📖 ชื่อหนังสือ: มากกว่าชา✍🏻 ผู้แต่ง : ภูพิงค์ มะโน💰 ราคา :185 บาท🖨 สำนักพิมพ์ : นานมีบุ๊คส์🔖 : ในตอนแรกที่เห็นชื่อหนังสือ เราคิดเองว่าหนังสือเล่มนี้น่าจะถ่ายทอดความรู้ของชาญี่ปุ่นแบบทั่ว ๆ ไป แต่พอได้หยิบจับขึ้นมาอ่านกลับพบวิถีชีวิตของชาวญี่ปุ่น วัฒนาธรรมผ่านการชงชา นอกจากพิธีกรรมที่สืบทอดกันมา ในแต่ละขั้นตอนยังแฝงไปด้วยปรัชญาที่ลึกซึ้งอีกมากมาย ขอเชิญทุกคนเข้าไปเรียนรู้วัฒนธรรมญี่ปุ่นผ่านหนังสือเล่มนี้กันเลยค่ะบทที่ 1 ฤดูใบไม้ผลิ การเรียนชงชาญี่ปุ่นนั้น บทเรียนแรกที่ต้องเรียนคือ มารยาทญี่ปุ่น มารยาทที่ว่านั้นคือโอะจิงิ และ การเปิดฟุสุมะเหตุที่ต้องเรียนเรื่องราวเหล่านี้เนื่องจากเป็นการสะท้อนวัฒนธรรมของญี่ปุ่น ความสัมพันธ์ระหว่างแขกและเจ้าของบ้าน โดยการเลี้ยงน้ำชาแก่แขกนั้นเจ้าบ้านต้องเตรียมอุปกรณ์ต่าง ๆ มากมาย ดังนั้นเมื่อแขกมาเยือนเจ้าบ้านจะคำนับเพื่อให้เกียรติ ฝ่ายแขกก็ต้องคำนับเพื่อแสดงความขอบคุณ นอกจากนี้ในห้องชงชาจะมีป้ายคติพจน์ เพื่อสะท้อนให้แขกและเจ้าบ้านเปิดใจให้กัน และเคารพซึ่งกันและกัน นี้เป็นเกล็ดเล็กๆในหนังสือเล่มนี้ ที่นอกจากสอนขั้นตอนการชงชาเขียวญี่ปุ่นที่เราพบเจอจากการอ่านมังงะ หรือซีรีย์ญี่ปุ่น ขั้นตอนเล็กๆน้อย ๆ อุปกรณ์ต่างๆ เช่น ถ้วยชา วิธีการชงชา นั้นสะท้อนวัฒนธรรม ลักษณะนิสัยของชาวญี่ปุ่นที่ยืดถือวิถีแห่งเซน และประวัติศาสตร์เบื้องหลังการชงชาของญี่ปุ่นที่มีเสน่ห์ที่น่าเรีนรู้และน่าค้นหา ความนุ่มลึกของการชงชานั้นมีความหมายเกินที่เราจะเรียนรู้ผ่านแค่ตาเห็นบทที่ 2 ฤดูร้อน เป็นบทที่เล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ของสำนักชงชา ประวัติศาสตร์ของชาญี่ปุ่นโดยเริ่มจากพระญี่ปุ่นผู้เดินทางไปร่ำเรียนพระพุทธศาสนาที่ประเทศจีน จากนั้นมีการแลกเปลี่ยนค้าขายกับประเทษจีน แล้วจึงได้มีการนำพันธุ์ชาจากประเทษจีนมาปลูกที่ประเทศญี่ปุ่น ชาญี่ปุ่นนั้นจะผูกพันอยู่กับศาสนาพุทธนิกายเซน โดยนำหลักการและปรัชญาต่างๆในศาสนามาสอดแทรกกับขั้นตอนการชงชาเกิดเป็นมารยาทและข้อปฎิบัติต่าง ๆ ระหว่างพิธีกรรมชงชาและการดื่มชา รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ในพิธีชงชาแต่ละสำนัก หรือแต่ละตระกูลจะมีข้อปฎิบัติแตกต่างกันไป ซึ่งหาอ่านรายละเอียดที่น่าสนใจนี้ได้ผ่านทางหนังสือเล่มนี้ ฉะเซ็น คือ แปรงที่ทำจากไม้ไผ่ ใช้สำหรับตีผงชามัทฉะกับน้ำร้อน โดยฉะเช็นของญี่ปุ่นนั้นทำจากต้นไผ่ที่มีความพิเศษ คือเป็นไม้เนื้ออ่อน และไม่มีเสี้ยนทำให้ช่างฝีมือทำงานได้สะดวก ขั้นตอนการผลิดนั้นเมื่อตัดไม้ไผ่แล้วต้องผ่านกรรมวิธีต่าง ๆ เพื่อขจัดน้ำมันและความชื้นจากเนื้อไม้ และกว่าจะนำไม้ไผ่ไปใช้ได้ต้องรอให้แห้งถึง 2 ปี เพื่อเพิ่มคุณสมบัติป้องกันแมลง นี้เป็นเกล็ดความรู้ของอุปกรณ์ชงชาญี่ปุ่นที่เราคิดไม่ถึงว่าจะมีความละเอียดและปราณีตขนาดนี้ ถูกถ่ายทอดมาในหนังสือเล่มนี้ค่ะ และไผ่ที่แตกต่างกันวิธีการเก็บรักษาฉะเช็นก็แตกต่างกันเช่นกัน นอกจากนี้หนังสือเล่มนี้ยังถ่ายทอดประวัติศาสตร์ของฉะเซ็นและฉะชะขุ (ช้อนไม้ไผ่) ได้เป็นอย่างดีมาก อยากให้ทุกคนลองหาอ่านกันนะคะบทที่ 3 ฤดูใบไม้ร่วง ในบทนี้เราจะไปเรียนรู้ประเภทของชาเขียวญี่ปุ่น และกรรมวิธีการผลิตชาญี่ปุ่น โดยสถานที่ปลูกชาที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นมี 3 แห่ง คือชาอุจิ จากเกียวโต ชาซะยะมะ จากไซตามะ และชาชิซึโอะกะ จากจังหวัดชิซึโอะกะ โดยชาเขียวส่วนใหญ่ของญี่ปุ่นจะเป็นชาที่ได้รับแสงแดดโดนตรง และกรรมวิธีที่ต่างกันก็จะได้ชาที่แตกต่างกัน ส่วนชามัทฉะนั้นจะเป็นชาจากต้นชาที่ถูกคลุมด้วยตาข่าย 30 วัน โดยใบชาที่ได้จะนำไปนวด นึ่ง อบแห้งจนได้ใบชที่เหมือนกระดาษสีเขียวแผ่นบาง เรียกว่าเทนฉะ และเทนฉะจะถูกไปบดด้วยโม่หินออกมาเป็นมัทฉะที่เรารู้จักนั้นเอง นี้เป็นเพียงเกล็ดความรู้เล็กๆน้อย ๆ ที่ได้อ่านจากหนังสือเล่มนี้ ในเล่มยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่น่าสนใจให้ทุกคนได้ลองหามาอ่านกัน รับรองว่าเล่มนี้อ่านเพลิน เข้าใจง่าย และมีภาพประกอบที่สวยงามน่าอ่าน อย่าลืมลองหามาอ่านกันนะคะขอบคุณภาพประกอบบทความจาก Pixabay : ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5