ในย่านถนนเชื้อเพลิง เป็นถนนลึกลับที่ใครหลายๆ คนอาจจะไม่รู้จัก แน่นอนว่าการหาร้านอาหารสักร้านที่อยู่ในถนนนี้ ยิ่งน้อยคนที่จะรู้จัก แต่กลับมีร้านอาหารอยู่ร้านนึง ที่นำบ้านไม้หลังเก่า มาปรับปรุงใหม่ให้ดูดี และเปลี่ยนมาทำเป็นร้านอาหารที่ยกระดับเมนูอาหารอีสานพื้นบ้านที่เรารู้จักกันดี ทั้ง ส้มตำ ไก่ทอด น้ำตก และแจ่วฮ้อน ใช้วัตถุดิบคุณภาพดี สะอาด ปลอดภัย อร่อยถูกปากคนเมือง แม้กระทั่งคนดังหลายคนก็ยังมาเยือน และยิ่ง มาร์ค แบมแบม จากวงชื่อก้องโลกอย่าง GOT7 เอง ก็ยังมาทานร้านที่มีชื่อว่า “ราชาคอหมูย่าง” สาขาพระราม 4ป้ายร้าน ราชาคอหมูย่างร้านอาหารไทยอีสานที่มีจุดกำเนิดมาจาก คอหมูย่าง สูตรพรีเมี่ยม ที่เน้นคัดสรรเฉพาะส่วนที่ดีที่สุดอย่าง คอหมูย่าง ผ่านการหมักและย่างด้วยสูตรเฉพาะตัว ทานคู่กับน้ำจิ้มแจ่วรสชาติจัดจ้าน จนกระทั่งขยายจากร้านที่เป็นเพียงแค่ Kiosk เล็กๆ กลายมาเป็นสาขาใหม่ล่าสุดอย่างสาขาพระราม 4 ที่แอบซ่อนอยู่ในถนนเชื้อเพลิงใต้ทางด่วนพิเศษเฉลิมมหานคร โดยการนำบ้านไทยยุคเก่าสไตล์นีโอคลาสิค มาปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นร้านอาหารที่ทุกคนสามารถมากินดื่ม และสังสรรค์กับคนในครอบครัว หรือเพื่อนฝูงได้ด้วยเมนูอาหารอีสานที่เราคุ้นเคยกันดี การเดินทางมาร้านนี้แนะนำว่าควรเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวจะดีที่สุด หรือจะนั่งแท๊กซี่มาที่หน้าร้านก็ได้เช่นกัน ภายในร้านเองจะมีที่จอดรถอยู่ประมาณ 20 คัน แต่ถ้าที่จอดเต็ม สามารถไปจอดได้ที่ริมถนน ซึ่งส่วนตัวเองก็แนะนำให้จอดที่ด้านนอกมากกว่าในร้านเพราะขับออกง่ายกว่ามากๆบรรยากาศในสนามหญ้า ยามเย็นตัวร้านเองจะมีอยู่ด้วยกัน 2 โซน หากมาทานกันเยอะมาก ทางร้านจะจัดให้นั่งโซนด้านนอกบนสนามหญ้า ซึ่งช่วงนี้เองอากาศก็เริ่มเย็นหน่อยๆ จากฝน การนั่งข้างนอกจะได้บรรยากาศมากกว่า ส่วนถ้าใครไม่ชอบนั่งด้านนอก ก็มีส่วนของห้องแอร์ให้บริการเช่นกัน ซึ่งจะเป็นบ้านที่ใหม่กว่า แต่ปรับปรุงให้เป็นร้านอาหารเต็มรูปแบบ ซึ่งมีที่นั่งอยู่ที่ด้านบนชั้น 2 ด้วยเช่นกันเมนูทั้งหมดของร้านเมนูอาหารจะมีให้เลือกหลากหลาย โดย Signature ที่ทางร้านจะแนะนำจะเป็น แจ่วฮ้อน ซึ่งสนนราคาเริ่มต้นที่ 300 บาท มีทั้งแบบหมูและเนื้อ รวมทั้งเนื้อพรีเมี่ยม นอกจากนี้ยังมี ส้มตำ ยำ น้ำตก ลาบ ย่างสารพัด ทอด และต้ม ให้เลือกสั่งละลานตา หากเป็นคนไม่ทานเผ็ด ก็แจ้งกับพนักงานได้เช่นกันคอหมูย่างสไลด์บางเฉียบ นุ่มๆเริ่มต้นมื้ออาหารกับเมนูยอดฮิตของร้านอย่าง คอหมูย่าง ราคา 145 บาท เสิร์ฟมาในจานสังกะสีพร้อมกับน้ำจิ้มแจ่ว หมูหั่นได้บางเฉียบ ใช้ส่วนคอหมูย่างที่ไขมันน้อยไปสักหน่อย ก่อนจะนำไปหมักและคลุกกับข้าวคั่ว ก่อนย่างจนสุก รสชาติออกหวานจากซอสที่หมัก มีความหอมกลางๆ ส่วนน้ำจิ้มแจ่วรสชาติดี ออกเผ็ดจัดจ้านตัดกับความหวานของหมูได้เป็นอย่างดีชุดแจ่วฮ้อนรวมหมูจานที่สอง กับเมนู แจ่วฮ้อนหมูรวม ราคา 300 บาท ในเซ็ตนี้จะประกอบด้วยเนื้อหมูและตับ ชุดผัก และหม้อต้มแบบไฟฟ้าที่ใส่เครื่องแบบจัดเต็ม และมีเสิร์ฟน้ำจิ้มแจ่วฮ้อนสำหรับรับประทานกับเมนูนี้โดยเฉพาะ เนื้อหมูหมักออกมาได้นุ่มกำลังดี ไม่แห้งหรือแข็งกระด้าง ส่วนตับก็รสชาติดี แถมทำให้ซุปรสชาติอร่อยขึ้นอีก ผักและวุ้นเส้นใช้ของมีคุณภาพ ส่วนซุปรสชาติจะออกจัดจ้านอยู่แล้ว แต่ถ้าเติมน้ำจิ้มแจ่วฮ้อนลงไปอีก จะครบเครื่องสุดๆเทลงไปให้หมด เพื่อความอร่อยเห็ดทอดแสนอร่อยต่อกันด้วยเมนูทานเล่นจานแรกกับ เห็ดทอด ราคา 90 บาท เสิร์ฟคู่กับซอสพริกศรีราชา ปริมาณเยอะใช้ได้ มีความอมน้ำมันอยู่พอสมควร กรอบพอใช้ได้ ทานเรื่อยๆ ก็ไม่ได้รู้สึกคอแห้งแต่อย่างใด รวมทั้งไม่มีกลิ่นเหม็นของเห็ดเมนูซิกเนเจอร์ กับ ยำหมูสับกากหมูไข่ลาวาและมาถึงจานซิกเนเจอร์จานที่ 2 กับ ยำหมูสับกาหมูไข่ลาวา ราคา 140 บาท คล้ายๆ ยำวุ้นเส้นโบราณ เพียงแต่จะไม่มีวุ้นเส้นและถั่วลิสง ปริมาณพอใช้ได้ เน้นหนักไปที่หมูสับแบบจัดเต็ม และกากหมูเพิ่มความกรุบกรอบ รสชาติน้ำยำจะออกหวานนำและเปรี้ยวนิดๆ มีความเผ็ดตัดนิดหน่อย ส่วนความอร่อยอยู่ที่การเจาะไข่แดงให้แตก แล้วคลุกกับเครื่องอื่นๆให้เข้ากัน ก่อนที่จะทาน จะได้ความหวานมันจากไข่แดงที่เพิ่มความอร่อยให้จานนี้โดยไม่รู้ตัวเมนูไม่ลับ แต่รสชาติล้ำลึกกับ ไส้กรอกอีสานอีกเมนูที่อยากแนะนำให้สั่งคือ ไส้กรอกอีสาน ราคา 90 บาท ราคาอาจจะถือว่าสูงไปสักหน่อยเมื่อเทียบกับปริมาณที่ได้รับ แต่บอกได้เลยว่าเด็ดจริง ตัวไส้กรอกจะมีความแน่นปานกลาง รสชาติออกเปรี้ยวนิดๆ แต่สิ่งที่ทำให้อร่อย คือความหอมของสมุนไพรที่ผสมลงไป เวลาทานเราจะได้ความหอมๆ นำขึ้นมา ซึ่งช่วยทำให้อาหารอร่อยขึ้นอย่างผิดหูผิดตา จนอยากจะสั่งอีกสักจาน ถ้าไม่อิ่มซะก่อนตำข้าวโพดไข่เค็มนัวๆมาทานร้านอาหารไทยอีสานแบบนี้แล้ว ไม่สั่งส้มตำก็กระไรอยู่ เลยสั่งมา 2 อย่าง ก็จะมี ตำข้าวโพดไข่เค็ม ราคา 100 บาท ปริมาณอาจจะไม่ได้เยอะมาก แต่ข้าวโพดอร่อย น้ำยำก็ดี และความมันจากไข่เค็ม ช่วยให้จานนี้น่าสนใจมากยิ่งขึ้นตำนัวๆ ของคนรักปูปลาร้าและอีกจานสำหรับสาย Hard core อย่าง ตำปูปลาร้า ราคา 90 บาท จัดเต็มทั้งน้ำปลาร้าและปูนา มาพร้อมกับเส้นมะละกอขูดที่กรอบมากๆ ถ้าเย็นกว่านี้อีกนิดจะ Perfect เลย รสชาติออกนัวไม่เผ็ดมาก ส่วนปลาร้าเองก็เป็นแบบต้มสุก ไม่มีกลิ่นตุๆ ปนมาแต่อย่างใดข้าวเหนียวและขนมจีนในส่วนของคาร์โบไฮเดรตที่ควรค่าแก่การสั่ง จะมีทั้งขนมจีน และข้าวเหนียวในราคาเท่ากันที่ 20 บาท ปริมาณขนาดเหมาะกับ 1 คนทาน แต่ถ้าเป็นสายเน้นกับข้าว อาจจะแบ่งทานได้ถึง 2 คนเลยทีเดียวรสชาติอาหารโดยรวมแล้ว ถือได้ว่าทำออกมาได้ถูกปากกับคนเมือง ในเรื่องของการคัดสรรวัตถุดิบที่นำมาทำอาหาร ความสะอาด ทำออกมาได้ดีเช่นกัน การบริการอาจจะมีความล่าช้านิดหน่อย โดยเฉพาะในวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ลูกค้าจะเยอะเป็นพิเศษ แนะนำว่าให้โทรสำรองที่นั่ง แต่ถ้าลืมโทรและ walk in ไปหน้าร้านเลย ควรจะไปในช่วงเวลาร้านเปิด จะได้ไม่ต้องรอนานและสามารถเลือกที่นั่งเองได้ การเสิร์ฟอาหารจะไม่ได้มาพร้อมกันขึ้นอยู่กับว่าเมนูนั้นทำไว้แล้วหรือไม่ ดังนั้นหากสั่งตอนแรก ควรสั่งทุกเมนูที่อยากจะทานเลยจะได้ไม่รอนาน และไม่ต้องกลัวว่าจะเสิร์ฟพลาด เพราะทางร้านบันทึกข้อมูลผ่านมือถือและแท็ปเล็ตทั้งหมด สำหรับเพื่อนๆ ที่เข้ามาอ่านรีวิวนี้แล้ว หากไปทานมาแล้วก็สามารถมา Comment ที่ด้านล่างรีวิวนี้ได้ กดแชร์แบ่งปันความอร่อยให้กับเพื่อนๆ อย่าลืมกดติดตามผู้เขียนเพื่อไม่ให้พลาดรีวิวร้านอาหารใหม่ๆ และเป็นกำลังใจให้กับทางเพจได้รีวิวอาหารต่อๆ ไป ราชาคอหมูย่าง สาขาพระราม 4พิกัดความอร่อย: บ้านเลขที่ 43/1 ถนนเชื้อเพลิง แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯเวลาเปิดปิด: ทุกวัน 17:00 น. – 23:00 น.เบอร์โทรศัพท์: 090-5197465พิกัด : #ภาพถ่ายทั้งหมดโดยผู้เขียน#บทความดังกล่าวถูกเรียบเรียงและแต่งขึ้นโดยนักเขียนเองทั้งหมด#อาหารไทยอีสาน #ส้มตำ #แจ่วฮ้อน #คอหมูย่าง #ราชาคอหมูย่าง #พระราม4 #ถนนเชื้อเพลิงห้องส่องร้านดังมาแรง รวมของกินอร่อยต้องโดน บอกสูตรเมนูลับที่ไม่ลับอีกต่อไป