หนังที่เรากำลังจะยกตัวอย่างคงจะเป็นเรื่องที่ใครหลายๆ คนเคยรับชมกันมาบ้างแล้วแต่เราอยากชวนคุณกลับไปดูหนังเหล่านั้นอีกครั้ง เพราะการดูภาพยนตร์เรื่องเดิมในช่วงเวลาที่เปลี่ยนไป อาจจะทำให้คุณพบกับความรู้สึกที่ต่างจากเดิม การตีความเนื้อหา มุมมองที่มีต่อตัวละครก็อาจจะแตกต่างไปจากเดิมเช่นกัน เมื่อก่อนคุณอาจจะชอบตัวละครนี้เพราะมีความคล้ายคลึงกับคุณ ทำให้คุณสามารถเข้าใจตัวละครได้เป็นอย่างดี แต่พอมาดูอีกครั้งคุณอาจจะเปลี่ยนความคิด ตัวละครที่เคยเป็นเหมือนภาพสะท้อนของตัวเองก็กลับกลายเป็นตัวละครที่งี่เง่า ไร้เหตุผล ขึ้นมาดื้อๆ หรืออาจจะยังคงเป็นตัวละครโปรดของคุณเหมือนเดิม ทำให้คุณสามารถตระหนักรู้ในตนเองได้ว่าเราเติบโตมากขึ้นเพียงใด เราแตกต่างจากตอนที่ยังเป็นเด็กหรือไม่ อะไรทำให้เราเริ่มเปลี่ยนไปนี่จึงเป็นสิ่งที่เราอยากเชิญชวนทุกคนมาหาหนังเก่าๆ ดูกัน ทุกคนคงมีหนังโปรดประจำใจกันอยู่แล้ว แต่ถ้าใครนึกไม่ออกจริงๆ เราก็ได้รวบรวมหนังมาทั้งหมด 5 เรื่อง ที่คาดว่าน่าจะผ่านความทรงจำของใครหลายๆ คนมาบ้าง เราเลือกหยิบภาพยนตร์ที่ลงใน netflix มาแนะนำให้ทุกคนดูกันเพราะช่วงนี้ Netflix มีโปรโมชันดูฟรี 1 เดือน เพื่อเป็นการอุดหนุนหนังถูกลิขสิทธิ์และเพื่อให้เพื่อนๆ สามารถหาดูตามกันได้ง่ายๆ "น้ำทำทุกอย่างก็เพื่อพี่"(ขอบคุณภาพจาก: Netflix)สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารักด้วยเรื่องราวความโรแมนติกของแอบรักรุ่นพี่ที่ตรงกับประสบการณ์ของใครหลายๆ คน จึงไม่แปลกใจที่หนังจะสามารถเรียกน้ำตาของชาวแอบรักได้เป็นอย่างดี หนังพาเรากลับไปสู่กลิ่นอายของความเป็นเด็กมัธยมอีกครั้ง ความรู้สึกใจเต้นเลือดสูบฉีดตอนเจอรุ่นพี่ที่แอบชอบ พยายามเป็นบังเอิญเจอกัน ล้วนแต่เป็นประสบการณ์ที่ยากจะพบเจอเมื่อเราโตขึ้น"เจี๊ยบ ตัดยางเราทำไม"(ขอบคุณภาพจาก: Netflix)แฟนฉัน เหมือนกลับไปเจอบรรยากาศตอนยังเป็นเด็ก ไม่ว่าจะเป็นการพยายามทำให้ตัวเองเป็นที่ชื่นชอบของเพื่อนๆ การยอมทำอะไรไร้สาระเพื่อที่จะได้เป็นที่ยอมรับของคนอื่น การทำกิจกรรมร่วมกันของเด็กๆ เช่น เด็กผู้ชายชอบไปปั่นจักรยาน เด็กผู้หญิงชอบเล่นขายของ ทำให้เราเหมือนดูตัวเองในวัยเด็ก"แกมาทำอะไรเอาตอนนี้ ไข่ย้อย"(ขอบคุณภาพจาก: Netflix)เพื่อนสนิทแอบรักเพื่อนสนิทแต่ไม่กล้าบอก ความอึดอัดที่เกิดขึ้นในความสัมพันธ์ของใครหลายๆ คน เราเชื่อว่าเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย แต่ไม่ว่าจะเกิดขึ้นกี่ครั้งก็ยังเป็นเรื่องที่รับมือได้ยากอยู่ดี การเลือกที่จะไม่บอกความรู้สึกเพื่อรักษาความสัมพันธ์ หรือเลือกที่จะเสี่ยงบอกความรู้สึกออกไปไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไรก็ตาม แล้วคุณล่ะเคยเลือกแบบไหน ตอนนี้ต้องกลับมาเสียดายหรือเปล่า?"มึงไม่รู้อะไรเดี๋ยวนี้มันยุคของดนตรีแล้วเว้ย!"(ขอบคุณภาพจาก: Netflix)suckseed ห่วยขั้นเทพหนังทำให้เราในตอนมัธยมรู้สึกอินและคล้อยตามไปกับมัน จากคนที่ไม่เคยสนใจกีต้าร์ก็กลับหยิบขึ้นมาเล่นเสียดื้อๆ และทุกคนคงจะมีโมเมนต์ที่ไปยืนกรี๊ดหน้าเวทีโรงเรียนหรือไม่ก็เป็นคนที่ยืนอยู่บนเวทีซึ่งเป็นความฝันสูงสุดของเด็กมัธยมคนหนึ่ง แต่แปลกที่ตอนนี้ความฝันนั้นถูกพับเก็บใส่กล่องเป็นที่เรียบร้อย“กูไม่ออก กูออกแล้วเอาอะไรแดก”(ขอบคุณภาพจาก: Netflix)ลัดดาแลนด์คำพูดตลกร้ายยอดฮิตที่ยังใช้กันในปัจจุบัน ซึ่งในตอนเด็กเรายังไม่เข้าใจความหมายของมันดีนักแต่กลับเข้าใจได้ดีในตอนที่กลับมาดูอีกครั้ง โฟกัสที่เปลี่ยนไปจากที่เคยสนใจแค่ความน่ากลัวของผีมะขิ่น ก็กลับมาให้ความสนใจกับเรื่องความสัมพันธ์และปัญหาของตัวละครมากขึ้น