คุณเป็นเหมือนกันหรือเปล่าที่ทุกวันนี้ตื่นมาก็คอยจับจ้องการแถลงสถานการณ์ของ COVID-19 เป็นประจำวัน แล้วพอนั่งหน้าทีวีหรือฟังข่าวจาก LIVE ในเฟสบุ๊คของช่องไหนก็ตามแต่ พอได้ยินว่าจำนวนผู้ติดเชื้อลดลง ผู้รักษาหายเพิ่มขึ้น หรือไม่พบผู้เสียชีวิตรายใหม่ก็เริ่มใจชื้นขึ้นล่ะ ต่อมาสมองก็จะจินตนาการไปด้วยว่า "เอาล่ะเฮ้ย...เดี๋ยวอีกไม่กี่วันก็ใกล้ปลดล็อกแล้วสิ ดีแล้วจะได้ใช้ชีวิตให้เป็นปกติกับเขาเสียที" อ๊ะๆ...เดี๋ยวก่อน เมื่อเร็วๆ นี้ก็น่าจะพอได้ยินข่าวกันนะว่าพอสิงค์โปร์ปลดล็อกเท่านั้นล่ะ งานเข้า คราวนี้ล็อกยาวกว่าเดิมอีก ผู้เขียนเลยเชื่อว่าหากบ้านเรามีมาตราการปลดล็อกขึ้นมาบ้างเหมือนอย่างจีนหรือฮ่องกงเนี่ยก็ต้องช่วยๆ กัน ร่วมแรงร่วมใจกันทุกฝ่ายปฎิบัติตัวให้เป็น 'นิวนอร์มอล' (New Normal) ซะ แล้วบ้านเราก็จะได้เดินหน้า ไม่ต้องย้อนถอยหลังไปสู่สถานการณ์อันน่าสะพรึงกลัวชนิดที่เรียกได้ว่าสูญเสียกันทุกฝ่ายไม่ว่ายากดีมีจนเหมือนเมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมาอีก เครดิตภาพ - ภาพฟรีจาก Pixabay คำว่า New Normal แปลตรงๆ เลยก็คือความปกติรูปแบบใหม่ นั่นหมายความว่าหลังจากผ่านพ้นช่วงเลวร้ายที่สุดของสถานการณ์ COVID-19 สังคมวันนี้จะถูกเปลี่ยนแปลงเป็น 'สังคมปกติรูปแบบใหม่' ทันทีในวินาทีต่อมา คราวนี้เพื่อให้เราสามารถเตรียมความพร้อมตัวเองเข้าสู่ยุคสมัยของสังคมปกติรูปแบบใหม่ได้อย่างทันดีทันใดไม่ตกเทรน เราควรจะเตรียมตัวกันอย่างไรบ้างมาดูกันเลย เครดิตภาพ - ภาพฟรีจาก pixabay 1. ด้านการใช้ชีวิตประจำวัน - เมื่อต้องตื่นเช้าและเตรียมตัวไปทำงาน ถ้าจะให้ดีเผื่อเวลาสักหน่อย ออกจากบ้านเช้าขึ้นอีกนิดถึงรถจะไม่ติดก็เหอะ เพื่อหลีกเลี่ยงการต้องเข้าไปเบียดเสียดในรถโดยสารสาธารณะ ทั้งรถเมล์ รถตู้ รถแท็กซี่ รถไฟฟ้าบนดินใต้ดิน ถึงแม้แต่ละระบบขนส่งมวลชนจะมีมาตรการในการป้องกันก็เหอะ แต่อย่าลืมว่าทุกที่ที่มีคนรวมกลุ่มจำนวนมากอาจเกิดความเสี่ยงในการรับเชื้อแทบทั้งสิ้น จะให้ดีสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา ช่วงนี้หน้ากากผ้าสวยๆ เยอะแยะ หาสักอันที่เข้ากับชุดทำงานก็ได้นอกจากป้องกันตัวเองแล้วยังสวมเป็นแฟชั่นเข้าเซ๊ตได้อีก ถือเอาถนนเป็นรันเวย์ซะ อวดโฉมด้วยหน้ากากอนามัยเก๋ๆ ซะเลย อ้อ ถ้าจะให้ดีก็พกเจลแอลกอฮอล์ติดกระเป๋าไว้ด้วยนะ เครดิตภาพ - ภาพฟรีจาก Pixabay 2. ด้านการทำงาน - ตอนที่ COVID-19 จู่โจมบ้านเราใหม่ๆ ธุรกิจส่วนใหญ่ก็ยังตั้งรับกันไม่ค่อยจะทันเมื่อต้องถูกสั่งให้ทำงานอยู่บ้าน ดังนั้นจึงเกิดมาตราการ Work from Home อย่างดาษดื่น เอ๊ะ...มันก็ดีนี่ทำงานจากที่บ้าน แต่อย่าลืมว่าใครที่พัฒนาตัวเองไม่ทันก็มีโอกาสเสี่ยงที่คุณจะไม่ต้องทำงานจากที่บ้านต่อไปแต่คุณได้อยู่แต่บ้านตลอดไปแทน เพราะว่าหลังจากวิกฤตผ่านพ้นภัย ธุรกิจส่วนใหญ่ก็จะปรับรูปแบบการทำงานเป็น Mobile หรือ Virtual มากขึ้น นั่นหมายถึงคุณไม่จำเป็นต้องไปแสดงตัวที่ออฟฟิตต่อไป ใครที่ยังไม่คิดเรียนรู้และพัฒนาตัวเองให้ใช้ Technology ในที่ทำงานให้เป็นก็เตรียมตัวเตรียมใจได้เลย...จะเริ่มตอนนี้ก็ยังไม่สายเกินไปนะ เพราะนี่คือหนทางเตรียมตัวให้พร้อมที่จะกลับไปแสดงตัวที่ออฟฟิตได้เมื่อสถานการณ์กลับมาเป็นปกติ เครดิตภาพ - ภาพฟรีจาก Pixabay 3. ด้านการบริโภคอาหาร - แม้ว่าสถานการณ์จะดีขึ้น แม้ว่าจะได้รับการปลดล็อกแต่ก็ต้องเตรียมใจไว้เลยว่าการนัดรวมตัวเพื่อสังสรรค์กันด้วยมื้ออาหารแสนครื้นเครงจะยังคงขาดช่วงไปอีกสักระยะหนึ่ง เพราะถึงแม้ร้านอาหารจะกลับมาเปิดได้ตามปกติแต่ก็ต้องมีการจำกัดจำนวนที่นั่งแน่นอน ส่วนเรื่องอาหารเดลิเวอรี่นั่นก็น่าจะยังคงบูมอยู่ แต่สั่งบ่อยๆ ก็หมดมุกได้เหมือนกัน ที่สำคัญคือเราเชื่อว่าช่วง 2 เดือนที่คนส่วนใหญ่กักตัวอยู่ที่บ้านนี้ แต่ละคนต้องมีกิจกรรมในครัวเพิ่มขึ้นมาอย่างแน่นอน เอาเป็นว่าความปกติรูปแบบใหม่กับมื้ออาหารต้องมีเกิดขึ้นแน่นอน แต่พวกเราจะใช้ชีวิตรูปแบบไหนก็ต้องระมัดระวังตัวเองให้ดี จำไว้ 'กินร้อน-ช้อนเค้า' สำคัญที่สุด เครดิตภาพ - ภาพฟรีจาก pixabay 4. สุดท้ายจะขาดไม่ได้เลยก็คือการใช้ชีวิตบนสื่อสังคมออนไลน์ - เชื่อว่าทุกๆ คนมีชีวิตอยู่บนโลกโซเชี่ยลกันได้ทั้งวัน...ใครใคร่ขายของขาย...ใครใคร่เม้นโพสต์เม้น...ใครใคร่รีวิวก็รีวิวไป แต่สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาที่เราทุกคนต้องรู้จักเรียนรู้และใช้ให้เป็นคือ สังคมไร้เงินสด น่าจะเคยได้ยินว่าทุกวันนี้ไม่มีใครอยากจะจับแบงก์กันแล้ว เดี๋ยวนี้ซื้อของไม่รูดปรึ๊ดๆ ก็โอนเงินกันไปสะดวกดี แต่การใช้แอปพลิเคชั่นเหล่านี้ก็ต้องรู้จักใช้กันอย่างระมัดระวังด้วยเพราะบนโลกออนไลน์มีพวกมิชฉาชีพซ่อนอยู่ทุกที่ นอกเหนือจากนี้ก็โพสต์อะไรลงบนโซเชี่ยลก็ต้องระมัดระวังเพราะดูเหมือนว่าโลกใบนี้จะมีข่าวลวงมากกว่าข่าวจริงเอาเสียอีก เอาเป็นว่า New Normal บนโลกออนไลน์ต้องเกิดขึ้นอยู่แล้วจึงควรเตรียมตัวใช้มันให้เป็น นี่แค่ 4 ตัวอย่างเล็กน้อยที่อยากนำเสนอเท่านั้น ผู้เขียนเชื่อว่าน่าจะยังมี New Normal อื่นๆ เกิดขึ้นตามมาอีกมากมาย ถ้ายังไงก็ลองใช้เรื่องง่ายๆ 4 เรื่องใกล้ตัวนี้เป็นตัวอย่างในการเตรียมตัวเองเอาไว้ก่อนก็ดี เผื่อว่ามีความปกติรูปแบบใหม่อื่นตามมาเราจะได้ปรับตัวกันให้ทัน