บทความนี้ขอมาเอื้อนเอ้ยถึงอดีตการทำงานสมัยผมเป็นที่ปรึกษากฎหมาย ณ "law firm" แห่งหนึ่งใน กทม. (Cr: by freedomz from https://bit.ly/2Fi41uG)หรือบริษัทที่ปรึกษากฎหมาย (ธุรกิจ/เอกชน) ซึ่งครั้งแรกที่ผมได้ยินก็แอบสงสัยว่ามัน คือ อะไร?สมัยยังเป็นนิสิตปริญญาตรีที่คณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ และทางคณะได้เรียนเชิญรุ่นพี่ศิษย์เก่า (ขอบพระคุณพี่แม้ว เพียงพนอ บุญกล่ำ นะครับ) มาอธิบายให้ฟังเพื่อมาไขข้อข้องใจ พร้อมเปิดโอกาสให้น้อง ๆ นิสิตได้สอบถามว่าชีวิตในลอว์เฟิร์ม (Cr: freedomz from https://bit.ly/37qhvk6)ว่าเป็นอย่างไรผลจากการได้รับฟังคำอธิบายจากรุ่นพี่คนดังกล่าว รวมถึงประสบการณ์ส่วนตัวของผู้เขียนสามารถสรุปได้ดังนี้1. ความแตกต่างของบริษัทที่ปรึกษากฎหมายกับสำนักทนายความต่างกันที่ Scale งาน กล่าวคือ ความเข้มข้น/ความซับซ้อนของงานในลอว์เฟิร์มจะใหญ่ ยาก และซับซ้อนมากกว่า2. ภาษาอังกฤษควรต้องอยู่ในระดับดีถึงดีมาก เนื่องจากการจัดทำจดหมายถึงลูกความส่วนใหญ่ควรต้องพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษ ดังนั้น การใช้ภาษาอังกฤษเชิงกฎหมาย ต้องอยู่ในระดับเดียวกันหรือเทียบเท่าภาษาไทยเลย3. หลักกฎหมายควรต้องแน่น โดยเฉพาะความรู้ทางกฎหมายธุรกิจ4. ศาสตร์อื่นที่เกี่ยวข้องที่(นักกฎหมาย)ควรต้องมี นอกจากกฎหมาย คือ การบริหาร เศรษฐศาสตร์ บัญชี รวมถึงการเมืองด้วย เท่ากับว่าความรู้นอกตำราเป็นสิ่งที่ต้องมี5.งานหนัก และควรต้องส่งงานตามเวลาที่กำหนด5.1 บางงานที่จะเข้ามา อาจได้รับหลัง/ก่อนเวลาเลิกงาน6. เงินเดือนแปลผันตรงตามความวิริยะอุตสาหะของแต่ละคน7. งานแต่ละชิ้นต้องบันทึกลงว่าใช้เวลานานมาก-น้อยเพียงใด หรือที่เรียกว่า Timesheet โดยจำนวนชั่วโมงที่เราทำจะนำไปคำนวนเพื่อเรียกเก็บกับลูกความ8.ตำแหน่งใหญ่ในลอว์เฟริ์มคือ (พี่) Partner ไม่ใช่พี่ผู้จัดการ9. ประสบการณ์การทำงานเป็นความรู้นอกตำราเสียส่วนใหญ่10. นอกจากความรู้และภาษาอังกฤษ จำต้องมีทักษะทางสังคมเพื่อทำงานร่วมกับผู้อื่นเป็นด้วย11. บางงานจำต้องติดต่อกับเจ้าหน้าที่รัฐอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้12. การฝึกใช้เหตุผลในทางกฎหมายสำคัญมากเพราะไม่มีในตำราหรือคำพิพากษาฎีกาไว้อ้างอิง13.ต้องพัฒนาตัวเองตลอดเวลา ผ่านการอ่านหรือไปอบรมสัมมนาตามที่ต่าง ๆ13.1 ความรู้ต้องเป็นปัจจุบันที่สุด ดังนั้นจึงควรสนใจอ่านข่าวธุรกิจอยู่เป็นนิจ13.2 ต้องทันการเปลี่ยนแปลงของโลก เช่น AI, Trade War, Digital market/taxation และ ทรัพย์สินทางปัญญา เป็นต้น13.3 การเลือกใช้คำศัพท์ทางกฎหมาย (legal terms) ให้ถูกต้องกับงานที่ได้รับมอบหมาย14.ความสามารถในการจัดการความเครียด รวมถึงการจัดการงานที่ประดังประเดมาในเวลาเดียวกันอย่างมีประสิทธิภาพ15. บางเสาร์-อาทิตย์อาจต้องเข้ามาทำงาน เนื่องจากต้องส่งให้ทันกำหนดเวลา16.ห้ามรียกผู้รับบริการว่า “ลูกค้า” ต้องเรียกว่า “ลูกความ”17. ในบริษัทที่ปรึกษากฎหมายจะมีหลายแผนก หรือความเชี่ยวชาญ เช่น การจัดการด้านกฎหมายธุรกิจ ภาษี (ทั้งในและระหว่างประเทศ) การเงิน-การลงทุน ทรัพย์สินทางปัญญา ก่อสร้าง-สาธารณูปโภค แรงงาน (ทรัพยากรบุคคล) การดำเนินคดี ทั้งในและนอกศาล และสัญญาทางปกครอง เป็นค้น18. เนื่องจากกฎหมายของประเทศไทยมีจำนวนมาก บางกฎหมายนั้นอาจไม่มีสอนตามมหาวิทยาลัย แต่ “หลักกฎหมาย” ต้องแม่น ไม่ได้แปลว่าต้องจำให้ได้ทุกมาตรา19. การหาคำพิพากษาศาลในต่างประเทศเป็นเรื่องที่ต้องติดตามอยู่เสมอเพื่อให้คำตอบนั้นมีความชอบด้วยกฎหมายมากที่สุด20. ทักษะการค้นหาแหล่งอ้างอิงที่น่าเชื่อถือ มีความจำเป็นอย่างมาก21. Wikipedia ไว้ใช้หาความรู้ไม่ใช่แหล่งอ้างอิง22. ตำรา/หนังสือ จะให้ความรู้ แต่บทความจะสะท้อนความเห็น (ทางกฎหมาย) เพราะฉะนั้นต้องอ่านประกอบกันเสมอ23. ห้ามรอตำรา/หนังสือแปล เท่ากับว่าการอ่านตำราภาษาอังกฤษออกทันทีเป็นสิ่งสำคัญมาก เช่นนั้นความเห็นทางกฎหมายจะไม่ทันต่อสถานการณ์24. เวลาสังสรรค์อาจถูกเบียดบังจากการทำงาน เพราะฉะนั้นแบ่งเวลาดี ๆ25. งานในลอว์เฟิร์มส่วนใหญ่มีสองประเภท คือ ด่วนมากและด่วนที่สุด26. ความคิดสร้างสรรค์เชิงกฏหมายเป็นสิ่งสำคัญ27. Connection ก็สำคัญเช่นกัน ดังนั้น หัดมีเพื่อนนอกคณะบ้าง (ทำกิจกกรมเสียบ้าง)28. ใครกลัวงานหนัก+ไม่เก่งภาษา ผมไม่แนะนำ29. ถ้าคุณเห็นคนทำงานลอว์เฟิร์ม แล้วโสด - นั่นไม่ใช่เรื่องแปลก30. อย่าทำงานจนลืมดูแลสุขภาพ ให้คุณเก่งแค่ไหน แต่ถ้าร่างกายไม่ไหวคุณก็ไปได้ไม่ไกลนะ31.จากข้อ 6 อย่าลืมวางแผนภาษีส่วนตัวด้วย#ฝากไว้ให้คิดท้ายนี้ผมขอฝาก คติเตือนใจของพี่แม้ว คือ ความสำเร็จด้านกฎหมายนั้น ต้องมีหลักคิดที่ดี เราต้องชอบในสิ่งที่ทำ มีทัศนคติเปิดรับ และขวนขวายหาความรู้และทักษะที่จำเป็นลอว์เฟิร์มให้อะไรมากกว่าที่คุณคิดครับ และขอบพระคุณปก โดย Joergelman จาก https://bit.ly/2rOUoAC รวมถึง แรงบัลดานใจจากพี่แม้วนะครับที่ทำให้ผมมาไกลขนาดนี้ (Credit: by StockSnap from https://bit.ly/2FimuHH)Happy New Year 2020