คุณผู้อ่านคงเคยทราบกันดีอยู่แล้วใช่ไหมล่ะครับว่าการสร้างภาพยนตร์ขึ้นมานั้นมีกระบวนการหลัก ๆ อยู่ คือ Pre-Production, Production และ Post-Productionซึ่งบางคนอาจจะคิดว่าขั้นตอนการ Pre-Production นั้นง่าย อาจจะคิดว่าคงจะแค่กำหนดวันถ่ายและกำหนดงบมาก้อนหนึ่ง ไม่มีอะไรมาก ไม่ได้เป็นงานหนักอะไร...แต่หารู้ไม่ว่าจริง ๆ แล้วมันเป็นขั้นตอนที่หนักพอสมควรไม่แพ้ในขั้นตอนอื่น ๆ เลยล่ะครับ มันเป็นขั้นที่ต้องเตรียมการทุกสิ่งอย่างละเอียด หากพลาดอะไรในจุดนี้ไปมันจะส่งผลไปถึงในขั้นอื่น ๆ ด้วยภาพโดย David Sagerในบทความนี้ผมจึงอยากจะมาเจาะลึกลงไปในรายละเอียดของขั้นตอนการ Pre-Production ครับ ซึ่งต้องบอกก่อนนะครับว่าวิธีการของโปรดิวเซอร์แต่ละคนนั้นแตกต่างกัน แต่นี่เป็นหัวข้อหลัก ๆ ที่ต้องเตรียมการก่อนที่จะเริ่มเดินกล้อง1. ทำสคริปต์สำหรับการถ่ายทำคุณผู้อ่านจะสับสนว่า 'เอ้ะ...เราเขียนสคริปต์กันตั้งแต่ขั้นตอนการพัฒนาบทแล้วไม่ใช่หรอ ใช่ครับ...นั่นได้ออกมาเป็นบทภาพยนตร์แล้ว แต่อย่าลืมครับว่าคนเขียนบทไม่ใช่ line producers กับ production coordinators เราต้องแยกแยะระหว่าง บทภาพยนตร์ ที่มีให้นักแสดงอ่าน กับ สคริปต์ ที่เอาไว้ให้ทีมงานแต่ละฝ่ายดูครับโดยพื้นฐานแล้วคุณจะต้องเปลี่ยนคำต่าง ๆในบทให้เป็น อุปกรณ์ประกอบฉาก ฉาก เครื่องแต่งกายและสถานที่ ... บทภาพยนตร์ของคุณจะกลายเป็นรายการและรายงานต่าง ๆ ด้วยรายงานเหล่านี้คุณจะเห็นภาพชัดเจนมากขึ้นว่าคุณจะต้องใช้งบประมาณเท่าไหร่2. ทำงบประมาณลองจินตนาการว่าภาพยนตร์ของคุณเป็นอาหารและสคริปต์ของคุณเป็นสูตรอาหาร ตอนนี้ถึงเวลาสร้างรายการช้อปปิ้งแล้วก่อนที่จะตัดสินใจในเรื่องโปรดักชั่นการสร้าง จำเป็นต้องดูก่อนว่าจะใช้งบเท่าไหร่ในการสร้าง ซึ่งจะดูว่าใช้งบเท่าไหร่ก็ดูจากสคริปต์นั่นแหละ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่สคริปต์มาก่อนและงบประมาณมาทีหลัง (แต่ก็มีบางกรณีเหมือนกันทีสตูดิโออาจจะเชื่อมั่นในตัวของผู้กำกับมาก ๆ ๆ จึงให้งบประมาณไปสร้างเลย อยากทำหนังอะไรก็ทำ...)ค่าใช้จ่ายต่างๆคร่าวๆที่ต้องเตรียมไว้มีดังนี้ครับ ค่าเช่าสถานที่, ค่าตัวนักแสดง, ค่าตัวทีมงาน, ค่าอาหาร, ค่าเขียน shooting board, ค่าตกแต่งสถานที่, ค่าอุปกรณ์ประกอบฉาก, ค่าเสื้อผ้า, ค่าเช่าสตูดิโอ, ค่าออกแบบฉาก, ค่าเช่าอุปกรณ์กล้อง, อุปกรณ์ไฟ, อุปกรณ์อัดเสียง, ค่าประกันอุปกรณ์, ค่าตัวคนตัดต่อ, ค่าเช่าห้องตัดต่อ, ค่าทำ VFX, ค่าเช่าห้องบันทีกเสียงและมิกซ์เสียง, ค่าจ้างแต่งเพลง, ค่าตัวนักร้อง, ค่าลิขสิทธิ์...คร่าว ๆ ก็มีประมาณนี้นะครับ หากเป็นหนังอินดี้เล็กอาจจะไม่ได้เสียมากเท่านี้ แต่หากเป็นการสร้างภาพยนตร์ของสตูดิโอใหญ่ ๆ แน่นอนว่ายังมีค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ยิบย่อยอีกเยอะแน่นอนครับ...ภาพโดย Nik MacMillan3. หาหัวหน้าทีมในแผนกต่าง ๆถ้าคุณคือโปรดิวเซอร์คนนึงที่มีสคริปต์อยู่ในมือ ต่อจากนี้คุณจะไปต่อไม่ได้ละ หากขาดการทำงานร่วมกับตำแหน่งอื่น คุณจะต้องจ้างทีมงาน คนแรกๆที่คุณควรหามาก็คือ Line Producers หรือ Unit Production Manager (ผู้จัดการการสร้างดูแลเรื่องงบประมาณ และระยะเวลาในการดำเนินงานต่างๆ) และคุณอาจต้องการ 1st AD (Assistant Director:ผู้ช่วยผู้กำกับ) แต่ว่าจะหามาทีหลังก็ไม่เป็นไร หลังจากนั้นหากคุณได้ line producer มาแล้ว ถ้าคุณยังไม่มีผู้กำกับก็ควรจะรีบหามาซะ เพราะผู้กำกับจะเป็นคนช่วยหาช่างภาพ แล้วคุณก็ค่อย ๆ ได้ทีมงานในฝ่ายต่าง ๆ ตามมา ซึ่งตรงนี้ก็มักจะมีการใช้ทีมงานเก่าที่เคยร่วมงานด้วย การจดบันทึกรายชื่อทีมงานที่เคยร่วมงานด้วยจึงเป็นเรื่องที่ควรจะทำ เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่าใครคนไหนจะว่างบ้างภาพโดย Matt Popovich4. เปลี่ยนให้เป็นภาพ / สร้างสตอรี่บอร์ดตอนนี้ได้เวลาของการสร้างสรรค์เต็มรูปแบบ หลังจากคุณแบ่งสคริปต์ออกเป็นรายงาน คุณกำลังจะเปลี่ยนมันให้เป็นภาพ คุณทำให้ทีมงานเห็นภาพได้ชัดว่ากำลังทำงานในซีนแบบไหนอยู่ สตอรี่บอร์ดที่ดีจะช่วยให้ทีมกล้องทำงานได้ง่ายขึ้น5. หาสถานที่ต่างๆสำหรับการถ่ายทำก่อนที่จะไปสู่ขั้นตอนอื่นคุณต้องผ่านขั้นนี้ไปก่อน คุณจะต้องหาสถานที่ไปพร้อม ๆ กับการทำสตอรี่บอร์ด สิ่งต่าง ๆ ที่คุณเห็นในแต่ละสถานที่จะถูกเติมเข้าไปในบอร์ด คุณอาจจะจำเป็นต้องตัดสินเรื่องยุ่งยาก เช่น ผู้กำกับของคุณต้องการสถานที่นี้ แต่ค่าใช้จ่ายมันจะเกินงบที่จำกัดไว้ คุณก็ต้องคิดว่าจะเสียสละงบในส่วนอื่น ๆ มาทบตรงส่วนนี้ไหม หรือจะไม่เอาสถานที่นี้ ซึ่งคุณก็คงไม่อยากไปจำกัดจินตนาการด้านศิลป์ของผู้กำกับเขาด้วยปัญหาเรื่องเงิน แต่ขณะเดียวกันผู้กำกับก็จำเป็นต้องยอมรับในงบที่มีจำกัดและทำงานตามงบประมาณที่มีภาพโดย KAL VISUALS6. แคสติ้งนักแสดงบางทีคุณอาจมีการเลือกนักแสดงที่เหมาะสมเอาไว้แล้วในขั้นตอนการพัฒนาก่อนที่จะมา pre-production แต่ก็ยังจำเป็นต้องมีการแคสติ้งและคัดเลือกนักแสดงบางส่วนเพิ่มอยู่ดี หากคนที่คุณเลือกมามันไม่เหมาะสมกับบทบาทที่คุณต้องการ คุณก็ยังมีโอกาสในการค้นหานักแสดงใหม่ภาพโดย Sam McGhee7. ทำงานกับแผนกศิลป์ขั้นตอนอาจจะค่อนข้างง่ายถ้าหากเป็นการทำงานในโปรเจคภาพยนตร์สั้น แต่สำหรับโปรเจคภาพยนตร์ขนาดยาวมันเป็นงานที่ต้องประณีตและละเอียดมาก คุณต้องออกแบบพร็อบและชุดสำหรับนักแสดงที่มันดูเข้ากับหนังของคุณ หากหนังของคุณมีฉากที่ต้องสร้างขึ้นมาใหม่ เช่น ต้องสร้างกระท่อมกลางทะเลทราย แผนกศิลป์จำเป็นต้องใช้เวลาเตรียมการเป็นอย่างมาก8. จัดการเรื่องเอกสารคิดซะว่ากำลังสร้างบ้านก็ได้...ในตอนนี้คุณมีองค์ประกอบสำคัญต่าง ๆ สำหรับการถ่ายทำมากมาย ก่อนที่คุณจะไปไกลกว่านี้คุณต้องทำสิ่งต่าง ๆ ให้เรียบร้อย ขอใบอนุญาตสำหรับสถานที่ถ่ายทำให้เรียบร้อย ซื้อกรมธรรม์ประกันให้เรียบร้อย ปรึกษากับทนายเรื่องกฎหมายด้วยหากจำเป็น เช็คความเรียบร้อยของทุกอย่าง และควรขอใบอนุญาตสถานที่ถ่ายทำทุกครั้ง คนในพื้นทีอาจจะโวยวายได้ถ้าเราไม่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง เขาอาจแจ้งตำรวจและเราอาจจะต้องยุติการถ่ายทำ9. ทำตารางเวลาการถ่ายทำขั้นตอนนี้จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลยถ้าไม่คุณไม่ได้ทำทุกอย่างที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เพราะมันถูกสร้างขึ้นบนยอดของกันและกันเหมือนบ้าน จะดีมากหากคุณล็อคเวลาของสถานที่กับนักแสดงเอาไว้ก่อนที่จะมาสู่ขั้นตอนนี้ เพราะไทม์ไลน์การทำงานมันส่งผลกับตารางเวลานี้หมดเลย คุณต้องวางตารางการถ่ายให้ดีว่าวันไหนจะถ่ายซีนไหนบ้าง เพื่อจัดการเวลาในการถ่ายทำให้คุ้มค่าที่ดี เพราะหากยิ่งใช้เวลามากก็ยิ่งเสียเงินมากขึ้นนั่นเองภาพโดย Chris Murray10. หาลูกทีมในแผนกต่างๆก่อนหน้านี้คุณคงได้หัวหน้าทีมในแผนกต่าง ๆ แล้วล่ะ ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่จะหาลูกมือให้กับพวกเขา การถ่ายทำเริ่มใกล้เข้ามาแล้ว ฉะนั้นก็ได้เวลารวบรวมทีมงานแล้วล่ะ คุณอาจเริ่มด้วยการถามหัวหน้าทีมในแต่ละแผนกก็ได้ว่าอยากได้ใครมาอยู่ในทีม เพราะพวกเขาอาจมีคนที่พวกเขาเคยทำงานด้วยกันและรู้ใจกันเป็นอย่างดี และพวกเขาจะทำงานได้ง่ายขึ้นแน่นอน11. ประชุมการประชุมกับทุกฝ่าย จะมีประโยชน์กับทีมของคุณ ก่อนลงสนามรบจริง พลทหารจะต้องทราบก่อนว่าจะรบกันตรงไหน...ผมหมายถึง ทุกคนต้องทราบรายละเอียดแทบจะทั้งหมดก่อนจะเริ่มถ่าย มันอาจมีเรื่องที่ทำให้ต้องมีการวางแผนและมีการเปลี่ยนแปลงในนาทีสุดท้ายภาพโดย Chris Murray12. เช่าอุปกรณ์ถ่ายทำหากไม่มีกล้อง ก็เริ่มถ่ายทำกันไม่ได้น่ะสิ คุณต้องมีอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้พร้อม เพื่อที่จะให้หนังออกมาอย่างสมบูรณ์ตามที่ต้องการ บางทีคุณอาจจะหาอุปกรณ์มาก่อนขั้นตอนอื่น ๆ ก็ได้ มันขึ้นอยู่กับการทำงานของคุณ แต่ว่าหัวหน้าทีมในแต่ละแผนกจำเป็นต้องรู้ก่อนว่าคุณจะถ่ายทำในฉากแบบไหนบ้าง พวกเขาจึงจะรู้ว่าควรใช้อุปกรณ์อะไร ฉะนั้นอุปกรณ์ที่ต้องใช้มันก็ขึ้นอยู่กับสถานที่และความต้องการของทีมงานนั่นล่ะคำแนะนำ: "เตรียมความพร้อมให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้"ภาพจาก unsplash