที่ช่างบอก 2,400 บาท มีค่ารถไปซื้ออีก 200 บาท เป็น 2,600 บาท Srisumalai การช่าง...มัน ทำไป 490 บาทค่าสวิตช์ บวกค่าเปิดประตูที่ช้ำชอกอย่าบอกใครไปเชียว 400 บาท เป็น 890 บาท เอา 2,600 ลบ 890 เท่ากับ 1,710 บาทครับ 1,710 บาทเทียบกับ ค่าเสียเวลา ค่าแรงงาน ค่าเดินทาง มันคุ้มกันไหมครับลองคิดดู ถ้าคิดว่าไม่คุ้ม ก็จ้างช่างเขาไปตั้งแต่แรกเลยครับ 555 จบครับ