ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษน่ารู้ที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน "past tense" มีหลายกลุ่มโดยแบ่งออกเป็น รูปปกติหรือ รูป "simple" ที่ใช้รูปกริยาช่องที่ 2, รูป "perfect" คือ had + กริยาช่องที่ 2, รูป continuous คือ "was/were + กริยาเติม ing" ทั้ง 3 รูปให้ความหมายเดียวกันว่าเป็นเหตุการณ์ที่จบไปแล้วในอดีตแต่ถูกนำมาใช้ร่วมกันเพื่อสื่อสารลำดับเพื่อให้เกิดมิติของเวลามากขึ้น Past Simple"past simple" ใช้กริยาช่องที่ 2 ที่ผันจากกริยารูปปกติเพื่อบอกว่าการกระทำนั้นได้จบลงไปแล้ว การเปลี่ยนรูปกริยาช่องที่ 2 แบ่งเป็น 2 วิธี 1) แบบธรรมดา คือ เติม 'ed' ยกตัวอย่างเช่น walked, worked, talked, smiled, listened เป็นต้นในบางกรณีต้องเพิ่มตัวอักษรสุดท้ายอีกหนึ่งตัวกับคำกริยาที่เป็นหนึ่งพยางค์และหน้าตัวอักษรสุดท้ายเป็นสระตัวเดียวยกตัวอย่างเช่น stopped, jammed เป็นต้นในบางกรณีที่ลงท้ายด้วย 'y' และหน้า 'y' เป็นพยัญชนะต้องเปลี่ยน 'y' เป็น 'ied' ยกตัวอย่างเช่น studied, carried เป็นต้น2) แบบพิเศษ คือ เปลี่ยนตัวสะกด ยกตัวอย่างเช่น swim-swam, eat-ate, speak-spoke เป็นต้น หรือไม่เปลี่ยนตัวสะกดเลย ยกตัวอย่างเช่น cost, cut, hit, hurt เป็นต้น หากจะใช้ "past perfect" หรือ "past continuous" คู่กันกับ "past simple" ต้องเข้าใจเป็นพื้นฐานก็ว่าเป็นการสื่อสารเวลาที่เกิดขึ้นแบ่งเป็นสองแบบใหญ่ๆคือ "เกิดขึ้นพร้อมกัน" หรือ "เกิดก่อนและหลัง" โดยวิธีที่ง่ายที่สุดคือการใช้คำเชื่อมที่สื่อสารเวลาทั้งสองแบบPast Continuous"เกิดขึ้นพร้อมกัน" ใช้รูป "continuous" หรือ "was/were + กริยาเติม ing" กับคำเชื่อมประโยคที่นิยมใช้คือ "While" หรือ "When" หลักการใช้รูปกริยาเพื่อเชื่อมกันสองประโยคด้วยคำเชื่อม "While" หรือ "When" คือ ใช้ "continuous" หรือ "was/were + กริยาเติม ing" ได้ฝั่งเดียว โดยอีกประโยคเป็น "past simple" ที่ใช้รูปกริยาช่องที่ 2 ยกตัวอย่างเช่น"When I was sleeping, he called." แปลว่า "ตอนผมหลับเขาโทรมา""I was working while he was asleep" แปลว่า "ตอนผมทำงานอยู่เขาหลับ""When he left, I was taking a bath." แปลว่า "ตอนเขาออกไปฉันอาบน้ำอยู่"การเลือกประโยคที่ใช้ "continuous" หรือ "was/were + กริยาเติม ing" ต้องดูว่ากริยาสามารถทำได้อย่างต่อเนื่องหรือไม่หากไม่สามารถทำได้อย่างต่อเนื่องต้องใช้เป็น "past simple" ที่ใช้รูปกริยาช่องที่ 2 เท่านั้นอย่างไรก็ตามหากจะใช้ past simple ก็สามารถใช้พร้อมกันได้ทั้งสองประโยค ยกตัวอย่างเช่น"I was ready when he woke up." แปลว่า "ฉันพร้อมแล้วตอนที่เขาตื่น""She was sad when he left ้her." แปลว่า เธอเศร้ามาเลยตอนที่เขาต้องทิ้งเธอไปPast Perfect"เกิดก่อนและหลัง" ใช้รูป "perfect" หรือ "had + กริยาช่องที่ 3" คำเชื่อมประโยคที่นิยมใช้คือ "ฺBefore" หรือ "After" การใช้สองประโยคด้วยคำเชื่อม "ฺBefore" หรือ "After" ใช้ "perfect" หรือ "had + กริยาช่องที่ 3" ได้ฝั่งเดียว โดยอีกประโยคต้องเป็น "past simple" ที่ใช้รูปกริยาช่องที่ 2 โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนต้องใช้เป็นรูป "perfect" หรือ "had + กริยาช่องที่ 3" และอีกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อมาใช้ "past simple" ที่ใช้รูปกริยาช่องที่ 2 ยกตัวอย่างเช่น "Before I cleaned my teeth, I had taken a bath." แปลว่า "ก่อนแปรงฟันฉันอาบน้ำ""After I had washed my hands, I had dinner." แปลว่า "หลังจากที่ล้างมือฉันกินข้าว""You had eaten a hamburger. Then, you ate another sandwich." แปลว่า "ก่อนหน้านี้คุณกินแฮมเบอร์เกอร์ไปแล้วเธอก็กินแซนด์วิชอีกอัน"รูปกริยาในภาษาอังกฤษที่จำเป็นคือรูปที่เป็น 'simple' แต่หากต้องการเล่าเรื่องให้มีสีสันหรือเน้นลำดับเวลาที่เกิดขึ้นให้ชัดเจน "continuous" กับ "perfect" จะเข้ามามีบทบาทในเนื้อหา โดยเฉพาะในการเล่าประสบการณ์ชีวิตหรือเขียนรายงานขั้นตอนการทำงานจำเป็นต้องมีรูปของกริยาเพิ่มขึ้นเพื่อความชัดเจนเพราะจุดประสงค์หลักของการใช้รูปกริยาคือเพื่อสื่อสารเกี่ยวกับเวลา ครูด้วงEnglish Forward Unlimitedภาพโดยผู้เขียนอัปเดตสาระภาษาอังกฤษดี ๆ มีประโยชน์แบบนี้อีกมากมาย โหลดเลยที่ App TrueID ฟรี !