สมัยนี้น้ำตาลเป็นวัตถุดิบให้ความหวานที่นิยมใช้กันตามครัวเรือน จะหวานมากหรือหวานน้อยแต่ความหวาานั้นล้วนแล้วแต่มาจากน้ำตาลด้วยกันทั้งสิ้น น้ำตาลดูจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อปัญหาสุขภาพและโรคภัยไข้เจ็บมากมายหลายอย่าง มีการรณรงค์ให้บริโภคน้ำตาลแต่น้อย หันมาใช้สารให้ความหวานชนิดอื่นแทน สมัยนี้น้ำตาลเป็นตัวก่อโรค แต่หากย้อนไปยังอารยธรรมกรีก-โรมัน น้ำตาลกลับเป็นวัตถุดิบชิ้นสำคัญในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ซ้ำยังเป็นของหายากที่นำมาใช้เฉพาะทางการแพทย์เท่านั้นหลักฐานทางประวัติศาสตร์หลายชิ้นบ่งบอกว่าอุตสาหกรรมการผลิตน้ำตาลเริ่มต้นที่ทวีปเอเชีย โดยเฉพาะแถบอินเดีย เพราะคนในภูมิภาคเอเชียรู้จักปลูกอ้อย มะพร้าว และตาลโตนดมาเป็นเวลานานหลายพันปี แม้กระทั่งคนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังไม่เคยแร้นแค้นน้ำตาล เราใช้น้ำตาลเป็นหัวเชื้อหมักบ่มเหล้ามานานหลายพันปีมาแล้ว นั่นทำให้ทางฝั่งยุโรปถือว่าน้ำตาลเป็นของหายากพอกับเกลือ ไม่ว่าเราจะไปเปิดตำราเล่มใด แม้กระทั่งตำราอาหารทางฝั่งยุโรปก็ไม่ใช้น้ำตาลในการปรุงอาหาร แต่จะใช้น้ำผึ้งเป็นสารให้ความหวาน จนล่วงมาถึงยุคที่โคลัมบัสออกเดินเรือค้นพบดินแดนแล้ว น้ำตาลจึงกลายเป็นสินค้าทั่วไปที่นำมาใช้ปรุงอาหารกันจนถึงทุกวันนี้สมัยกรีกและโรมัน ผู้ที่ครอบครองน้ำตาลได้ต้องเป็นคนมีฐานะ หรือเป็นผู้ที่มีความรู้ในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ เพราะเป็นสินค้าที่ต้องนำเข้าจากต่างแดน ไม่มีใครรู้จักการปลูกอ้อยเพื่อนำมาทำน้ำตาล แม้สมัยนั้นเกลือจะสามารถนำไปแลกเป็นสินค้าต่าง ๆ ได้ก็จริง แต่น้ำตาลมีราคาแพงกว่าเกลือด้วยซ้ำไป จากบันทึกที่หลงเหลืออยู่ น้ำตาลมักปรากฎเป็นหนึ่งในส่วนผสมสำคัญในการปรุงยา โดยเฉพาะยารักษาโรคเกี่ยวกับลำไส้พิดานิอุส ไดออสคอริดีส (Pedanius Dioscorides) เป็นหนึ่งในแพทย์ชาวกรีกที่เลื่องชื่อด้านการใช้สมุนไพรรักษาโรคเกี่ยวกับลำไส้ เนื่องจากมีความรู้เรื่องพฤกษศาสตร์และเภสัชวิทยา เขาได้แต่งตำรายารักษาโรคชื่อว่า De Materia Medica ทั้งหมด 5 เล่ม ระหว่างการเข้าทำงานเป็นศัลยแพทย์ในกองทัพ ปรากฎว่ามียารักษาชนิดหนึ่ง เป็นการใช้น้ำตาลละลายน้ำร่วมกับสมุนไพรหลายชนิด มีสรรพคุณช่วยฟื้นฟูลำไส้และกระเพาะอาหาร นอกจากนี้ยังสามารถบรรเทาอาการกระเพาะปัสสาวะและไตอักเสบได้ด้วย ถือเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับน้ำตาลที่ปรากฎอย่างชัดเจนในตำรายาทางฝั่งยุโรปนอกจากนี้ในบันทึกของพลินีผู้อาวุโส (Pliny The Elder) นักธรรมชาติวิทยาและแม่ทัพสมัยโรมัน ถือเป็นชาวโรมันคนแรก ๆ ที่ศึกษาเกี่ยวกับการใช้ธรรมชาติในการรักษาโรค ที่โด่งดังและเป็นต้นแบบมาถึงทุกวันนี้คือเรื่องการใช้น้ำร้อนบำบัดอาการปวดเมื่อย และพลินีผู้อาวุโสยังบันทึกถึงการขนส่งน้ำตาลจากซีกโลกตะวันออกมายังจักรวรรดิโรมัน เพื่อนำมาเป็นส่วนผสมสำหรับทำยาแก้ปวดให้กับทหารในกองทัพ ทำให้เราเห็นว่าแม้ในจักรวรรดิโรมันที่มีความก้าวหน้า น้ำตาลยังถูกนำมาใช้ในทางการแพทย์มากกว่าการปรุงอาหารอยู่ดีก่อนจะมาเป็นวัตถุดิบติดครัวแบบทุกวันนี้ ในทวีปยุโรปน้ำตาลถือเป็นสินค้าสำคัญที่หายากเช่นเดียวกับเกลือ แต่ต่างกันตรงที่เกลือมักเป็นสินค้าสารพัดประโยชน์ สามารถใช้ในการปรุงและถนอมอาหาร และยังเป็นค่าแรงที่เหล่าทหารในสมัยนั้นได้รับเพื่อนำไปแลกสิ่งของเครื่องใช้ได้อีกด้วย ส่วนน้ำตาลที่สมัยนี้เป็นตัวการก่อสารพัดโรค กลับกลายเป็นส่วนผสมทางยาชั้นดีในตำราทางการแพทย์สมัยกรีก-โรมัน นี่จึงเป็นเรื่องราวจากวัตถุดิบในครัวที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน และนำมาใช้ประโยชน์แตกต่างกันตามยุคสมัยนั่นเองรูปภาพหน้าปก โดย John Cutting : Unsplashภาพประกอบที่ 1 โดย C Drying : Unsplashภาพประกอบที่ 2 โดย 955169 : Pixabayภาพประกอบที่ 3 โดย Feelphotoz : Pixabay