เมื่อกล่าวถึงอารยธรรมกรีก-โรมัน หลายคนอาจคิดถึงเรื่องราวของเทพเจ้า นักปรัชญาเลื่องชื่อซึ่งเป็นผู้วางรากฐานศาสตร์หลายแขนง รวมทั้งสิ่งก่อสร้างที่สะท้อนความรุ่งเรืองทางสถาปัตยกรรมและความสามารถอันน่าทึ่งของมนุษย์ยุคโบราณ แต่หลายครั้งที่การศึกษาอารยธรรมกรีก-โรมัน มาจากการค้นคว้าทางด้านภาษาและวรรณกรรม หลายคนคงรู้จักวรรณกรรมที่เกี่ยวข้องกับอารยธรรมดังกล่าวหลายต่อหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น เออดิปุส (Oedipus) อิเนียด (Aenied) เมทามอร์โฟซิส (Metamorphoses) ซึ่งล้วนแล้วแต่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับสภาพบ้านเมืองสมัยอารยธรรมกรีก-โรมัน ความเชื่อเกี่ยวกับเทพเจ้า วัฒนธรรมและประเพณีเอาไว้อย่างหลากหลาย แต่วรรณกรรมที่จะพาทุกคนไปรู้จักในวันนี้ เป็นวรรณกรรมที่โด่งดังมากที่สุด เรียกว่าเป็นเรื่องราวสุดคลาสสิกที่ได้รับการตีพิมพ์ไปทั่วโลก คงเป็นเรื่องใดไปไม่ได้นอกจาก อิเลียดและโอดิสซี (Illiad And Odyssey)แรกเริ่มเดิมทีอิเลียดและโอดิสซีเป็นวรรณกรรมคนละเรื่อง แต่แวดวงการศึกษาอารยธรรมกรีกชอบป้ายยาว่า ถ้าอ่านอิเลียดก็ต้องอ่านโอดิสซีด้วย ยุคหลังมาหลายสำนักพิมพ์จึงรวมทั้งสองเรื่องไว้ในเล่มเดียว โฮเมอร์ (Homer) ซึ่งเป็นผู้เขียนเรื่องราวดังกล่าว ก็เหมือนเกิดมาเพื่อเป็นนักเขียนมือทองโดยเฉพาะ เล่าเรื่องได้อย่างสนุกสนาน เก็บรายละเอียดของอารยธรรมกรีก-โรมันได้อย่างงดงาม แต่ถึงแม้อิเลียดและโอดิสซีจะว่าด้วยเรื่องราวของสงครามระหว่างสองเมืองที่เกิดจากการแย่งชิงผู้หญิง โดยเทพเจ้าและบรรดาอสูรในตำนานเข้ามาเกี่ยวข้องบ้างบางส่วน แต่สิ่งที่จะนำมาเล่าให้ผู้อ่านได้รับรู้กันในบทความนี้ คือรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่หลายคนอาจจะมองข้าม นั่นคือเรื่องราวของอาหารเช้า (Breakfast)ผู้เขียนมีโอกาสได้อ่านอิเลียดและโอดิสซีสมัยเรียนมหาวิทยาลัย และได้รู้จากวรรณกรรมเรื่องนี้เองว่า การรับประทานอาหารเช้าของมนุษย์บนโลกมีมานานแล้ว ไม่ใช่วัฒนธรรมใหม่อะไรเลย อิเลียดและโอดิสซีกล่าวถึงเรื่องราวของอาหารเช้าเอาไว้หลายฉาก ด้วยเรื่องราวส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับสงครามและการออกรบ ทำให้เรารู้ว่า ที่ชาวกรีก-โรมันต้องรับประทานอาหารเช้าก็เพื่อเสริมสร้างพลังงานในการทำงานแต่ละวัน ทุกชนชั้นตั้งแต่พระราชาจนถึงแรงงานทาส ก็รับประทานอาหารเช้าด้วยกันทั้งนั้นเริ่มที่ชาวกรีกก่อน หลายคนคิดว่าชาวกรีกนิยมรับประทานกรีกโยเกิร์ต ความจริงแล้วกรีกโยเกิร์ตเพิ่งมีมาเมื่อไม่นานมานี้ แต่สำหรับในอารยธรรมกรีก ไม่น่าเชื่อว่าผู้คนในยุคนั้นจะรู้จักการรับประทานขนมปังกันแล้ว เชื่อว่าในความรู้สึกของทุกคน ขนมปังดูจะเป็นอาหารสมัยใหม่ที่เกิดขึ้นไม่นาน แต่โฮเมอร์เขียนเอาไว้ว่า ยุคนั้นขนมปังทำจากข้าวบาร์เล่ย์ ต่างจากสมัยนี้ที่ทำจากข้าวสาลีซึ่งขนมปังที่ได้จะนุ่มฟูน่ารับประทาน แต่ยุคกรีกขนมปังจากข้าวบาร์เล่ย์นั้นค่อนข้างแข็งกระด้าง วิธีการรับประทานคือจะต้องจุ่มลงไปในเหล้าองุ่น เพื่อให้รับประทานได้ง่ายขึ้น แต่ด้วยเหล้าองุ่นมีฤทธิ์ทำให้มึนเมา ดื่มตั้งแต่มื้อเช้าคงไม่ได้ไปทำงานกันพอดี ชาวกรีกจึงทำให้เหล้าองุ่นเจือจางโดยการผสมกับน้ำเปล่า มื้อเช้าของชาวกรีกจึงไม่ได้ซับซ้อนอะไรมาก มีเพียงก้อนขนมปังกับเหล้าองุ่นละลายน้ำเท่านั้น แต่หากวันไหนที่มีแขกมานอนค้างที่บ้าน มื้อเช้าในวันถัดไปอาจมีการนำเนื้อที่เหลือจากมื้อเย็นมารับประทานร่วมด้วย ที่สำคัญไม่ได้มีการรับประทานโยเกิร์ตแบบที่หลายคนเข้าใจผิดมื้อเช้าของชาวกรีกที่ดูเรียบง่าย แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับมื้อเช้าของชาวโรมัน ด้วยโรมันมีลักษณะเป็นนครรัฐ มีการแบ่งชนชั้นวรรณะอย่างชัดเจน จึงไม่ต้องแปลกใจว่าแม้กระทั้งอาหารเช้า ก็มีความแตกต่างระหว่างคนแต่ละระดับ มื้อเช้าของชนชั้นสูงหรือคนที่ร่ำรวยจะมีความอลังการงานสร้าง ทั้งขนมปัง เนื้อสัตว์ชั้นเยี่ยมที่หมักด้วยเครื่องเทศหายาก อย่างหญ้าฝรั่น พริกไทย อบเชย นอกจากนี้ยังมีชีส เนย ไข่ ถั่ว มะกอกดำ กระเทียม และที่ขาดไม่ได้คือ ไวน์ผสมน้ำผึ้ง ส่วนชนชั้นแรงงานที่ยากจน จะรับประทานเพียงธัญพืชบดต้มน้ำ ลักษณะคล้ายข้าวต้มหรือโจ๊ก ต่างกันตรงที่ไม่ได้ใช้เมล็ดข้าวในการปรุง แต่เป็นเมล็ดธัญพืชชนิดอื่น ๆ และที่สำคัญไม่มีการปรุงรส เป็นการรับประทานพออิ่มท้องเพื่อเสริมสร้างพลังงานในการออกไปทำงานเพียงเท่านั้นมองกลับมาที่บ้านเรา หากเป็นยุคปัจจุบันอาหารเช้าที่คนทุกกลุ่มรับประทานกัน อาจไม่ได้บ่งบอกฐานะทางสังคมที่ชัดเจนเท่าใดนัก ไม่ว่าจะเป็นคนเมืองหรือคนชนบท ต่างก็รับประทานอาหารเช้าด้วยเหตุผลทางสุขภาพ เพื่อพลังงานในการทำงานด้วยกันทั้งนั้น และอาหารเช้าที่รับประทานต่างขึ้นอยู่กับรสนิยมของใครของมัน ทั้งอาหารจำพวกข้าวเหนียวหมูทอด ชา กาแฟ ข้าวเหนียวสังขยา หรือปาท่องโก๋ หรืออาหารที่รับวัฒนธรรมมาจากตะวันตก จำพวกขนมปัง ไส้กรอก ไข่ดาว ก็ยังจัดอยู่ในอาหารที่ทุกคนสามารถรับประทานได้ ไม่มีข้อห้ามใด ๆ ทั้งสิ้น หรือแม้กระทั่งในสมัยกรุงศรีอยุธยา เรื่องอาหารการกินของชาวสยามไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรแบบชาวกรีกโรมัน ด้วยสภาพพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ ในน้ำมีปลาในนามีข้าว แม้จะมีระบบศักดินาแต่ชาวบ้านสามารถหากินได้อย่างอิสระมากกว่าอารยธรรมอื่น แม้คนสยามที่เป็นชนชั้นล่างจะทำงานเป็นแรงงานทาส แต่ทุกมื้อก็มีข้าวปลาอาหารให้รับประทานอย่างอิ่มหมีพีมัน หากจะมองว่าอาหารเช้าของคนไทยสะท้อนสภาพสังคมได้อย่างไร คงต้องบอกว่าอาหารทุกมื้อของคนไทย เป็นเครื่องสะท้อนความอุดมสมบูรณ์ของผืนแผ่นดินไทยได้อย่างดีเลยทีเดียวผิดกับอารยธรรมกรีก-โรมัน จากเรื่องราวที่เริ่มต้นด้วยสิ่งเล็ก ๆ อย่างอาหารมื้อเช้า แต่สามารถสะท้อนสภาพบ้านเมืองของอารยธรรมกรีก-โรมันได้อย่างชัดเจน ทำให้เราได้เห็นความแตกต่างระหว่างชนชั้น ได้รู้เรื่องราวเกี่ยวกับอาหารการกินที่มีมาตั้งแต่โบราณ ความจริงแล้วในอิเลียดและโอดิสซียังมีเรื่องราวที่น่าสนใจอีกมากมาย หากมีโอกาสจะนำมาเล่าสู่กันฟังอีกในบทความต่อ ๆ ไป แต่หากใครอยากอ่านวรรณกรรมเรื่องดังกล่าว ตามร้านหนังสือชั้นนำมีฉบับแปลภาษาไทยวางจำหน่ายอยู่ทั่วไป เชื่อว่าทุกคนจะสนุกกับการอ่านอิเลียดและโอดิสซีอย่างแน่นอนรูปภาพหน้าปกโดย Belo Rio Studio : Unsplashรูปภาพประกอบที่ 1 (โฮเมอร์ ผู้เขียนอิเลียดและโอดิสซี) โดย Couleur : Pixabayรูปภาพประกอบที่ 2 โดย Hudsoncrafted : Pixabayรูปภาพประกอบที่ 3 โดย RitaE : Pixabayรูปภาพประกอบที่ 4 โดย Lisy_ : Pixabay