📖 ชื่อหนังสือ: #อย่าเลี้ยงลูกตามคนอื่น✍🏻 ผู้แต่ง : Makiko Nakamuro📝 ผู้แปล : วิลาศิณี คู่ปัถพี🎨 ภาพประกอบ : -💰 ราคา :165 บาท🖨 สำนักพิมพ์ : อินสปายร์🔖 : ปกติแล้วหนังสือด้านการเลี้ยงดูเด็กส่วนใหญ่ที่ออกมาในยุคนี้จะเป็นหนังสือที่เขียนโดยนักจิตวิทยา แพทย์ หรือคุณแม่ที่เรียกว่าเป็นคุณแม่มืออาชีพ แต่สำหรับหนังสือเล่มนี้น่าสนใจตรงที่ผู้แต่งเป็นนักเศรษศาสตร์ ที่ทุกคำแนะนำในหนังสือเล่มนี้มากจากผลงานวิจัยของนักเศรษฐศาสตร์ทั่วโลก เพื่อเป็นแนวทางในการเลี้ยงดูลูก และที่ท้าทายกว่านั้นคือ ผู้แต่งหนังสือเล่มนี้ยังไม่มีลูก แต่เป็นนักเศรษศาสตร์การศึกษา ซึ่งเป็นการศึกษาเศรษศาสตร์ประยุกต์แขนงหนึ่ง มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์การศึกษาโดยใช้เทคนิคและทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์ โดยเน้น ความแม่นยำของข้อมูล เรียกได้ว่าความน่าเชื่อถือได้ 100 เปอร์เซ็นต์ หนังสือเล่มนี้จึงถูกเขียนขึ้นเพื่อให้ผู้อ่านได้ รู้ ในสิ่งที่ควรรู้โดยใช้หลักเศรษฐศาสตร์มาอธิบายค่ะบทที่ 1 วิถีแห่ง “ความสำเร็จ”ของคนอื่น ใช้ได้กับลูกเราได้จริงหรือ <ข้อมูลสำคัญกว่าประสบการณ์ส่วนตัว> ในบทนี้นักเศรษศาสตร์ของเราได้ทำการหาความสัมพันธ์ระหว่างเหตุกับผลเพื่อตอบคำถามที่ว่า การศึกษาแบบใดสร้างเด็กให้ประสบความสำเร็จ โดยดูความสัมพันธ์ระหว่างเหตุกับผล โดยได้ทำการตัดความสัมพันธ์หลอกไป เช่นในหนังสือยกตัวอย่างของเด็กที่มีทักษะการเรียนรู้สูง ชอบอ่านหนังสือ กล่าวคือ เด็กที่มีทักษะการเรียนรู้สูงชอบอ่านหนังสือ แต่เด็กที่ชอบอ่านหนังสืออาจเรียนไม่เก่งก็ได้ ดังนั้นการอ่านหนังสือเป็นสาเหตุของทักษะการเรียนรู้สูงขึ้นก็ยังไม่มีข้อพิสูจน์ที่แน่ชัด ดังนั้นการที่พ่อแม่ซื้อหนังสือให้ลูกอ่านหรืออ่านหนังสือให้ลูกฟังอาจเป็นการเสียเงินและเวลาโดยเปล่าประโยชน์ก็ได้บทที่ 2 ห้ามใช้ “รางวัล” จูงใจเด็กจริงหรอ <การเลี้ยงลูกตามหลักฐานเชิงประจักษ์> ถ้ามีรางวัลจูงใจที่ให้ได้ทันที จะยิ่งกระตุ้นให้เด็กตื่นตัว พวกเขาจะเริ่มคำนึงถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากการตั้งใจเรียนตั้งแต่ตอนนี้เลย พฤติกรรมแบบนี้สอดคล้องกับหลักการคิดลดแบบไฮเปอร์บอลิก แล้วระหว่าง “ถ้าสอบได้คะแนนดีจะได้รางวัล” กับ “ถ้าขยันอ่านหนังสือจะได้รางวัล” แบบไหนกันนะที่จะทำให้เด็กเรียนเก่งขึ้น หรือการดูโทรทัศน์กับการเล่นเกมส์ส่งผลเสียต่อเด็กจริงหรือ ในหนังสือเล่มนี้มีคำตอบค่ะบทที่ 3 การศึกษาสำคัญจริงหรือ <ทักษะพฤติกรรม กุญแจสำคัญของความสำเร็จ> ในบทนี้จะเน้นไปที่ทักษะพฤติกรรม จะเน้นในเรื่องความอดทน การปรับตัวเข้ากับสังคม และความกระตือรือร้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะบ่งบอกมารยาท และอุปนิสัยของแต่ละบุคคลที่เรียกว่า การเสริมสร้างพลังอำนาจ ทักษะทางพฤติกรรมส่งผลต่ออนาคตของเด็กมาก ทั้งเรื่องรายได้ต่อปีการจบการศึกษาหรือหน้าที่การงาน ดังนั้นทักษะพฤติกรรมสำคัญมากต่อความสำเร็จในชีวิต ดังนั้นโรงเรียนจึงไม่ใช่สถานที่ให้ความรู้เพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นสถานที่ส่งเสริมให้มีทักษะทางพฤติกรรมเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัวบทที่ 4 ชั้นเรียนที่มีจำนวนนักเรียนน้อย ให้ผลดีกว่าจริงหรือ <การจัดระบบการศึกษาด้วยผลงานวิจัย> ในบทนี้ผู้แต่งจะเน้นงานวิจัยของปริมาณเด็กนักเรียน ส่งผลต่อรายได้ทั้งชีวิตของเด็กอย่างไร ความสัมพันธ์ของผลสอบกับการจัดอันดับ และควรมีการจัดอันดับโรงเรียนที่ดีที่สุดหรือไม่ ในบทนี้เราชอบการสรุปของรองศาสตรจารย์โฮโจที่กล่าวว่า “ 50 % ของปัจจัยที่มีผลต่อการเรียนของเด็กมาจากครอบครัวและตัวเด็กเอง” บทนี้ผู้เขียนเน้นย้ำว่านักเรียนจะมีคะแนนสอบหรือผลการเรียนสูงได้ ต้องมีต้นทุนจากครอบครัวซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญมาก ผนวกกับต้นทุนที่ได้รับจากโรงเรียนอย่างเพียงพอจึงประสบผลสำเร็จบทที่ 5 ครูที่ดีลักษณะแบบใด <การพัฒนา ศักยภาพครู เพื่อเพิ่มผลการเรียนของเด็ก> ครูที่มีศักยภาพย่อมผลักดันให้เด็กแสดงศักยภาพของตนออกมาได้ ครูที่มีศักยภาพนั้นนอกจากทำให้ผลการเรียนของนักเรียนดีขึ้นยังส่งเสริมให้นักเรียนมีคุณภาพมากขึ้น เช่นป้องกันการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร เป็นต้น ดังนั้นการพัฒนาศักยภาพครูจึงเป็นสิ่งสำคัญ หลังจากอ่านหนังสือทั้ง 5 บทจบแล้ว เราคิดว่าหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่เผยแพร่งานวิจัยเกี่ยวกับการเลี้ยงเด็กได้ดีมาก ๆ ทำให้ฉุกคิดได้เลยว่า สถาบันครอบครัวและการดูแลเอาใจใส่ของพ่อแม่นั้นมีผลต่อลูกในอนาคตอย่างจริงจัง แนะนำหนังสือเล่มนี้สำหรับคุณพ่อ คุณแม่มือใหม่ และผู้ที่เตรียมตัวเป็นคุณพ่อหรือคุณแม่ได้เลยค่ะขอขอบคุณภาพประกอบบทความจาก Pixabay : ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 /ภาพที่ 5 / ภาพที่ 6 / ภาพที่ 7