นึกถึงสัตว์เลี้ยงทั่วไปแล้วเรามักนึกถึงสุนัข แมว ปลา หรือบางคนอาจเลี้ยงสัตว์ที่แปลกขึ้นมาอีกขั้น เช่น งู แมงมุม แล้วถ้าเป็นสัตว์เลี้ยงที่แหวกแนวกว่านี้เราจะได้จากที่ไหน...ติ๊กตอก ติ๊กตอก...ที่ The Animal Cafe Restaurant นั่นเอง ต้องบอกว่าคาเฟ่ที่เราจะพาทุกคนไปในวันนี้ไม่ใช่แค่จะพาไปเจอกับสัตว์เลี้ยงที่น่ารักแหวกแนวอย่างเดียว แต่เรายังจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับชีวิตของแมวยักษ์ตัวละ 250,000 บาท! จิ้งจอกจิ๋วตัวละ 90,000 บาท! น่าตื่นเต้นแล้วใช่มั๊ยล่ะคะ ดังนั้นตามมาดูกันต่อเลย The Animal Cafe Restaurant ตั้งอยู่ซ.สาธุประดิษฐ์ 49 สามารถขับรถมาได้มีที่จอดรถสำหรับลูกค้าของร้าน ตัวร้านแบ่งเป็น 2 ส่วนคือส่วนคาเฟ่และส่วนเล่นกับน้องๆ โดยการมาเล่นกับสัตว์ที่นี่ไม่เสียค่าบริการ แต่เราต้องสั่งอาหารและเครื่องดื่มคนละ 1 รายการ เฉลี่ยคนละประมาณ 300-500 บาท มีทั้งอาหารคาวอย่างสปาเกตตี้ สเต๊ก ปีกไก่ทอด ไปจนถึงของหวานอย่างวาฟเฟิลไอศกรีม ส่วนเมนูเครื่องดื่มคือเหมือนกับคาเฟ่ทั่วไป เช่น ชา สมูทตี้ เนื่องจากเราทานอาหารมาก่อนแล้ว มาถึงที่คาเฟ่เราจึงสั่งเป็นของหวานอย่างวาฟเฟิลไอสกรีมแทน แต่เอาจริงๆ คือพอมองไปห้องกระจกใสด้านข้างเห็นน้องแมวยักษ์วิ่งเล่นอยู่ ใจเราก็อยากจะไปเล่นกับน้องแล้ว ภายในคาเฟ่จะมีแมวเปอร์เซียหลายตัวที่ปล่อยเดินเล่น นอนเล่นอยู่ เราสามารถเล่นกับน้องแมวเหล่านี้ระหว่างรออาหาร อดใจไว้จนทานวาฟเฟิลเสร็จก็ได้เวลาที่รอคอย เราขอเรียกพี่ๆ พนักงานที่นี่ว่าเป็น 'พี่เลี้ยง' นะคะ เพราะพี่เลี้ยงจะคอยดูแลทั้งเราและสัตว์ที่อยู่ในบริเวณนี้ เพื่อคอยให้ความรู้และให้พวกเราเล่นกันได้อย่างปลอดภัย ซึ่งสัตว์แต่ละตัวพลังเหลือล้น แอคทีฟมากจนแทบจะเก็บภาพนิ่งไม่ได้เลยค่ะ เราก็มัวแต่ตื่นเต้นที่จะได้เล่นกับน้องๆ ด้วย เอาล่ะค่ะ ได้เวลาพบกับสิ่งมหัศจรรย์ตัวแรกกันเลยค่ะ แมวแคราแคล (Caracal Cat) เป็นคำจากภาษาตุรกีแปลว่า "หูสีดำ ตามหลักการแมวแคราแคลจัดอยู่ในแมวขนาดกลาง แต่สำหรับเราคือเป็นแมวยักษ์เพราะน้องตัวใหญ่ สูงโปร่ง ไม่ได้ตัวเล็กเหมือนแมวปกติที่เห็นกัน อีกทั้งยังปราดเปรียววิ่งและกระโดดไปมาตลอดเวลา เล่นกับน้องดีๆ นะคะเพราะค่าตัวน้องอยู่ที่ 300,000 บาท ส่วนตัวคิดว่ามาเล่นกับน้องที่คาเฟ่น่าจะเหมาะกว่าซื้อไปเลี้ยงเอง ระหว่างที่เล่นพี่เลี้ยงเล่าให้ฟังว่า แมวชนิดนี้มีขนยาวสีดำตรงปลายหู ว่ากันว่าเอาไว้กันแมลงเข้าหูกับเอาไว้บังแสงอาทิตย์ไม่ให้เข้าตา ความสามารถพิเศษของแมวแคราแคลคือสามารถกระโดดได้สูงถึง 10 ฟุตหรือประมาณ 3 เมตร ซึ่งบางครั้งถึงกับหมุนตัวและจับนกได้กลางอากาศ อีกทั้งยังวิ่งได้ที่ความเร็วสูงสุดถึง 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อายุขัยของแมวแคราแคลอยู่ที่ประมาณ 20-30 ปี ส่วนน้องตัวที่อยู่ที่นี่อายุยังไม่ถึง 2 ปีเลย ถัดมาเป็นน้องแมวที่ราคาค่าตัวแรงไม่ต่างกันคือแมวเซอร์วัล (Serval Cat) ที่เมื่อมองผ่านๆ ตอนแรกนึกว่าเป็นลูกเสือชีต้า เพราะมีลายจุดและหุ่นเพรียวเป็นนางแบบ น้องทั้งสองตัวค่อนข้างเชื่อง จำพี่เลี้ยงได้ก็จะดูสนิทกันเป็นพิเศษ แต่โดยรวมแล้วก็ยังจับตัวได้ยาก เพราะน้องไม่อยู่นิ่ง เราก็เอาลูกบอลโยนเล่นกับน้องแมว เห็นซนอย่างนี้แมวเซอร์วัลจัดว่าเป็นแมวที่มีขายาวที่สุดในบรรดาแมวสายพันธ์ุอื่นที่มีขนาดตัวเท่ากัน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มันสามารถกระโดดไปได้ไกลถึง 12 ฟุต และที่น่าสนใจกว่านั้นคือขนาดหูของแมวเซอร์วัล เพราะหากเทียบสัดส่วนกับขนาดหัวของมันแล้วถือว่าแมวเซอร์วัลมีขนาดหูที่ใหญ่มาก ซึ่งสัดส่วนแบบนี้ถ้าเป็นคนเท่ากับว่าหูของเราจะมีขนาดใหญ่เท่าจานข้าวเลยค่ะ นอกจากนี้แมวเซอร์วัลยังได้ชื่อว่าเป็นแมวที่หวงอาณาเขตของมันมาก วิธีการที่จะกำหนดเขตคือการปัสสาวะไว้ตามจุดต่างๆ เหมือนแมวทั่วไป เรื่องชวนทึ่งคือแมวชนิดนี้จะปัสสาวะประมาณ 46 ครั้งต่อชั่วโมง แต่ทุกท่านที่มาเล่นกับน้องไม่ต้องกลัวนะคะ น้องแมวรู้ว่าตรงนี้เป็นอาณาเขตของตัวเองดังนั้นจึงไม่ปัสสาวะบ่อย สามารถเล่นกับน้องได้อย่างสบายใจ สุดท้ายคือเจ้าตัวจิ๋วสุนัขจิ้งจอกเฟนเนก (Fennec Fox) ถึงแม้เจ้าตัวนี้จะเป็นสัตว์ในวงศ์สุนัขที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก แต่ราคาค่าตัวของน้องไม่เล็กนะคะ เพราะน้องราคาอยู่ที่ประมาณ 100,000 บาท ต้องบอกว่าอยากอุ้มกลับบ้านมากที่สุดแล้ว น้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 1.36 - 1.6 กิโลกรัมเท่านั้น จิ้งจอกเฟนเนกมีอีกชื่อหนึ่งว่า 'จิ้งจอกทะเลทราย' จะเห็นว่าใบหูของมันบางมากเพราะต้องใช้ระบายความร้อนเวลาอยู่กลางทะเลทรายนั่นเอง รวมทั้งยังมีความสามารถในการแอบฟังเสียงเพื่อระบุตำแหน่งของเหยื่อที่อยู่ใต้ดินได้อีกด้วย โดยใบหูของมันยาวประมาณ 4-6 นิ้ว น้องไฮเปอร์วิ่งซนตลอดเวลา ต้องหาจังหวะดีๆ ก็จะสามารถอุ้มน้องได้ พออุ้มได้ปุ๊ปน้องจะนิ่ง น่ารักสุดๆ ขนน้องก็นุ่มมาก จะสังเกตเห็นว่าที่อุ้งเท้าก็จะมีขนเพื่อช่วยกันความร้อนเวลาต้องเดินบนทะเลทราย เป็นยังไงกันบ้างคะสำหรับ The Animal Cafe คาเฟ่ที่ให้เราได้ใกล้ชิดสัตว์ที่เราไม่มีโอกาสได้เลี้ยงเอง นอกจากความสนุกที่ได้แล้ว การได้คุยกับพี่เลี้ยงก็ยังได้ความรู้มากมายกลับบ้านไปด้วย อยากให้ทุกคนลองมาดูเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่อีกรูปแบบหนึ่ง ขอปิดท้ายกันด้วยรูปเจ้าแรคคูนที่พี่เลี้ยงบอกว่าปกติน้องจะนอนตลอดวัน วันนี้โชคดีที่น้องขยับตัวออกมาให้เราได้ชมกัน