“จำเลยต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาล (ไม่ใช่คำสั่งเจ้าหนี้)” ที่ต้องขึ้นต้นบทความแบบนี้ ไม่ใช่การดิสเครดิตเจ้าหนี้แต่อย่างใด แต่เรื่องที่จะเขียนในบทความนี้ เกิดขึ้นเพราะเพื่อนเราคนหนึ่ง เป็นหนี้บัตรเครดิต จนกระทั่งถูกศาลพิพากษา ให้จ่ายชำระเจ้าหนี้เดือนละ 15,000 บาท เป็นเวลา 12 เดือน แต่ไม่ได้ทำตามที่ศาลพิพากษา เนื่องจากเจ้าหนี้แจ้งว่า ให้โอนเงินเข้าไปเดือนละ 10,000 บาท และรอปรับโครงสร้างหนี้ จากนั้นไม่นาน ก็ได้รับหนังสือจากกรมบังคับคดีว่า จะมีการประมูลบ้านในเดือนหน้า ... เกิดอะไรขึ้น? แล้วจะทำยังไงต่อไปกันดี?ตามที่เราพอจะมีความรู้ (อันน้อยนิด) เข้าใจว่า “การปรับโครงสร้างหนี้” เจ้าหนี้จะเสนอมายังลูกหนี้ เมื่อหนี้เป็น NPL (หนี้เสียเกิน 3 เดือน) ส่วนลูกหนี้จะรับเงื่อนไขหรือไม่ เจ้าหนี้ไม่สิทธิมาบังคับ ส่วนการเจรจาประนีประนอมยอมความ จะไปไกล่เกลี่ยกันที่ศาล โดยมีผู้พิพากษาเซ็นเป็นพยานให้ (อ่านเพิ่มเติมได้ที่ลิงค์ด้านล่าง) - 4 ข้อต้องคิด ก่อนตัดสินใจปรับโครงสร้างหนี้บัตรเครดิต-บัตรกดเงินสด) - ลืมจ่ายค่างวด!! หลังทำสัญญาประนีประนอมยอมความ จะถูกสืบทรัพย์บังคับดีหรือไม่?เราถามเพื่อนไปว่า ทำไมไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาล เพื่อนยืนยันคำเดิมว่า เจ้าหนี้แจ้งให้รอปรับโครงสร้างหนี้ และให้โอนเงินเข้าบัญชีเดือนละ 10,000 บาท แต่กลับไม่มีการหักเงินออกไปจากบัญชีเลย ซึ่งประโยคนี้ ทำเอาเรางงไปเหมือนกัน...ส่วนนี้เราไม่แน่ใจว่า สื่อสารผิดพลาดกันยังไง แต่การปรับโครงสร้างหนี้หลังศาลพิพากษาไปแล้ว เป็นเรื่องที่ยากพอสมควร เพราะยอดหนี้ลดลงไปจำนวนหนึ่งแล้ว จากการปรับลดค่าดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ที่เจ้าหนี้คิดเกินเอาไว้แต่แรก จึงไม่มีเหตุผลที่เจ้าหนี้จะมาปรับโครงสร้างหนี้ให้กับลูกหนี้อีก ดังนั้นสิ่งที่ลูกหนี้อย่างเราต้องทำก็คือ จ่ายหนี้ตามคำสั่งศาลเท่านั้นและอย่าได้ขาดด้วยส่วนเงินที่เราจ่ายเข้าไป เจ้าหนี้มีหน้าที่ในการออกเสร็จรับเงินให้เราทุกงวด จึงจะเรียกว่าอยู่ในระยะที่ปลอดภัยต่อการถูกยึดทรัพย์ ดังนั้นเงิน 10,000 บาท ที่เพื่อนเราโอนเข้าไปในบัญชี ก็ยังไม่ครบตามคำสั่งศาลอยู่ดี ซ้ำยังไม่มีการหักออกไปเลย ก็เท่ากับว่าไม่ได้จ่าย โดยปกติแล้วหากเราผิดนัดแม้แต่งวดเดียว เจ้าหนี้ก็ดำเนินการสืบทรัพย์บังคับคดีได้ทันทีตามกฎหมายซึ่งผู้ที่ทำเรื่องอายัดทรัพย์เหล่านี้ เข้าใจว่าจะเป็นฝ่ายกฎหมายของสำนักงานนั้น ๆ ส่วนการปรับโครงสร้างหนี้ ต้องเป็นหน้าที่ของฝ่ายสินเชื่อ เรากับเพื่อนจึงให้ความเห็นหนักไปเรื่องของการสื่อสารผิดพลาดมากกว่าดังนั้นสิ่งที่ควรทำมากที่สุดในตอนนี้คือ ให้ไปที่ธนาคารแล้วแจ้งระงับการขายทอดตลาด จากนั้นก็เอาเงินไปปิดหนี้ก้อนนั้นซะ ส่วนใหญ่แล้วเจ้าหนี้จะให้ปิดทั้งก้อนในครั้งเดียว เพราะเค้าอยู่ในฝั่งได้เปรียบ จากนั้นลูกหนี้ก็ต้องไปที่กรมบังคับคดี เอาเอกสารการชำระหนี้และเอกสารการถอนบังคับคดีไปแจ้งต่อเจ้าพนักงานบังคับคดี ก็เป็นอันเสร็จสรรพ จากนั้นให้อ่านเอกสารให้ถี่ถ้วน ว่าเรื่องราวต่าง ๆ ได้จบลงแล้ว เพื่อป้องกันการผิดพลาดซ้ำสองจริง ๆ แล้ว เราไม่คิดเลยว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นได้ เพราะโดยส่วนใหญ่จะมีก็แต่ลูกหนี้จ่ายหนี้ไม่ไหว จึงหยุดจ่ายไปเอง และรู้ตัวอยู่แล้วว่าต้องถูกสืบทรัพย์บังคับคดี ดังนั้น คำว่า “คำสั่งศาลถือเป็นที่สิ้นสุด” ก็ยังคงความศักดิ์สิทธิ์อยู่เหมือนเดิม และหากไม่มีเอกสารยืนยันให้เปลี่ยนแปลงใด ๆ เราต้องห้ามเชื่อคำพูดของคนอื่นเด็ดขาดแม้แต่เจ้าหนี้ เพราะเค้าก็มีโอกาสให้ข้อมูลผิดพลาดด้วยเช่นกัน และลูกหนี้อย่างเรา ๆ นี่แหละ ต้องเป็นผู้กรรมแต่เพียงผู้เดียวกดที่รูปโปรไฟล์ แล้วกด “ติดตาม” เอาไว้นะคะ เรามีประสบการณ์เรื่องการจัดการหนี้สินและการเงินมาแชร์อีกเยอะเลยค่ะ บทความน่าอ่าน :- เจ้าหนี้ไม่ทวงหนี้อย่านิ่งนอนใจ ระวังถูกลากดอกเบี้ยไม่รู้ตัว?- เจ้าหนี้ทวงหนี้ได้ตลอด แม้จะหมดอายุความไปแล้ว จริงหรือไม่?- 5 ข้อต่อไปนี้ จะทำให้คุณมีหนี้สินท่วมหัวไม่รู้จบและปลดหนี้ยากเครดิตภาพ pixabay : ภาพปก succo / ภาพที่ 1 StockSnap / ภาพที่ 2 Daniel_B_photos / ภาพที่ 3 NikolayFrolochkin / ภาพที่ 4 ds_30 / ภาพที่ 5 WilliamCho