ชวนอ่านกวีนิพนธ์เรื่อง แม่น้ำรำลึกของ เรวัตร์ พันธุ์พิพัฒน์ เราต่างมีขุนเขาแห่งวัยเด็กกันทุกคน และไม่ว่าเราจะเร่ร่อนไปไกลแค่ไหน ก็ยังอยู่บนเส้นทางของมัน เราถูกหล่อหลอมที่นั่นให้เราเป็นเราอยู่ตอนนี้ “แม่น้ำรำลึก” เป็นกวีนิพนธ์ที่ได้รับรางวัลซีไรต์ประจำปี 2547 ของเรวัตร์ พันธุ์พิพัฒน์ นำเสนอจิตวิญญาณซึ่งเป็นแก่นแท้ของผู้เล่าบทกวีในเรื่องคือชายชรา ผู้มีแก่นแท้คือช่วงชีวิตวัยเยาว์ซึ่งมีความสัมพันธ์กับธรรมชาติสะท้อนให้เห็นนิเวศวิถีอันมีความสงบสุขซึ่งเล่าผ่านบทกวีที่กล่าวถึงธรรมชาติด้วยภาษาที่อ่อนหวาน เป็นการสะท้อนวาทกรรมเกี่ยวกับธรรมชาติที่กวีต้องการสื่อ คือกวีมีความรู้สึกว่าธรรมชาติเป็นสิ่งที่มีคุณค่า น่าถนอม และแสดงถึงความรักในธรรมชาติของกวีขอบคุณภาพจาก : https://web.facebook.com/yorewat/photos/a.331484303559401/757205104320650/?type=3&theater กวีนิพนธ์แม่น้ำรำลึกเป็นการรวบรวมบทกลอนชุดหนึ่งที่กวีใช้บทกลอนเป็นสื่อในการอ่านโลกที่เขาอยู่อาศัยโดยเน้นเรื่องของโลกที่มีองค์ประกอบของธรรมชาติและนำมาบรรยายผ่านภาษาด้วยท่วงทำนองที่อ่อนหวาน การบรรยายธรรมชาติผ่านภาษาที่อ่อนหวานแสดงถึงกระบวนทัศน์ของกวีที่ให้คุณค่าแก่ธรรมชาติ ภาษาที่ใช้ในการบรรยายธรรมชาติผ่านบทกวีจึงสื่อให้เห็นถึงความรัก ความอบอุ่นและสอดคล้องกับช่วงวัยเยาว์ที่ผันผ่าน นอกจากนี้กวีผู้แต่งได้แสดงให้เห็นข้อสำคัญของเนื้อหาของบทกวีว่า “เราต่างมีขุนเขาแห่งวัยเด็กกันทุกคน และไม่ว่าเราจะเร่ร่อนไปไกลแค่ไหน ก็ยังอยู่บนเส้นทางของมัน เราถูกหล่อหลอมที่นั่นให้เราเป็นเราอยู่ตอนนี้”— เชซาเร ปาเวเซ, นักเขียนอิตาลี(เรวัตร์ พันธุ์พิพัฒน์ อ้างถึงใน เชซาเร ปาเวเซ ) "Ma abbiamo tutti una montagna dell'infanzia. E per lontano che si vagabondi, ci si ritrova sul suo sentiero. Là fummo fatti per quel che siamo". — Cesare Paveseคำกล่าวข้างต้นของกวีแสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณอันมีความสัมพันธ์กับนิเวศวิถีซึ่งผูกพันอยู่กับช่วงวัยเยาว์ เป็นช่วงจิตวิญญาณที่มีความบริสุทธิ์ น่าถวิลหา ทำให้เราเป็นเราในทุกวันนี้ แม้กาลเวลาผ่านเลยไป การบอกเล่ากระบวนทัศน์ดังกล่าวเกี่ยวกับธรรมชาติและวัยเยาว์เป็นการสื่อสารถึงจิตวิญาณอันอยู่ลึกซึ้งลงไปจากกายที่ตาเห็น และกวีพบว่าจิตวิญญาณที่ลึกซึ้งนั้นผูกพันอยู่กับวิถีแห่งธรรมชาติอย่างไม่อาจตัดขาดได้ขอบคุณภาพจาก : https://readery.co/9786167184975การบรรยายธรรมชาติผ่านกวีนิพนธ์แม่น้ำรำลึกของ เรวัตร์ พันธุ์พิพัฒน์ ได้สร้างวาทกรรมเกี่ยวกับธรรมชาติที่สื่อถึงจิตวิญญาณและนิเวศวิถีผ่านภาษากวีที่อ่อนหวานเมื่อกล่าวถึงธรรมชาติในกวีนิพนธ์หลายบทในแม่น้ำรำลึก ดังตัวอย่างเช่น แถวสีเหลืองเรืองรองของอรุณ ตะวันออกแดดอุ่นลมกรุ่นหอมสงบนิ่งนั้นนำคำพระพร้อม ท่าโน้มน้อมดูราวกับข้าวรวงไก่คุ้ยเขี่ยบนลานนกผ่านฟ้า ไปสู่หนองคลองนาละหานห้วงแพรผืนหญ้าคลี่ดอกออกไม้ปวง ก่อนหยาดยวงน้ำค้างจะร้างลาเสียงร้องรับขับขวัญเรือนบ้านใคร เสียงแรกเด็กเกิดใหม่ไร้เดียงสากรุ่นขมิ้นกลิ่นไพลหอมไฟกา เห็นอ่อนล้าเปี่ยมสุขเคล้าคลุกกันภาพคนเฒ่าคนแก่ร่วมแผ่ใจ พร้อมซึมซับรับไว้ในเรือนขวัญมือเหี่ยวย่นกุมถือมือน้อยนั้น คือจริงฝันดีงามคือยามเช้า(แม่น้ำรำลึก : 21)ขอบคุณภาพจาก : Sasin Tipchai จาก Pixabay กวีนิพนธ์เรื่องแม่น้ำรำลึกของเรวัตร์ พันธุ์พิพัฒน์ เป็นกวีนิพนธ์ที่แสดงให้เห็นถึงความมีเอกภาพและสมบูรณ์ในตัวเองรวมถึงมีการบรรยายธรรมชาติเป็นแก่นสำคัญของบทกวี บทกวีดังกล่าวนี้สะท้อนให้เห็นความมีจิตวิญญาณ และสะท้อนนิเวศวิถีในกวีนิพนธ์ จิตวิญญาณของบทกวีคือสิ่งที่แสดงแก่นแท้ซึ่งก็คือความเป็นตัวตนที่แท้จริงของชายชราที่ผูกติดอยู่กับช่วงชีวิตวัยเยาว์ ในขณะที่นิเวศวิถีคือแนวทางแห่งการดำเนินชีวิตแห่งวัยเยาว์ที่อาศัยอยู่ในถิ่นชนบทและมีความผูกพันกับธรรมชาติ หัวใจสำคัญเหล่านี้ถูกถ่ายทอดออกมาผ่านการบรรยายธรรมชาติโดยบทกวีที่อ่อนหวาน แม้แต่การกล่าวถึงภัยธรรมชาติ ก็ยังเป็นการกล่าวถึงด้วยความโหยหาอาวรณ์และมีความสุขจนอยากจะย้อนกลับไปในช่วงเวลานั้นอีก ภาษากวีที่เรวัตร์ พันธุ์พิพัฒน์ บรรยายในผลงานกวีนิพนธ์ได้สร้างวาทกรรมเกี่ยวกับธรรมชาติให้เป็นสถานที่แห่งวัยเยาว์อันน่าถวิลหา เป็นการให้ภาพการฟื้นความหลังได้อย่างงดงามซึ่งจะเป็นพลังหล่อเลี้ยงชีวิตของคนในปัจจุบันแหล่งอ้างอิงเรวัตร์ พันธุ์พิพัฒน์. 2547. แม่น้ำรำลึก. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.