หลังจากได้อ่านหนังสือ "เชียงตุง ตำนานและประวัติศาสตร์" ผมก็ได้มีโอกาสร่วมเดินทางกับคณะทำงานด้านการศึกษาและพระพุทธศาสนาไปยังเมืองเชียงตุง เมืองเอกของรัฐฉานตะวันออก ประเทศเมียนมาร์ เมืองเชียงตุงมีอะไรที่น่าสนใจหลายอย่างสำหรับผู้มาใหม่อย่างผม ตอนไปถึงเชียงตุง หลังจากเช็คอินเข้าที่พักช่วงเย็น ผมก็ไปที่หนองน้ำกลางเมืองเชียงตุงเป็นจุดแรกของการมาครั้งนี้เลย นั่นคือ หนองตุง ซึ่งเป็น 1 ใน 9 หนองน้ำสำคัญของเมืองเชียงตุง และเป็นหนองน้ำที่ใหญ่ที่สุดในเมือง ตั้งอยู่ใจกลางเมือง โดยมีหมู่บ้าน วัด โบสถ์คริสต์ โรงแรม ร้านอาหารและเนินเขารายรอบ เวลายืนที่ริมหนองตุงมองไปทางไหน ก็สวยงามไปหมด อารมณ์เหมือนยืนอยู่ริมกว๊านพะเยาแล้วมองเห็นหมู่บ้านกับทิวเขาอยู่ลิบ ๆ แต่ที่หนองตุงเราจะมีความใกล้ชิดมากกว่าหลายเท่า ระหว่างที่เดินเล่นไปได้เกือบครึ่งของความกว้างรอบหนองตุง ผมก็ไปเจอคุณน้าคนหนึ่ง กำลังถ่อแพห่างจากฝั่งราว 30 เมตร ตัวแพทำจากไม้ไผ่ มีความความยาวประมาณ 5 เมตร นึกสงสัยอยู่ว่า ถ่อแพทำอะไรในหนองตุง จะเป็นแพนำเที่ยวก็ไม่น่าจะใช่ เพราะทั้งหนองตุงว่ามีแพอยู่ลำเดียว สักครู่หนึ่งน้าก็ก้มลงแล้วดึงข่ายขึ้นมาจากในน้ำ ก็เลยเข้าใจว่าน้าเขามาวางข่ายดักปลาในหนองตุงนี่เอง มองดูด้วยสายตาแล้ว ในหนองตุงน่าจะมีปลาชุกชุมพอสมควร จากนั้นไม่นาน น้าคนจับปลาก็เก็บตาข่าย แล้วถ่อแพเข้าริมตลิ่ง ผมรีบเดินไปจุดที่แพจอดริมตลิ่ง พร้อมกับพูดคุยกันด้วยคำเมือง (ภาษาเมืองล้านนาเชียงใหม่) พอจับใจความได้ว่า ตอนนี้ เหลือแค่คุณน้าคนเดียวที่ยังคงหาปลาอยู่ในหนองน้ำแห่งนี้ แต่ก็ไม่ได้มาหาปลาทุกวัน จะมาสัปดาห์ละ 3 ครั้งตามที่เจ้าหน้าที่อนุญาต แต่ละครั้งจะได้ปลาประมาณ 5-10 กิโลกรัม น้าบอกว่า แต่ก่อนได้มากกว่านี้ ขนาดของปลาก็ตัวเล็กลงและไม่ชุกชุมเหมือนแต่ก่อน น้ำก็เริ่มขุ่นมากขึ้นและบางครั้งก็มีกลิ่น โดยเฉพาะช่วงเย็นวันจันทร์ เพราะรอบหนองตุงในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์มีกิจกรรมมากมาย ทั้งร้านอาหาร ท่องเที่ยวและอื่น ๆ แต่อย่างไรก็ตาม น้าก็ต้องทำประมงหาปลาเลี้ยงชีพอย่างนี้ต่อไป เพราะทำมาตั้งแต่อายุ 12 ขวบร่วมกับพ่อ หากวันหนึ่ง รัฐห้ามไม่ให้หาปลาในหนองน้ำแห่งนี้แล้ว น้าบอกว่า ยังนึกไม่ออกว่าจะทำอาชีพอะไรเป็นอาชีพหลักต่อไป นอกจากรับจ้างผสมดินเหนียวทำเครื่องปั้นใกล้ ๆ วัดป่าแดง และตอนนี้ ก็หวั่นใจอยู่ว่าคงอีกไม่นานหนองตุงจะเป็นหนองปิดเพื่อการท่องเที่ยว เพราะเมืองเชียงตุงพัฒนาไปมาก มีนักท่องเที่ยวมากขึ้นทุกปี ต่อไปหนองตุงอาจมีไว้เพียงเพื่อเช็คอิน ถ่ายรูปและท่องเที่ยว มากกว่าจะเป็นหนองน้ำที่หล่อเลี้ยงชีวิตผู้คนที่อาศัยอยู่คู่กับหนองน้ำแห่งนี้มานับพันปีก็เป็นไปได้ น้าคนหาปลาบอกอีกว่า ในเมื่อไม่สามารถยับยั้งความเจริญที่เข้ามาอย่างรวดเร็วได้ สิ่งที่คนเชียงตุงอย่างน้าทำได้คือ ยอมรับ ปรับตัวและหาทางออกพร้อมทั้งโอกาสใหม่ ๆ เพื่อจะเลี้ยงชีวิตให้คงอยู่ต่อไป พร้อมกับบอกผมว่า มาเที่ยวให้สนุก คนที่นี่ยินดีต้องรับคนไทย บ้านเมืองเราอยู่เคียงกันมีวัฒนธรรมร่วมเดียวกัน สิ่งที่ดีงามของเชียงตุงก็ช่วยเผยแพร่ด้วย ส่วนอะไรที่ขัดเคืองใจก็ขอให้ถือว่าซะว่าที่นี่คือเชียงใหม่เมื่อ 50 ปีที่แล้วนะ ผมยกมือไหว้ขอบคุณและเดินห่างออกมาจากแพไม่ไกลนัก ยืนมองดูหนองตุงด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป ความคึกคะนองที่ตั้งใจมาเที่ยวแบบเมามันแบบหาของกิน เช็คอิน ถ่ายรูปอวด หายไปหมดสิ้น กลับกลายเป็นความสำรวม สงบนิ่งแทน อารมณ์แรกเริ่มตอนเห็นหนองตุงและฉากหมู่บ้าน วัด ทิวเขาที่แสนสวยงามริมหนองน้ำนั้นได้หายไปจากความคิดผม สิ่งที่ปรากฏชัดอยู่ตอนนี้ ก็คือภาวะอนิจจังของชุมชนและวิถีชีวิตที่อยู่คู่กับหนองตุงมานับพันปีกำลังจะเปลี่ยนแปลงไปเหมือนเชียงใหม่เมื่อ 50 ปีที่แล้ว จากนี้ไปเมืองเชียงตุงจะรุ่งเรืองหรือเป็นอย่างอื่น คนเชียงตุงเท่านั้นคือคำตอบ ภาพประกอบโดยผู้เขียน