แกรมม่าภาษาอังกฤษเกี่ยวกับใช้รูปกริยา หรือ 'tense' เพื่อสื่อสารความหมายที่ไม่เหมือนกัน นอกจากความหมายเรื่องเวลาแล้วยังสามารถให้ความหมายที่บอกความถี่หรือระยะเวลาในการเกิดขึ้นด้วย การใช้กริยาภาษาอังกฤษมีความสำคัญในการสื่อสารมากเพราะการเปลี่ยนรูปไปของกริยามีความหมายที่ซ่อนอยู่ นอกจากความหมายตรงๆ ที่ได้จากคำกริยาโดยตรง การแบ่งรูปของ 'tense' จะทำให้สื่อสารได้ละเอียดและตรงกับความหมายที่ต้องการมากขึ้น ในกรณีการแบ่งกลุ่มรูปกริยา หรือ 'tense' แบบง่ายๆ สามารถแบ่งเป็น 2 กลุ่มคือ แบบธรรมดากับพิเศษ แบบธรรมดาหรือที่รู้จักกันว่า 'simple' และแบบพิเศษที่เลือกใช้ตามจำเป็นไม่จำเป็นต้องใช้ตลอดเวลา ได้แก่ 'perfect', 'continuous', 'passive' ในบทความนี้จะแนะนำความแตกต่างระหว่าง 'simple' กับ 'continuous'หากสนใจเรื่อง perfect สามารถไปอ่านบทความตามลิงก์นี้ได้ https://intrend.trueid.net/post/224688 "Present Simple" การใช้รูปกริยาช่องที่ 1 หรือ "Present Form" โดยการใช้ "Present Simple" ต้องดูประธานเสมอเพื่อผันกริยาตามประธานเอกพจน์ (1) โดยถ้าประธานเอกพจน์ กริยาต้องเติม 's' หรือ 'es' เช่น "He goes.", "She comes.", "It walks." เป็นต้น หรือ ประธานพหูพจน์ (2+++) โดยใช้กริยารูปเดิมไม่ต้องเติม 's' หรือ 'es' เช่น "They go.", "People come.", "Dogs walk." เป็นต้น ข้อยกเว้นคือ "I" กับ "you" ถือเป็นพหูพจน์เสมอแม้จะหมายถึงคนเดียวมีกริยา 2 ตัวที่ไม่มีการเติม 's' หรือ 'es' แต่เปลี่ยนรูปเพื่อใช้กับประธานที่ต่างกัน ได้แก่ "be" ตามรายละเอียดดังนี้ ประธานเอกพจน์ (1) ใช้กับ "is", I ใช้กับ "am", ประธานพหูพจน์ (2+++)ใช้กับ "are" กับ "have" ตามรายละเอียดดังนี้ ประธานเอกพจน์ (1) + has, ประธานพหูพจน์ (2+++)ใช้กับ haveโดยใช้ในสถานการณ์ธรรมดาทั่วๆ ไป ต่อไปนี้1) เกิดขึ้นเป็นประจำ ได้แก่ นิสัย กิจวัตร ความชอบส่วนบุคคล ยกตัวอย่างเช่น"She is kind." แปลว่า "เขาใจดี" "I am kind." แปลว่า "ฉันใจดี" "They are kind." แปลว่า "พวกเขาใจดี""She has a car." แปลว่า "เขามีรถ" "I have a car." แปลว่า "ฉันมีรถ" "They have a car." แปลว่า "พวกเขามีรถ""I like dogs." แปลว่า "ฉันชอบหมา""Thai people eat rice every day." แปลว่า "คนไทยกินข้าวทุกวัน""Mike wakes up at 6 o'clock in the morning." แปลว่า "ไมค์ตื่นนอนตอนหกโมงเช้า"2) เรื่องทั่วๆ ไปที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ยกตัวอย่างเช่น"Children are in school." แปลว่า "เด็กไปโรงเรียน""Today is Wednesday." แปลว่า "วันนี้วันพุธ""Winter starts in December." แปลว่า "หน้าหนาวเริ่มเดือนธันวาคม"3) ความจริงที่เป็นสัจธรรมตลอดกาล ยกตัวอย่างเช่น"Thailand is in Asia" แปลว่า "ประเทศไทยอยู่ในทวีปเอเชีย""There are 24 hours a day" แปลว่า "1วันมี 24 ชั่วโมง""The sun rises in the east." แปลว่า "พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก" "Present Continuous" การใช้รูปกริยา "is,am,are" + "กริยาเติม ing" หรือ "Present Participle Form" โดยการใช้ "Present Continous" ต้องดูประธานเสมอเพื่อผันกริยา รูปกริยา "is,am,are" ตามประธาน โดยถ้าประธานเอกพจน์ (1) ใช้กับ "is", I ใช้กับ "am", ประธานพหูพจน์ (2+++)ใช้กับ "are" แล้วจึงตามด้วยกริยาที่เติม 'ing' โดยต้องนำรูปดั้งเดิมมาเติม 'ing' เช่น "He is going.", "They are coming.", "It is walking." เป็นต้นโดยต้องคำนึงถึงกฎการเติม 'ing' ดังนี้1) ลงท้ายด้วย 'e' ตัดทิ้งก่อน เช่น come--coming, have-- having, bite --biting เป็นต้น2) ซ้ำตัวอักษรท้ายถ้าสระตัวเดียวอยู่ติดกับอักษรสุดท้าย เช่น sit--sitting, run--running, swim--swimming เป็นต้น **ไม่ใช่ทุกคำ หากมีสองพยางค์ขึ้นไปเปลี่ยนไปตามการออกเสียง เช่น listen --listening (เน้นพยางค์แรก), refer-- referring (เน้นพยางค์สุดท้าย) เป็นต้น ***3) ลงท้ายด้วย 'ie' เปลี่ยนเป็น 'y' เช่น die--dying เป็นต้น 4) ลงท้ายด้วย 'ic' เปลี่ยนเป็น 'ick' เช่น picnic--picnicking เป็นต้น โดยใช้ในสถานการณ์ต่อไปนี้1) เจาะจงเป็นครั้งๆ ไป เช่น "I am eating." แปลว่า "กำลังกินข้าวอยู่" เป็นต้น 2) โอกาสพิเศษ เช่น "I am going to the party today." แปลว่า "วันนี้จะไปงานเลี้ยง" เป็นต้น Present Simple และ Present Continuous มีข้อจำกัดในการใช้กับกริยาบางตัว เนื่องจากมีกริยาบางตัวที่ทำๆหยุดๆไม่ได้ตามสภาพความเป็นจริงทำให้ใช้ได้แต่กับ Simple ได้แก่ live มีชีวิตอยู่, understand เข้าใจ, forget ลืม, remember จำได้ เป็นต้น ยกตัวอย่างเช่น"I live in Bangkok." แปลว่า "ฉันใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพ" "She understands me well." แปลว่า "เขาเข้าใจฉันดี" "They forget to turn off the light." แปลว่า "พวกเขาลืมปิดไฟ" "He remembers her." แปลว่า "เขาจำเธอได้" ในขณะเดียวกันกริยาบางตัวก็ไม่สามารถทำได้หรือเกิดขึ้นตลอดเวลา เพราะต้องเกิดเป็นช่วงเวลาเท่านั้น ได้แก่ kid ล้อเล่น, look for หา เป็นต้น ทำให้ไม่ค่อยหรือไม่เคยเห็นรูปอื่นเลยนอกจากรูป Continuous ยกตัวอย่างเช่น"Are you kidding?" แปลว่า "ล้อเล่นหรือเปล่า" "I am looking for a job." แปลว่า "ฉันหางานอยู่" การเลือกใช้ 'simple' กับ 'continuous' ทำให้เกิดความหมายที่ไม่เหมือนกันระหว่าง 2 ประโยคที่คุ้นเคยกันนี้"What do you do?" แปลว่า "ทำงานอะไร" เนื่องจาก 'simple' ให้ความหมายกิจวัตรหรือทุกวัน คำตอบ "อาชีพ""What are you doing?" แปลว่า "ทำอะไรอยู่" เนื่องจาก 'continuous' ให้ความหมายชั่วขณะเดียว คำตอบ "กิจกรรมที่ทำอยู่ในขณะนั้น"ครูด้วง English Forward Unlimitedภาพโดยผู้เขียนเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !