หากท่านใดกำลังจะเดินทางไปที่ไกล ๆ ด้วยรถไฟหละก็อย่าพลาดที่จะอ่านบทความนี้เชียวหละ เพราะผู้เขียนได้นำประสบการณ์ที่ได้เจอตอนนั่งรถไฟอันยาวน๊านนนยาวนานนน (รถไฟเลทมาก) มาแชร์ให้ฟังกัน 1 ตั๋วเดินทาง อย่าลืมตั๋วรถไฟเชียวนะ เพราะอาจเป็นที่ลำบากของท่าน ได้ตั๋วมาก็ให้ถ่ายรูปเก็บเอาไว้หากหายอาจจะต้องใช้เวลาในการทำตั๋วใหม่นานเลยแหละ สามารถจองตั๋วรถได้ที่สถานีต่าง ๆทุ กสถานี (ซื้อแล้วตรวจสอบความถูกต้องของตั๋วด้วยนะ) เฉพาะสถานี วงเวียนใหญ่ และตลาดพลู (สถานีสายมหาชัย-วงเวียนใหญ่) ไม่สามารถจ่ายผ่านบัตรเครดิตได้ เว็ปไซต์จองตั๋ว : https://www.thairailwayticket.com/eTSRT/ (มีค่าบริการ 30 บาทนะ) 2 เงินสด (ย่อยื๊อ) ที่มา : pixabay พกเงินสดไปด้วยนะ (**แนะนำเป็นแบงค์ย่อย เพราะอาจจะมีพ่อค้า แม่ค้าที่หัวหมอ รับแบงค์เราแล้วทำทีเอาเงินทอนช้า ๆ เพื่อให้รถไฟออกจากสถานีจนเราไม่ได้รับเงินทอน) ระหว่างทางจะมีของขึ้นมาขาย ทั้งอาหาร เครื่องดื่ม ของฝาก ฯลฯ ราคาของแม่ค้า พ่อค้าที่ขึ้นมาขายบนขบวนราคาจะไม่แพงมาก แต่ถ้าจากตู้เสบียงบนรถไฟหละก็เอาเรื่องเลยแหละ หึหึ (เป็นไปได้ตุนไว้ก่อน 22.00 น. นะ เพราะตู้เสบียงบนรถไฟจะปิดเวลานั้น ผู้เขียนเดินไปเปิดประตูตู้เสบียงตอน 22.00 น. พร้อมความหิวโหย ประตูดันล็อกเจอกับตัวเลยเอามาแบ่งปันกัน ต้องทนอีกนานเลยแหละกว่าจะถึงสถานีใหญ่) ราคาที่พ่อค้าบนรถไฟมาขาย ข้าว 50 บาท น้ำขวดละ 15 บาท ขนมต่าง ๆ ก็มีแต่ราคาก็นะ (เตรียมไปจะดีกว่า 555) 3 เสื้อกันหนาว ที่มา : pixabay ถ้าได้นั่งชั้น 1 หรือ นอนแอร์ ก็ข้ามไปได้เลยนะเพราะมีผ้าห่มให้ตอนนอน แต่จะเผื่อไปก็ได้ // แต่สำหรับที่นั่งพัดลมอ่าห้า ตอนขึ้นรอรถไฟออก เหงื่อท่านจะแตกสุด ๆ แต่ตอนเดินทางตกกลางคืนอากาศจะเย็นลง และลมที่โต้หน้าท่านจะทำให้หนาวสั่น ผู้เขียนไม่ได้พกไปด้วย หนาวสะท้านเลยแหละ 555 ต้องทน (หากถามทำไมไม่ปิดหน้าต่าง ผู้เขียนปิดแล้วแต่คนอื่นเปิดอ้าซ่าเลย เพราะคนอื่นพกผ้าห่มกันมา 5555) ที่นั่งชั้น 2 ที่ผู้เขียนได้นั่งเป็นเบาะที่ปรับเอนได้ แต่ก็ใช่ว่าจะนั่งสบายนะ ส่วนที่นั่งชั้นที่ 3 ไม่ต้องพูดถึงเลย นั่งหลังตรงกันไปยาว ๆ เพราะเป็นเก้าอี้แบบตั้งฉากและไม่สามารถปรับเอนได้ (ตอนผู้เขียนได้เดินทางมีตั๋วยืนด้วยแหละ สงสารคนที่ยืนมาก ๆ เลย) 4 หน้ากากอนามัย ที่มา : pixabay ชั้นแอร์ข้ามได้เลยนะ // ชั้นพัดลมจะเปิดหน้าต่างตลอด หากไม่พกไปอาจจะเป็นแบบผู้เขียนได้ (ถึงที่ขี้มูกดำปี๋เลยทีเดียว) หากใครไม่ซีเรียสจุดนี้ก็ไม่เป็นไรนะ แต่จะมีฝุ่นเข้าไปในจมูกท่านเยอะแยะเลย 5 ทิชชู่ ที่มา : pixabay ผู้ชายก็ชิลล์ไปเลย สำหรับท่านผู้หญิง พกไปทั้งทิชชู่แห้ง และเปียกก็ดีนะ เพราะน้ำล้างมือบนรถไฟนั้นกลิ่นสนิมสุด ๆ และจะติดท่านไปตลอดทั้งวัน 6 อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มา : pixabay อย่าลืมพกพาวเวอร์แบงค์ และหูฟังของท่านไปด้วยหละ ช่วงเวลาที่ยาวนานอาจะทำให้ท่านแบตหมด และเบื่อได้ ผู้เขียนใส่หูฟัง ฟังเพลง never rains in southern California และ wonderful tonight ชิลล์ ๆ บนรถไฟเล่นซะหลงยุคไปเลย 7 เตรียม (เวลา) ใจ ที่มา : pixabay จากประสบการณ์ที่ผ่านมาไม่จำเป็นต้องเป็นการเดินทางไปที่ตรังเท่านั้น เพราะจากที่ผู้เขียนได้เห็นเวลาเข้าสถานีของรถไฟจากแต่ละจังหวัดเลทกันหมดทุกขบวนเลย ดังนั้นจึงอยากให้ผู้อ่านได้เผื่อเวลาไว้บ้าง อย่างน้อยหลังถึงจุดหมายต้องไม่มีธุระสำคัญอะไรที่ทำให้เราเกิดความผิดพลาดในการทำงานต่าง ๆ 1 วัน แต่จากผู้เขียนเดินทางต้องรอรถไฟสลับรางหลาย ๆ ที่เลย แค่ตอนรอออกจากสถานีที่ขึ้นก็เลทไปประมาณ 15 นาทีแล้ว และจอดที่สถานีนานมาก โดยเฉพาะสถานีใหญ่ ๆ (แต่มีสถานีย่อยบางสถานีที่ทั้งคนขึ้นน้อยและรอนานมาก ๆ ไม่รู้ว่าจอดพักหรือขบวนรถไฟมีปัญหา) ขบวนของผู้เขียนเลทไปประมาณ 5 ชั่วโมง ซึ่งถือว่าเป็นเวลาที่ยาวนานมาก เพราะผู้เขียนเหนื่อยล้าจากการท่องเที่ยวมาแล้ว อยากจะกลับบ้านอาบน้ำทิ้งตัวลงนอนที่สุด (คนที่มารอรับนั่งรอจนตูดชาไปเลยแหละ) เช็คความล่าช้าของรถไฟ : http://tts.railway.co.th/passenger/view.php ให้เพื่อน ๆ ที่เดินทางคอยเช็คดู หากถึงจุดหมายเวลา 10.30 น. ก่อนเวลาถึงจุดหมาย 2-3 ชั่วโมง ลองเข้าไปเช็คความล่าช้าของรถไฟจะได้บอกกับคนทางบ้าน หรือคนที่มารอรับว่าขบวนเราเลทไปทั้งหมดกี่นาที เอาหละ หมดแล้วสำหรับคำแนะนำของผู้เขียน หวังว่าท่าน ๆ ที่ได้ผ่านมาอ่านบทความนี้จะสามารถนำไปปรับใช้ได้ จะได้ไม่รู้สึกอึดอัด และสนุกกับการเดินทางที่ยาวนานน รูปภาพหน้าปกผู้เขียนได้ถ่ายเองจาก รถไฟที่กำลังจะเข้าจอดที่สถานีหัวลำโพง