บทความนี้เขียนจากเรื่องจริงจากตัวผู้เขียนเอง ผมเป็นพ่อแม่มือใหม่ ที่ดูแลลูกแบบเต็มเวลา คือผมลาออกจากงานมา เพื่อเลี้ยงลูกแทนแม่ที่ทำหน้าที่ขายของในร้านกาแฟซึ่งผมไปทำแทนไม่ได้ เราเลี้ยงแบบเต็มกำลังและเอาใจใส่มาโดยตลอด ลูกสาวผมชื่อ น้องทับทิม เธอดูแข็งแรงเป็นปกติดีทุกอย่าง ก่อนออกจากโรงพยาบาลมา คุณหมอก็ได้ทำการตรวจการได้ยินให้เด็กแรกเกิดเป็นที่เรียบร้อย และไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ น้องทับทิมอายุ 1 ขวบ โตตามวัยและเธอเริ่มหัดเดิน ผมได้ตามพัฒนาการของลูกมาโดยตลอด พาไปฉีดวัคซีนอย่างต่อเนื่อง พบคุณหมออย่างต่อเนื่อง ก็ปกติทุกอย่าง ยกเว้น การพูดออกเสียง ยังไม่ชัดเจนนัก หลายต่อหลายคนบอกว่า แค่เด็กพูดช้าเอง ให้เราลองหากบเขียดมาตบปากเด็กดู อาจจะพูดเร็วขึ้น ผมเชื่อนะ และผมก็ไปหาเขียดนา มาลองทำตาม แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เวลาก็ล่วงเลยไปเรื่อยๆ จนน้องทับทิมเริ่มเดินได้ ตอนประมาณขวบสี่เดือน และเริ่มหัดพูดตามได้ คำสองคำ คือคำว่า จ้า และพูดว่า ปะป๋า ได้ เราได้ยินก็เริ่มอุ่นใจว่า ลูกเราพูดได้แล้ว จากนั้นมา ผมก็พยายามสอนลูกออกเสียงต่างๆ ตามสระ อา อู อี เอา ไอ แต่ก็ไม่ได้ผล ไม่ตอบสนองเท่าที่ควร ไปหาหมอทุกครั้ง หมอก็บอกว่า ลูกผมแค่พูดช้าเท่านั้น ผมก็ยังทำแบบเดิมไปเรื่อยๆ ไม่ยอมแพ้ จนน้องทับทิมมีอายุได้ สองขวบ มาช่วงสองขวบนี่แหละครับ ที่ผมเริ่มสังเกตุเห็นอะไรบางอย่าง น้องทับทิม ไม่หันตามเสียงเรียกชื่อ หันบ้างเป็นบางครั้ง ทำให้เราคิดว่า แค่ไม่สนใจเสียงเรียกเท่านั้นแหละมั้ง? และอีกอย่างนึงที่สังเกตุได้ก็คือ น้องทับทิมนอนหลับลึกมากๆ โดยที่ไม่ว่าจะเป็นเสียงดังแค่ไหนก็ตาม เธอจะไม่สะดุ้งเลย ตอนนั้นผมกับคิดไปเองว่า น้องทับทิมไม่กลัวเสียงฟ้าผ่า ดีจังเลย เก่งมากลูก แต่ดันลืมคิดไปว่า มันต้องไม่ใช่สิ เด็กๆควรจะสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงที่ดังมากๆใกล้ๆตัว และสุดท้าย ตอนเกือบสามขวบแล้ว น้องทับทิม ไม่พูดสิ่งที่เคยพูด มันลดหายไปทีละน้อย ไม่ฟังที่เราบอก ไม่ตอบสนองต่อเสียงเรียก ได้ยินเฉพาะ เสียงปรบมือ เสียง จุ๊ๆ จากปาก เสียงเคาะต่างๆ เสียงที่เป็นความถี่ปกติจะไม่ได้ยิน จนนิ่งนอนใจไม่ได้ ก็เอาไปให้หมอช่วยตรวจการได้ยินใหม่อีกครั้ง ไปตรวจการได้ยิน ที่โรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า ผลออกมาไม่ดีนัก คุณหมอท่านบอกว่า มันผิดปกติ เหมือนเครื่องติดๆดับๆ ประมาณนั้น ท่านหมายถึงการได้ยินของลูกเราว่า ได้ยินบ้าง ไม่ได้ยินบ้าง บางครั้งก็หายไปเลยดื้อๆ พอผมได้ยินแบบนั้นแล้วก็น้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัวเลยครับ ทำไมเรื่องแบบนี้มันต้องมาเกิดกับลูกของผมด้วย แต่เราคงทำอะไรไม่ได้แล้ว คงต้องทำตามหมอสั่งเท่านั้น บทความนี้อาจจะเป็นอุทาหรณ์ ให้กับพ่อแม่หลายๆคน ว่าอย่านิ่งนอนใจกับอะไรเล็กๆน้อยๆ บางทีการเป็นกระต่ายตื่นตูมบ้างก็ดี การรักษาอาจจะไวขึ้นและรักษาได้ดีกว่าปล่อยไว้นานๆ ผมก็ขอจบบทความนี้ไว้เพียงเท่านี้ บทความต่อไปจะเล่าถึงวิธีการไปทำบัตรผู้พิการ และการไปรับเครื่องช่วยฟังจากทางภาครัฐ คอยติดตามอ่านกันนะครับ เรื่องและภาพ : โดยผู้เขียน