สัปดาห์ที่แล้วได้ไปเดินเล่นที่งาน Glowfish Creators' Lab อีเว้นท์งานแสดงศิลปะจากศิลปินไทย อ๊ะๆ หากใครกำลังนึกว่างานศิลปะที่พูดถึงอยู่นี้เป็นการเดินชมรูปวาดเหมือนอยู่ในพิพิธภัณฑ์แล้วล่ะก็...ต้องบอกว่าไม่ใช่เลยค่ะ เพราะคอนเซปต์การจัดงานในครั้งนี้นั้นมีทั้งรูปวาด งานอาร์ตจากข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน เดินชมสบายๆ ถ่ายรูปสวยๆ แบบไม่ต้องพยายาม บอกเลยว่ามางานนี้งานเดียวได้รูปไปอัพลงโซเชียลอีกเป็นเดือน!งาน Glowfish Creators' Lab จัดขึ้นที่อาคารสาธรนครทาวเวอร์ ชั้น 20 เดินทางสะดวกสบายด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีช่องนนทรี ถ้าขับรถมาสามารถจอดได้ที่ชั้นใต้ดินของตึกได้เลย เอาบัตรจอดรถมาปั๊มที่หน้างานจอดได้ฟรี 2 ชั่วโมง โดยสามารถไปชมงานได้ทุกวันตั้งแต่เวลา 12.00-21.30 น. งานจัดขึ้นในวันที่ 31 มกราคม - 29 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมากดลิฟต์ขึ้นมาถึงชั้น 20 เราจะเห็นกับจุดลงทะเบียน ก่อนเข้างานเจ้าหน้าที่จะขอให้เราสแกน QR Code และกรอกแบบฟอร์มออนไลน์เล็กน้อยไม่ถึงนาทีก็เสร็จ จากนั้นจ่ายค่าเข้างาน 50 บาท แล้วจะได้ wristband กระดาษมา หากใครอยากกลับมาที่งานใหม่สามารถเก็บ wristband นี้ไว้แล้วกลับมาได้ในวันอื่นจะไม่เสียค่าเข้าชมค่ะ ภายในงานจะแบ่งเป็นห้องเล็กๆ ทั้งหมด 15 ห้องจัดแสดงงานของศิลปินแต่ละคน เริ่มกันที่ห้องแรกจะเป็นการแปลงอุปกรณ์เครื่องใช้เก่าๆ ภายในบ้านมาเป็นงานศิลปะ เช่น โทรศัพท์บ้านรุ่นเก่า วิทยุและแผ่นซีดี เป็นต้น มีเก้าอี้ให้ไปนั่งถ่ายรูปชิคๆ ด้วย จัดวาเป็นไอเดียที่ดีมากเลยกับการรีไซเคิลแปลงของเก่าให้กลายเป็นผลงานน่ารักแบบนี้ห้องถัดมาเป็นภาพวาดที่ได้แรงบันดาลใจมาจากภาพยนตร์เรื่องต่างๆ ศิลปินเปลี่ยนความเป็นภาพยนตร์ให้ออกมาเป็นภาพวาดแนวการ์ตูน สีสันสดใสสวยงาม มีจานสี พู่กัน ตกแต่งเป็นห้องทำงานของศิลปิน มีโปสการ์ดน่ารักๆ ให้เหล่าบรรดานักสะสมได้ซื้อเก็บเป็นที่ระลึกด้วย ห้องนี้จำลองออฟฟิศมาจัดเป็นงานศิลปะ อยากจะเข้าไปนั่งถ่ายรูปเก๋ๆ บนเก้าอี้ก็ได้ความรู้สึกเป็นคนทำงาน มีงานอาร์ตที่นำเสนอชีวิตจริงของคนทำงานออฟฟิศ ใครเป็นมนุษย์เงินเดือนคงจะอินกับห้องนี้ไม่น้อยห้องครัวน้อยๆ กับ The Breakfast Club Bakery สีหวานน่ารักไปหมด ทั้งขนมปัง เค้ก และอุปกรณ์ทำขนม สายคาเฟ่ต้องไม่พลาดห้องนี้นะคะบางห้องจะมีโปสการ์ด Masking Tape วางจำหน่าย ชอบอันไหนก็จ่ายเงินได้เลย มีให้เลือกแบบโอนเงินหรือจ่ายเงินสด ทางศิลปินเจ้าของผลงานจะวางกระป๋องใส่เงินทอนไว้ให้ เราซื้อไปพอสมควรเลย อะไรๆ ก็ดูน่าซื้อเก็บไปหมดอีกหนึ่งห้องเบเกอรี่ ที่น่ารักคือมีบอร์ดให้ผู้มาเยี่ยมชมเขียนความรู้สึกลงไปบนกระดาษ Post-it และแปะไว้ที่บอร์ด มีทั้งคำชม คำอวยพร บางคนก็วาดรูปซึ่งฝีมือดีไม่แพ้ศิลปินเลยค่ะห้องนี้จะมีม่านกั้น มองผ่านๆ อาจจะไม่เห็นนะคะ ต้องแหวกม่ายเข้าไปก่อนจะอยู่ตรงก่อนทางเข้าห้องน้ำ ถือเป็นห้องลับที่ไม่ค่อยมีใครเดินผ่านมา เหมาะแกการมาถ่ายรูปสุดๆ ยังมึมุมอื่นๆ ที่สร้างการมีส่วนร่วมกับผู้ชม เช่น การตั้งคำถามให้เอาสติ๊กเกอร์ไปแปะเพื่อเป็นการโวต เช่น คำถามที่ว่า 'เราทำงานไปเพื่ออะไร' ก็ได้คำตอบเช่น เพื่อเลี้ยงแมว เพื่อซื้อตั๋วคอนเสิร์ต อ่านไปก็สนุกดีค่ะ ทำให้ได้เห็นความต้องการเก๋ๆ เยอะเลยและมุมยอดนิยมที่ต้องมาต่อคิวถ่ายรูปกันคือมุมนั่งชมพระอาทิตย์ตรงนี้ค่ะ งาน Glowfish Creators' Lab เป็นอีกหนึ่งงานดีๆ ของศิลปินไทยเลือดใหม่ที่เราอยากให้ทุกคนได้มาสัมผัส ทำให้เห็นว่าศิลปินไทยมีความสามารถ ครีเอทีฟกันทั้งนั้น แต่ละคนมีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง ที่สำคัญงานนี้ทำให้เราได้เห็นว่า ทุกอย่างรอบตัวเราสามารถนำมาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างงานศิลปะได้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับว่าเราจะมองจากมุมไหน เพื่อที่จะสร้างออกมาเป็นอะไร มางานนี้นอกจากจะได้รูปสวยๆ ไปอัพลงโซเชียลแล้ว ยังทำให้เรารู้สึกอย่างเป็นนักสร้างสรรผลงานดีๆ แบบนี้บ้าง