cr. unsplash ในระยะนี้กระแสข่าวที่มาแรงและผู้คนให้ความสนใจมากที่สุดคงไม่พ้นเรื่อง ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ หรืออีกชื่อที่เรียกในโลกออนไลน์คือ ไวรัสอู่ฮั่น หากติดตามข่าวกันมาตั้งแต่แรก ๆ คงจะรู้กันดีกว่าไม่มีการเตือนจากฝั่งต้นทางของโรค จนกระทั้งมียอดคนเสียชีวิต คนติดเชื้อ และลุกลามออกนอกประเทศ ถึงมีการประกาศเตือน และในแต่ละประเทศจะมีการแจ้งข่าว รายงานสถานการณ์ แต่ทีนี้ในบ้านเรากระแสเรื่องนี้มันกลายเป็นประเด็นหลาย ๆ มุมจากที่ได้ติดตามจากแหล่งข่าวตามสื่อโซเชี่ยล สื่อทีวี เลยทำให้สงสัยว่า cr. unsplash การข่าวเรื่องของเราหรือเรื่องของใคร ที่สงสัยแบบนี้เป็นเพราะ 1.การนำเสนอข่าวที่เป็นจริงจากหน่วยงานรัฐมีน้อยมาก ไม่ว่าจะการแจ้งเตือนสถานการณ์ วิธีการป้องกัน การให้ข้อมูลความรู้ 2.สื่อข่าวหลาย ๆ แห่งพาดหัวข่าวเกินจริง หรือ ให้ประเด็นเอียงไปฝั่งใดฝั่งหนึ่ง 3.ผู้คนสังคมโลกออนไลน์ ค้นหาข่าวกันเอง แจ้งเตือนกันเอง มีประเด็นวิจารณ์หลายกรณี นี่คือ 3 ประเด็นที่เราพบเห็นจากการติดตามข่าว ซึ่งมันทำให้เราต้องมาย้อนคิดกันว่า การข่าวในบ้านเรายุคนี้ทำไมดูไม่น่าเชื่อถือ ไม่ว่าจะเป็นจากหน่วยงานภาครัฐ หรือ จากสื่อข่าวต่าง ๆ ในยุคหนึ่งที่เคยมีโรคระบาดคล้าย ๆ ลักษณะนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีการแจ้งข่าวกันแทบทุกวัน รายงานสถานการณ์ต่าง ๆ ให้ประชาชนรับรู้และระวัง สื่อข่าวหลักต่าง ๆ รายงานตามความเป็นจริง โลกออนไลน์กระแสข่าวเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับแหล่งข่าวจากหน่วยงานต่าง ๆ cr. unsplash แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แบบนั้น หรือเป็นเพราะโลกเปลี่ยน ผู้คนเข้าถึงแหล่งข่าวจากทุุกที่ได้ง่าย มีทั้งข่าวจริง ข่าวปลอม หรือ หน่วยงานด้านการข่าวประสิทธิภาพลดลง จากกรณีนี้มันทำให้เรามองได้หลายมุมว่าเกิดอะไรขึ้น กับการนำเสนอข่าวในบ้านเมืองเราตอนนี้ ประชาชนที่รับข่าวสารจากสื่อต่าง ๆ ต้องมาวิเคราะห์กันเองว่าข่าวที่ได้รับมานั้น น่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน มีเหตุการณ์อะไรต้องแจ้งเตือนกันเอง หรือ แม้แต่การปิดข่าวในหลาย ๆ กรณีที่เกิดขึ้น ทำให้คนในสังคมอยากรู้ความจริง ก็มีการขุดคุ้ยหาต้นตอ หาแหล่งข่าวต่าง ๆ แล้วนำมาเผยแพร่ในโลกออนไลน์ กลายเป็นกระแสโจมตี แล้วนำไปสู่ความขัดแย้งในสังคม การแสดงความคิดเห็นบางกรณีนำไปสู่ การกระทำผิดกฎหมายคอมพิวเตอร์ cr. unsplash แต่มันก็คือความจริงที่เกิดขึ้นในสังคมบ้านเรา ในเมื่อการข่าวมีความหลากหลายในช่องทางการนำเสนอ เราผู้รับข่าวสารก็ต้องเลือกพิจารณาข้อมูลต่าง ๆ ไม่ว่าจะมาจากแหล่งไหนก็ตามแม้จะมีความน่าเชื่อถือ ก็ต้องพิจารณาวิเคราะห์กันให้ดีเพราะบางครั้งเป็นเสนอข่าวเพียงด้านเดียว หรือเสนอข่าวในลักษณะชักจูง ชี้นำชักชวนให้เชื่อ ไม่มีการให้เหตุผล ไม่มีการวิเคราะห์หรือให้ข้อมูลในอีกด้านหนึ่ง เราคงสรุปไม่ได้ว่า การข่าวเป็นเรื่องของเราหรือเรื่องของใคร เพราะในเมื่อเราเป็นคนรับข้อมูลข่าวสาร เราก็ต้องวิเคราะห์ให้น้ำหนักความน่าเชื่อถือของข่าว ก่อนที่จะส่งต่อข้อมูลต่าง ๆ หรือมั่นใจเชื่อถือในข่าวนั้น ๆ เสพข่าวอย่างเป็นกลาง แสดงความคิดเห็นอย่างระมัดระวัง คิด วิเคราะห์ แยกแยะ คือสิ่งที่ต้องทำในการติดตามข่าวยุคนี้ เพิ่มเติมท้ายเรื่อง การข่าว เป็นคำที่ใช้ในภาษาราชการไทย หมายถึงหน่วยงานที่มีหน้าที่ดูแลด้านข่าวสารต่าง ๆ เช่น หน่วยข่าวกรอง , การแจ้งข่าวสาร หรือตรวจสอบข้อมูลข่าวด้านต่าง ๆ