เพื่อนๆ ที่เป็นสายสตาร์ทอัพ หรือ คนที่อยากเป็นเจ้าของกิจการของตัวเอง ต้องไม่พลาดบทความนี้ แอดแจนมีโอกาสได้เข้าร่วมงาน START IT NOW งานทอล์กที่จะทำให้คุณ “เริ่มต้นเส้นทางชีวิตในแบบของตัวเอง” ที่จัดขึ้นโดยชมรม Chula Tech Startup มา ซึ่งงานนี้เขาเชิญ 5 นักพูดจากหลากหลายวงการ ชื่อดังของไทย ที่มีประสบการณ์ ‘เริ่มต้น’ ทำอะไรด้วยตัวเอง ทั้งล้มเหลว และสำเร็จ มาแชร์กันแบบเน้นๆ เริ่มกันที่ คุณมณีรัตน์ อนุรมสมบัติ (พี่นก) CEO of Sea Thailandกับหัวข้อ Start doing what you never done เริ่มลองทำ ในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อนเมื่อถึงจุดบางจุดในชีวิตที่อะไรต่างๆ ก็ไม่เป็นใจ หน้าที่ของเราคือยอมรับและค่อยๆ หาทางรับมือต้องเปิดใจรับกับการเปลี่ยนแปลง เพราะยังไงมันก็คือประสบการณ์ หลายๆครั้งที่พี่นกพบจุดเปลี่ยน ไม่ว่าจะเรื่องเปลี่ยนสายงาน หรืออื่นๆ อย่างไรก็ดี พี่นกเลือกที่จะค่อยๆปรับเปลี่ยนตัวเอง เรียนรู้ทั้งสิ่งที่ประสบความสำเร็จและล้มเหลวเพื่อทำความเข้าใจตนเองมากขึ้น และนำไปปรับใช้ได้ในอนาคตท่านที่ 2 กับพี่โจ้ CEO of QueQในหัวข้อ Start getting out of sofa zone เริ่มกล้าที่จะลุกออกจาก”โซฟาตัวโปรด” ในการจะเริ่มต้นในตลาด ต้องเริ่มจากการทำความเข้าใจลูกค้า เข้าใจปัญหา Main Point จริงๆของเขา เช่น อย่างของ QueQ ก็พบปัญหาหลักคือเรื่องการรอคิว ต่อจากนั้นเมื่อเราจะทำอะไรใหม่ๆ ออกสู่ตลาด ต้องมีการกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน แม้พี่โจ้จะเข้าใจปัญหา และคาดว่า แบรนด์ขนมหวานเจ้าดัง ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายจะมาใช้บริการแน่ แต่กลับถูกปฎิเสธ พี่โจ้บอกว่าการกล้าทดลองทำอะไรใหม่ๆและลุยจนกว่าจะประสบความสำเร็จ เป็นเรื่องสำคัญ ถ้าในตอนนั้นพี่โจ้ล้มเลิกไปเลย เพื่อนๆหลายคน ก็อาจจะไม่ได้ใช้บริการจองคิวที่สะดวกสบายอย่างทุกวันนี้ Build Measure Learnเป็นสิ่งสำคัญ เมื่อเราคิดไอเดียใหม่ๆ ให้ลงมือทำ นำและฟีดแบ็คที่ได้มาพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งตอนนี้ QueQ ก็สามารถสร้างธุรกิจและขยายไปหลายประเทศ นอกจากนี้ยังแตกสินค้าออกไปยังอุตสาหกรรมการรอคิวโรงพยาบาลอีกด้วยต่อมาที่คนที่ 3 พี่ท๊อฟฟี่ แบรดชอว์ - Columnist of The Standardกับหัวข้อ Start investing in your passion เริ่มลงทุนกับ passion ของตัวเองเวทีนี้พี่ท๊อฟฟี่เน้นที่การถอดบทเรียนจาก Failure จากประสบการณ์แบบเน้นๆเนื้อๆมาเล่าให้ฟัง พี่ท๊อฟฟี่เดิมชอบแต่งบทกลอนมากๆ แต่เมื่อมาถึงจุดหนึ่งของชีวิต กลับได้เรียนสายวิทย์ - คณิต ในช่วงเวลานั้นพี่ท๊อฟฟี่ไม่อยากตื่นไปเรียนเลย รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นปลาทอง ที่ถูกเอามาอยู่ที่พรมแห้งๆ และกำลังโดนสิ่งรอบข้างบอกว่า จงบินซะ! ปลาทองมันจะไปบินได้ยังไงล่ะ มันต้องว่ายน้ำ เหมือนเราที่ต้องเอาตัวเองไปอยู่ในสนามที่ถูกต้อง ดังนั้นคำถามสำคัญที่ต้องถามตัวเองบ่อยๆ คือเราได้เรียนรู้อะไรจากสิ่งที่เกิดขึ้นสิ่งที่พี่ท๊อฟฟี่ได้เรียนรู้คือ การเห็นคุณค่าในตัวเอง ว่าจริงๆ แล้วตัวเองชอบและถนัดอะไร ต้องไปอยู่ให้ถูกสนาม รวมถึงเข้าใจคนอื่น ในมุมมองที่เป็นเด็กหลังห้องมากขึ้นการจะเป็นนางแบบมืออาชีพ ไม่ใช่การฝึกว่าเดินท่าไหนแล้วสวยที่สุด แต่เป็นการฝึก ‘การลุก’ ให้รวดเร็วและสวยงาม เราไม่จำเป็นต้องเรียนรู้จาก Success เท่านั้นความ Failure ก็เป็นบทเรียนชั้นดีที่ช่วยให้เราได้พัฒนาปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้นในอนาคต การหมั่น Reflect ตัวเองบ่อยๆ จะช่วยให้เราเข้าใจตัวเองมากขึ้น ท่านที่ 4 พี่ยีราฟ Founder and CEO, Saturday Schoolในหัวข้อข้อ Start changing your perspective/attitudes เริ่มเปลี่ยนแนวคิด เปลี่ยนมุมมองพี่ยีราฟเป็นอีกคนที่เรียนในสถานที่ที่ดี มาโดยตลอด ต่อมาได้ทำงานอาสาในมหาลัยและเห็นว่ายังมีคนอีกหลายกลุ่มที่ขาดโอกาสด้านการศึกษา ตอนนั้นพี่ยีราฟเล่าว่า ตนยังไม่เข้าใจปัญหาการศึกษาที่มากพอ จึงไปสมัคร Teach for Thailand และทำงานเป็นครูอาสา เพื่อให้เข้าใจปัญหาที่แท้จริง“การเข้าใจปัญหาที่แท้จริง ทำให้สร้างการแก้ปัญหาที่ตรงจุด”ต่อมาเมื่อเข้าใจบริบทการศึกษา จึงก่อตั้ง Saturday School เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ในสิ่งที่ชอบ และเป็นพื้นที่ให้น้องๆ แสดงความสามารถ รวมถึงให้คนที่อยากเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนการศึกษามาเป็นทีมงานหลักในการขับเคลื่อนการประเทศไทยให้ดีขึ้น ซึ่งสิ่งนี้เป็นPassion beyond yourselfซึ่งนี่เป็น Passion ที่เกิดขึ้นเพื่อตอบสนองให้ผู้อื่นด้วย ไม่ใช่เพียงแค่ตัวเอง ถ้าเราลงมือทำสิ่งใด เพียงเพื่อตัวเอง ก็อาจจะมีบางวันที่เรารู้สึกหมดแรง ล้มเลิกไปง่ายๆ แต่ถ้าเรามี Passion ที่อยากทำเพื่อผู้อื่นด้วย ในวันที่เราหมดแรง ก็ยังมีแรงจากคนอื่นๆมาช่วยเติมเต็มให้เราลุยต่อไปได้ ท่านสุดท้าย พี่กระทิง ซึ่งเป็น Chairman at Kasikorn Business Technology Group รวมถึง Partner of 500 TukTuks กับหัวข้อ Start beginning your life journey เริ่มต้น กับเส้นทางชีวิตของคุณย้อนกลับไปในวัยเด็ก พี่กระทิง หรือ คุณเรืองโรจน์ พูนผล เป็นเด็กชายตัวเล็กๆ จากกำแพงเพชร ที่เป็นเหมือนเด็กน้อยธรรมดาทั่วไป ไปโรงเรียนก็มีพี่ตัวโตๆ มาแกล้ง จึงขาดความมั่นใจในตัวเอง จนกระทั่ง ป.3 พี่กระทิงได้มารู้จักอาจารย์ที่เปลี่ยนชีวิต อาจารย์มองเห็นจุดเด่นเล็กๆ ที่พี่กระทิงว่าสามารถออกเสียงควบกล้ำได้ชัดเจน จึงส่งไปประกวด และในเวทีนั้นพี่กระทิงก็ฝึกซ้อม จนสามารถคว้ารางวัลมาได้ พี่กระทิงให้เรามองหา “จุดเล็กๆ ที่รอวันจะสว่าง ในตัวเอง”ชีิวิตของพี่กระทิง ต้องผ่านหลายอุปสรรคกว่าจะมาเป็นวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นคำดูถูก สภาพแวดล้อม แต่พี่กระทิงก็ไม่สนใจ เมื่อพี่กระทิงตั้งเป้าหมายแล้ว ต้องหาทางทำมันให้สำเร็จ หมั่นฝึกฝนพัฒนาตัวเอง จนประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็น การสอบโอลิมปิค ,การอัพสกิลอังกฤษจากศูนย์ จบสอบ GMAT และ Tofel ได้เกือบเต็มในเวลา 2 ปี“ช่าง แม่ง มัน”เป็น 3 คำสั้นๆ ที่พี่กระทิงพูดบ่อยๆ ไม่ว่าจะเจออุปสรรคใดๆ ละลุยแบบเต็มที่มากกว่าปกติถึง 40% เพื่อดึงศักยภาพสูงสุดออกมาReinvent on yourself everydayและการหมั่นพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ มีความพยายามทำสิ่งที่ตั้งใจให้สำเร็จ อ่านหนังสือ พยายามเอาตัวเองไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี ก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้พี่กระทิงประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้ ไม่ว่าความฝันของเพื่อนๆคืออะไรจะเล็กสำหรับคนทั่วไป หรือ ยิ่งใหญ่สำหรับเราสักแค่ไหนเพียงแค่ " กล้า " ที่จะ " เริ่มต้น "ทุกความฝันของคุณก็ เป็น จริง ได้ เรียกได้ว่าวันนี้ได้รับแรงบันดาลใจที่ดีมากๆ เหมือนได้ชาร์ตพลังจากคนเก่งๆ เพื่อไปเริ่มต้นสิ่งที่เป็น Passion ของเราจริงๆ ใครที่พลาดกิจกรรมนี้ไป ทาง Chula Tech Startup ก็มีกิจกรรมดีๆออกมาเรื่อยๆ ฝากติดตามน้องๆ กดไลค์ กดแชร์ เพิ่มกำลังใจให้น้องๆ ทำสิ่งดีๆ แบบนี้มาเรื่อยๆ ค่า