ภาพ Cover photo โดย นักเขียน เหตุวิตกจริตเมื่อสองสองสัปดาห์ก่อนสร้างความปันป่วนให้อิฉันไม่ใช่น้อย นักวิชาการ นักวิชาเกินเรียงหน้ากันออกสื่อพูดกันถึงแต่เรื่องไวรัส โควิด-19 แถมด้วยมีการออกประกาศโน่นนี่นั่นจนเกิดภาวะการกักตุนสินค้ากันยกใหญ่ ประชาชีทั่วทั้งพาราต่างมุ่งมั่นซื้อข้าวซื้อของเข้าบ้าน ไม่ว่าตลาดสด หรือซูเปอร์มาร์เก็ต ต่างคลาคล่ำไปด้วยผู้คนไปจับจ่ายใช้สอย เห็นแล้วก็ออกจะขบขันที่เห็นคนแย่งกันซื้อข้าวซื้อของ บ้านเราเป็นครัวของโลก! พวกคุณกลัวอะไรกับการขาดแคลนอาหาร อุตสาหกรรมทางด้านอาหารยังคงเดินสายการผลิตอย่างปกติ ขนาดน้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2554 ส่งผลถึงสายพานการผลิต เรายังไม่ขาดแคลนกันเลย มีขายทุกอย่าง ซื้อหาได้หมดที่คุณต้องการ (ต้องมีเงินในกระเป๋าด้วยนะจ๊ะ) แล้วคราวนี้มันจะไปเกี่ยวอะไรกับการขาดแคลนสินค้า อิฉันละยอมใจคนไทยจริงๆ อย่างว่าแหละ ห้ามความคิดคนมันยาก คงเพราะอิฉันบ่นเรื่องนี้มาก ๆ นี่เองกระมัง มารู้ตัวอีกทีอิฉันก็ยื่นอยู่หน้าเคาน์เตอร์จ่ายเงินในซูเปอร์มาร์เก็ตเจ้าประจำ พร้อมด้วยของกินของใช้ ข้าวปลาอาหาร ยากินยาทา ได้มาเต็มรถเข็นด้วยความงง ๆ ว่าเราก็เป็นไปกะเค้าด้วยรึนี่ !! ผ่านไปสองสัปดาห์ ปัญหาเริ่มเกิด Work From Home ทำเอาอิฉันน้ำหนักเพิ่มขึ้นมาเป็นกิโล แถมช่วงนี้ร้านอาหารต่าง ๆ ก็ออกโปรโมชันกันน่าดู แถมโน่นแถมนี้ ส่งถึงหน้าบ้านเลย ทำเองบ้างซื้อบ้างตามแต่อารมณ์จะพาไป ข้าวปลาอาหารที่กักตุนไว้เลยไม่พร่องสักที เมื่อเช้าเกิดอยากจะอาหารเช้าแบบฝรั่ง ก็จัดแจงทอดฮอตดอก ปิ้งขนมปัง พอทอดไข่ดาวเท่านั้นแหละ รู้เลยว่าไข่ที่เราซื้อไว้เมื่อคราวนั้นเริ่มไม่สดซะแล้ว ไข่แดงไม่กลมมน ไข่ขาวเหลวเป็นน้ำ พอสำเร็จเสร็จสิ้นอาหารเช้าก็มานั่งมองดูไข่ที่เราซื้อมากว่าสองแผง ด้วยฝีไม้ลายมือในเรื่องอาหาร เรารู้ได้เลยว่าต้องทำอะไรสักอย่างกับไข่ไก่สองแผงนี้ก่อนที่จะใช้การไม่ได้ คงต้องแปรรูปเพื่อเก็บไว้กินนาน ๆ เพราะถ้าจะกินไข่ทอด ไข่เจียว ไข่ตุ๋น ไปทุกมื้อคงไม่ไหว ทีแรกว่าจะทำไข่เค็ม แต่ก็มาคิดว่า ทำแล้วจะได้กินไม๊ เพราะต้องกินกับข้าวต้ม แล้วไอ้ข้าวต้มนี้อิฉันเองก็ไม่ค่อยจะชอบกินสักเท่าไร ไปหาไอเดียจากอากู๋ดีกว่า ท่องโลกอินเทอร์เน็ตพักใหญ่ก็ไปหยุดอยู่ที่ “ขนมหม้อแกง” น่าสนใจตรงที่ต้องใช้ไข่เป็นส่วนประกอบหลัก และเป็นหนึ่งในขนมที่เราชอบ กินครั้งแรกเมื่อตอนเป็นเด็ก มีความทรงจำดี ๆ ให้นึกถึงอยู่ นอกจากนั้น อิฉันยังได้ความรู้เพิ่มเติมมาอีกว่าขนมหมอแกงนี้มีที่มาที่ไปจากท้าวทองกีบม้า ในสมัยอยุธยาเลยนะ ขนมหม้อแกงน่ะเป็นชื่อเล่น เค้ามีชื่อจริงด้วยนะ ชื่อจริงเค้าคือ ขนมกุมภมาศ เป็นไงล่ะดูดีมีสกุลขึ้นมาเชียว ส่วนจะแปลว่าอะไร ไม่บอก ไปหาเอาเองนะ แล้วจะฮา ภาพโดย นักเขียน "สำเร็จแล้วจะได้แบบนี้นะคะ" เอาละมาเริ่มกันเลย จากสูตรต่าง ๆ หลากหลายแม่ ๆ ทั้งหลาย ทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่นของเหล่า ยูทูปเบอร์ บ้างก็จัดเต็ม บ้างก็แบบรวบรัด แต่ละสูตรก็มีส่วนผสมและวิธีการแตกต่างกันไปบ้าง ด้วยข้อจำกัดของอิฉันเองในอุปกรณ์และส่วนผสม ประกอบกับความที่เป็นสาวมั่น อิฉันก็เลยเอาอันโน้นทีอันนี้ทีมาประยุกต์เป็นสูตรของอิฉันเองซะเลย ส่วนประกอบตามนี้เลยเจ้าค่ะ ไข่ไก่ที่เหลืออยู่ทั้งหมด (มีอยู่แล้วไม่ต้องซื้อ) กะทิแบบกล่อง (ส่วนใหญ่เค้าให้ใช้หัวกะทิ แต่อิฉันหาซื้อไม่ได้) เผือกเชื่อม (เจ้าของสูตรบอกให้เอาเผือกหัวมาต้ม รอให้เย็นแล้วขยำให้ละเอียด แต่อิฉันเห็นว่ามันยุ่งยากเกินไปก็เลยซื้อเผือกเชื่อมจากแม่ค้าในตลาดมาแทน) น้ำตาลปึก (บ้างก็ว่าน้ำตามมะพร้าว บ้างก็ว่าน้ำตาลโตนด แต่อิฉันเอาในตู้เย็นของเราเองที่จำไม่ได้ว่ามันมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อไร) หัวหอมซอยเจียวน้ำมัน (เจียวเองเลย หอมดี) เกลือ (เกลือทะเลจากเมดิเตอร์เรเนียน อันนี้ขอทำตัวไฮโซ..นิสส นึง) คราวนี้ก็มาเริ่มกันเลย ... เจียวหอมซอยเพื่อใช้โรยหน้าขนมหม้อแกง กะเอาพอประมาณตามชอบค่ะ น้ำตาล กะทิ ไข่ เผือกเชื่อม ในสัดส่วนเท่า ๆ กัน ขยำรวมให้เป็นเนื้อเดียวกัน สูตรของอิฉันใช้ช้อนกับมือขยำ ๆ พอให้เข้ากัน เพราะไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือที่เค้าใช้ทำขนมกัน ในขั้นตอนนี้หน้าตาของขนมจะออกสีน้ำตาลอ่อน ๆ เหลว ๆ เป็นน้ำเลยละ ไม่เข้มข้นอย่างที่คิดนะคะ นำส่วนผสมที่ขยำแล้วลงในกระทะตั้งไฟอ่อน ใส่น้ำมันจากการเจียวหัวหอมซอยลงไปนิดหน่อยเพื่อให้ได้กลิ่น กวนไปเรื่อย ๆ ห้ามหยุดเพราะจะไหม้เนื่องจากมีส่วนผสมของน้ำตาลจะทำให้ไหม้ง่าย อิฉันใช้ไม้พายแบน ๆ กวนที่ก้นกระทะเป็นหลัก กวนจนรู้สึกว่าส่วนผสมเริ่มแข็งตัวนิด ๆ ก็ยกออก อย่าค้างไว้ในเตา เพราะยังมีความร้อนอยู่ ขั้นตอนนี้ขนมยังไม่สุกซะทีเดียว รูปร่างหน้าตายังไม่เป็นขนมหม้อแกงเลยสักนิด ก็อย่าไปตกใจว่าเราทำผิดสูตรนะ มันยังมีอีกขั้นตอนที่จะทำให้ออกมาสมบูรณ์ เอาส่วนผสมที่กวนแล้วเทใส่ภาชนะที่ทนความร้อนแล้วเอาเข้าเตาอบเพื่อเพิ่มความหอม เตาอบที่ว่าก็ใช้เจ้าเตาอบเล็ก ๆ ที่ไว้ปิ้งขนมปังนี่แหละ ไม่ต้องถึงขนาดเตาอบขนมแบบที่กำหนดอุณหภูมิได้แบบมืออาชีพเค้าก็ได้ ตั้งไฟอบทั้งด้านบนและด้านล่าง ประมาณการณ์เวลาตามที่เห็นควรก็แล้วกัน โดยเปิดดูแล้วเอาช้อนจิ้ม ๆ ดูว่าเนื้อขนมเริ่มแข็งตัวขึ้นรึยัง พอแข็งตัวขึ้นหน่อยก็เอาหอมเจียวที่เตรียมไว้โรยหน้าแล้วอบต่ออีกสักพัก คราวนี้เปิดไฟอบเฉพาะด้านบนให้หน้าขนมดูเกรียม ๆ หน่อย ก็ใช้ได้ ภาพโดย นักเขียน "คือมันอร่อยมากกก" ยกลงผึ่งให้เย็นก็ยกเสิร์ฟได้เลย รับรองว่าอร่อยแน่นอน ก็อย่าลืมตั้งชื่อให้หน่อยก็แล้วกัน เพราะธรรมเนียมแต่โบราณกาล ขนมหมอแกงต้องมีชื่อผู้ปรุง ดังนั้น เราก็ควรจะจัดสักหน่อย เช่น ขนมหมอแกงแม่นั่น แม่โน้น แม่นี่ ก็ว่ากันไป ส่วนของอิฉัน “ขนมหม้อแกง แม่อัม” เจ้าค่ะ ภาพโดย นักเขียน "ขนมหม้อแกง 'แม่อัม' เจ้าค่า"