เมื่อคุณไม่รู้ด้วย I don't know... มันไม่จบแค่นั้นหากต้องการพูดประโยคนี้ให้เป็นทางการมากขึ้นควรเติมกรรมไปด้านหลัง เช่น I don't know that.that ให้ความหมายว่า "เรื่องนั้น" ซึ่งทำให้ประโยคสมบูรณ์มากขึ้น 1. know สามารถใช้คำอื่นๆแทนได้และให้ความหมายเดียวกัน ได้แก่ learn หรือ be aware ofเช่นI know that. (รู้)I don't know that. (ไม่รู้)I learn that. (รู้)I don't learn that. (ไม่รู้)I am aware of that. (รู้ )I am not aware of that. (ไม่รู้)ทั้งสามคำให้ความหมายเดียวกัน นอกจากนั้นการใช้ know สามารถต่อด้วยคำอื่นเพื่อสื่อสารการรับรู้ในระดับที่ไม่เท่ากัน 2. ประธาน + know + about +เรื่อง. แปลว่า"รู้เรื่องนั้น" (จากการฟังหรือการเรียน) คือมี "knowledge" (ความรู้หรือเรื่องที่รับรู้มา) โดยให้ความหมายว่าเราไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นเป็นการส่วนตัวหรือโดยตรง I don't know about the problem. ฉันไม่รู้ว่ามีปัญหา (ไม่มีใครบอกหรือไม่รับรู้ปัญหา) I know about the problem in marketing from my friend. ฉันรู้ปัญหาในแผนกการตลาดจากเพื่อน (มีคนมาบอก) I don't know about computers. ฉันไม่รู้เรื่องคอมพิวเตอร์ (ใช้ไม่เป็นหรือไม่ชำนาญ) I know about computers from school. ผมมีความรู้ด้านความคอมพิวเตอร์จากโรงเรียน (เรียนมาจากโรงเรียนซึ่งไม่ได้ให้ความหมายความชำนาญในการใช้ หากต้องการเน้นความชำนาญในเรื่องนั้นให้ใช้ know +คำนาม) 3. ประธาน + know + of +เรื่อง. แปลว่าเรื่องที่รู้ค่อนข้างผิวเผิน และสามารถใช้ให้ความหมายรู้จักดาราหรือผู้มีชื่อเสียงได้เนื่องจากเราไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวเช่นI know of Taylor Swift. ฉันรู้จักเทเลอร์สวิฟท์ (เพราะเป็นคนมีชื่อเสียงไม่ใช่รู้จักเป็นการส่วนตัว)I don't know of Taylor Swift. ฉันไม่รู้จักเทเลอร์สวิฟท์ (ไม่เคยได้ยินแม้แต่ชื่อ) หรือ I know of the problem. ฉันรู้ว่ามีปัญหา (พอได้รับรู้มาแต่ไม่รู้รายละเอียด)I don't know of any problem. ฉันไม่รู้เลยว่ามีปัญหา (ไม่เคยรู้เลยว่ามีปัญหา) หากเราใช้ know และตามด้วยคำนามจะให้ความหมายความเกี่ยวข้องเป็นการส่วนตัวและโดยตรงเช่น I know you. ฉันรู้จักคุณ (ดี)I know computers. ฉันรู้เรื่องคอมพิวเตอร์ (มีประสบการณ์ในการใช้และเข้าใจในรายละเอียด)ไม่ใช่เรื่องที่รู้มา Not to my knowledge "Knowledge" มาจากคำกริยาว่า "know"know คำกริยา แปลว่า รู้, รู้จัก, รู้เรื่องknowledge คำนาม แปลว่า ความรู้, เรื่องที่รู้ "Not to my knowledge" จึงให้ความหมาย "ไม่ใช่เรื่องที่รู้มา" มีคำอื่นๆมี่แทนคำว่า "knowledge" คือ "understanding" จึงจะเป็น"Not to my understanding" คำว่า my แสดงความเป็นเจ้าของ โดยสามารถเปลี่ยนเป็นคนอื่นได้ เช่น your, his, her, theirNot to your knowledge. คุณไม่รู้Not to his/her knowledge. เขาไม่รู้Not to their knowledge. พวกเขาไม่รู้หรือใช้ ชื่อคน's นำหน้า knowledgeNot to John's knowledge. จอห์นไม่รู้ เมื่อไม่แน่ใจคือไม่รู้ I am not sure. การตอบแบบนี้จะสุภาพกว่า I don't know เนื่องจากแสดงความเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวแต่ไม่แน่ใจในคำตอบ ถ้าจะสุภาพมากขึ้นควรตามด้วยประโยคแนะนำความช่วยเหลืออื่นๆ เช่น I am not sure, but you could ask John. ประโยค I am not sure. สามารถใช้เพื่อถามคำถามได้โดยใช้คำถามเชื่อมโดยไม่ต้องสร้างประโยคคำถามจริง เช่น Where are you? (คุณอยู่ไหน)I am not sure where you are. When will he arrive? (มาถึงเมื่อไร)I am not sure when he will arrive. How many days are they away?(กี่วันที่เขาไม่อยู่)I am not sure how many days they are away. ถ้าเป็นประโยคที่ถามว่าใช่หรือไม่ ใช้คำว่า " if" , "whether" เพื่อเชื่อมประโยคคำถาม เช่น I am not sure if he is coming.I am not sure whether he is coming.ไม่รู้ว่าเขากำลังมาหรือเปล่า I am not sure + ประโยคคำถาม.สามารถใช้ประโยคอื่นแทนได้ เช่นI am wondering + ประโยคคำถาม.May I ask + ประโยคคำถาม? ไม่รู้เพราะไม่มีคนบอก..พูดแบบนี้ I haven't been told. ประโยคนี้เป็นการใช้กริยา 3 รุ่นPresent Perfect PassivePresent กริยาช่องที่1Perfect have + verbช่อง3Passive be + กริยาช่องที่3= (v1 + have)+ (v3 +be) + v3= have/has +been +v3 ในความหมายของ Present Perfectคือ ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันในความหมายของ Passiveคือ ถูกกระทำรวมกันจึงให้ความหมายว่า "ยังไม่มีใครบอก" หากจะใช้คำที่แทน "told" เพื่อความเป็นทางการมากขึ้นสามารถใช้ "informed" แทนได้ เป็น"I haven't been informed." ให้ความหมายเดียวกัน หากต้องการเพิ่มข้อความที่บอกไปใช้ that เชื่อมกับประโยคข้อความได้ (that สามารถละได้) เช่น I haven't been informed that you are not attending the meeting.ผมไม่ได้รับการแจ้งว่าคุณจะไม่มาเข้าร่วมประชุมครั้งนี้ I haven't been told that the class is cancelled today. ไม่มีคนบอกว่าไม่มีเรียนวันนี้ เมื่อไม่รู้เรื่องเลย ก็เลยไม่มีไอเดียI have no idea. แปลว่าไม่รู้เรื่องนั้นๆเลยหรือไม่ได้นึกถึงมันมาก่อนเลย การพูดประโยคนี้เพื่อปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับเรื่องนั้น สามารถเชื่อมต่อประโยคต่อไปได้ด้วย that (that สามารถละได้) หรือ คำถามต่างๆ โดยไม่ต้องเปลี่ยนรูปแบบประโยคเป็นคำถาม I have no idea that you are in town.ไม่คิดว่าคุณจะมาแถวนี้ (ไม่รู้เลย) I have no idea how to solve the problem.ไม่รู้เลยว่าจะแก้ปัญหายังไง I have no idea where I should start.ไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไง "no" และ "not" ใช้ขยายคำไหนได้บ้าง no เป็น adjective บอกจำนวนใช้วางหน้าคำนามเช่นno time ไม่มีเวลาno way ไม่มีทางเป็นไปได้no point ไม่มีสาระสำคัญno traffic รถไม่ติด **ไม่รวมคำว่า Yes หรือ No ที่ใช้ในบทสนทนาเพื่อตอบรับหรือปฎิเสธ คำในภาษาอังกฤษมักมีหลายหน้าที่** not เป็น adverb ใช้ขยายคำกริยา, adjective, adverb โดยส่วนใหญ่วางไว้ด้านหน้าคำนั้นได้เลย เช่นnot go ไม่ไปnot fine ไม่ดีnot happy ไม่มีความสุขnot big ไม่ใหญ่not fast ไม่เร็ว ครูด้วงEnglish Forward Unlimitedเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !