ข้าวของเครื่องใช้รวมไปถึงภาพวาดต่าง ๆ ที่มีการนำลวดลายพืชพรรณธรรมชาติ ป่าไม้ เถาวัลย์ มารวมเข้ากับความงามทางด้านรูปร่างสรีระร่างกายของผู้หญิงตามจินตนาการของศิลปิน สื่อให้เห็นถึงความงดงามแบบอ่อนช้อย ประณีต ชวนฝัน ล่องลอยไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด งานศิลปะแนวนี้แหละค่ะที่เรียกว่า Art Nouveau (อาร์ตนูโว) ดิฉันเชื่อว่าหลายคนจะต้องเคยพบเจอกับศิลปะแนวนี้ในชีวิตประจำวันอย่างบ่อยครั้งแบบไม่น่าเชื่อ แต่เคยสงสัยกันบ้างมั้ยคะ?? ว่าอะไรคือจุดเริ่มต้นของการนำศิลปะที่งดงามนี้มาประยุกต์และรวมเข้ากับสิ่งต่าง ๆ รอบตัวเราได้อย่างลงตัว และอะไรคือจุดเริ่มต้นของการนำศิลปะมาผสมผสานกับมุมมองของศิลปินได้อย่างอิสระเสรี ไม่มีกรอบมาคอยกำหนดจินตนาการความคิดของผู้สร้างสรรค์งานเหล่านี้ หาคำตอบได้ที่นี่ "นิทรรศการ Something Nouveau" วันนี้ได้มีโอกาสมาชมนิทรรศการศิลปะที่จัดขึ้นใน River City Bangkok อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจาก Icon Siam นิทรรศการแห่งนี้ทำให้ฉันได้เรียนรู้เรื่องราวต่าง ๆ มากมายที่ไม่เคยรู้มาก่อน เป็นประสบการณ์แปลกใหม่ที่หาได้ยาก นิทรรศการนี้มีชื่อว่า "Something Nouveau" แค่ชื่อก็เปี่ยมไปด้วยความหมายแอบแฝงให้เราชวนคิดแล้วใช่มั้ยคะว่าอะไรคือ Something และอะไรคือ Nouveau?? เรามาไขข้อข้องใจนี้ไปพร้อม ๆ กันเลยค่ะ ตามมาเลย!! "นิทรรศการ Something Nouveau- Klimt, Mucha, Beardsley" คืองานจัดแสดงศิลปะในยุคปลายฟื้นฟูศิลปวิทยา (Renaissance) คาบเกี่ยวมาจนถึงยุคสมัยใหม่ หรือที่เรียกว่าศิลปะแนว Art Nouveau (อาร์ตนูโว) นั่นเองค่ะ ด้านหน้าของนิทรรศการจะเห็นตัวอักษรชื่องานที่มีความเป็นเอกลักษณ์ใช้สีที่เรียบง่ายไม่ฉูดฉาด มีการนําเอาเถาวัลย์ใบไม้ดอกไม้มาประกอบในการสร้างสรรค์งานเพื่อสื่อถึงเสน่ห์ของศิลปะในยุคนี้ เมื่อเดินเข้ามาด้านในจะเห็นผนังสีเขียวอ่อนรายล้อมอยู่รอบห้อง มีภาพของจิตกรต่าง ๆ ที่มีชื่อเสียงในยุคสมัยนั้นรวมทั้งภาพวาดที่ได้รับความนิยมและเป็นที่พูดถึงในยุคนั้นอยู่อย่างมากมาย ตระการตามาก ๆ ค่ะ โดยส่วนมากภาพที่จัดแสดงจะเป็นภาพวาดสรีระร่างกายของผู้หญิง ยกตัวอย่างเช่น "ภาพ The Bride" ที่วาดโดย Gustav Klimt เป็นภาพวาดผู้หญิงที่นุ่งน้อยห่มน้อยอ้าขาออกและมีกระโปรงปกปิดที่ลับของผู้หญิง ซึ่งภาพนี้ได้สร้างความสงสัยให้กับผู้คนในยุคนั้นเป็นอย่างมากว่าอะไรที่อยู่ข้างใต้กระโปรงผ้านั้น และยังมี "ภาพ Portrait of Adele Bloch-Bauer I" ผลงานของ Gustav Klimt เช่นเดียวกัน เป็นภาพวาดหญิงสาวขนาดใหญ่ใช้ทองคําเปลวมาเป็นสีหลักในภาพ ภาพนี้ได้รับยกยองว่าเป็นผลงาน Masterpiece แห่งศิลปะ Art Nouveau ที่สวยที่สุด ด้านขวามือจะมี "ห้องจัดแสดงภาพ 3 มิติ" ที่เราต้องใส่แว่น 3 มิติเข้าไปดู ด้านในจะมืดมาก เห็นแค่ลวดลายและภาพที่ถูกฉายลงบนจอในผนังทั้ง 4 ด้านของห้อง ลวดลายต่าง ๆ จะค่อย ๆ ขยับเข้ามาหาเรา เป็นลวดลายที่อ่อนช้อยประณีตงดงามและดูมีความหมายนัยยะแอบแฝงอยู่ในสัญลักษณ์ต่าง ๆ และยังมีภาพของผู้หญิงที่ผสมผสานกับลวดลายเถาวัลย์พืชพรรณธรรมชาติได้อยางลงตัวและสวยงาม เมื่อออกมาจากห้องจัดแสดงภาพ 3 มิติแล้วเดินลึกเข้าไปจะเห็น "กระจกบานใหญ่ทรงสูงด้านบนโค้งขนาดเท่าตัวคนอยู่ 3 บาน" มีลวดลายกรอบของกระจกที่สวยงามดูแปลกตา ให้ความรู้สึกย้อนยุคและอ่อนช้อยในเวลาเดียวกัน คล้ายกับบานประตูของวังในสมัยโบราณ ด้านหลังของกระจกจะมีภาพวาดหญิงสาวทั้ง 3 คน อยู่บนกระจกที่ผสมผสานลวดลายพืชพรรณธรรมชาติเข้ามาในภาพวาดด้วย เดินเข้าไปด้านในสุดจะเป็น "ห้องจัดแสดงภาพวาดโดยฉายลงบนผนังทุกด้านของห้อง" ห้องนี้จะกว้างกว่าห้องจัดแสดงภาพวาด 3 มิติแต่จะมีการฉายภาพเคลื่อนไหวลงบนผนังห้องเหมือนกันรวมทั้งมีเพลงประกอบการแสดงภาพวาดเพื่อให้รู้สึกสุนทรียกับการชมภาพวาดมากยิ่งขึ้น หลังจากชมงานนิทรรศการแล้วทำให้รู้สึกได้ว่างานศิลปะไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่บนปลายพู่กันเพียงอย่างเดียว แต่การนำศิลปะมาผสมผสานกับข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันกลับกลายเป็นแนวคิดที่มีคุณค่าและมีอิทธิพลมาจนถึงยุคสมัยใหม่ ซึ่งแนวคิดนี้ส่งผลให้เรามีข้าวของเครื่องใช้ที่สวยงาม เช่น เก้าอี้ โซฟา โต๊ะ กระจกในดีไซน์หลากหลายอย่างที่เห็นในปัจจุบัน สอดคล้องกับชื่องานว่า Something Nouveau บางสิ่งบางอย่างได้แสดงถึงความเป็นอาร์ตนูโวซ่อนอยู่ภายในงาน โดยไม่ใช่เพียงแค่ภาพวาดเหมือนในยุคก่อน ความคิดเห็นที่แตกต่างไม่ใช่เรื่องที่ผิด ในสมัยนั้นผลงานของศิลปินที่มีชื่อเสียงต่างถูกตราหน้าว่าเป็นงานที่ลามกอนาจาร แต่พอเวลาผ่านไปศิลปะแนว Art Nouveau กลับกลายเป็นแนวทางศิลปะที่นิยมและแพร่หลายเป็นที่รู้จักมาจนถึงปัจจุบัน นิทรรศการแห่งนี้ได้ให้ความรู้ประสบการณ์ดี ๆ รวมทั้งข้อคิดต่าง ๆ มากมาย ได้ครบทุกด้านแบบนี้ลองมาดูซักครั้งนะคะ นิทรรศการศิลปะแบบนี้จะจัดขึ้นทุกปีโดยจะหมุนเวียนไปเรื่อย ๆ เป็นศิลปะแนวที่แตกต่างกันออกไป โดยจะจัดช่วงประมาณเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคม ค่าเข้าชมปกติอยู่ที่คนละ 350 บาทค่ะ แต่ถ้าเข้าชมเป็นหมู่คณะจะอยู่ที่คนละ 100 บาท ลองมาสัมผัสกับประสบการณ์ชมนิทรรศการศิลปะกันนะคะ แล้วจะรู้ว่าการดูงานศิลปะไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่คิดเสมอไปค่ะภาพถ่ายจากผู้เขียนติดตามข่าวสารที่ : https://rivercitybangkok.com/