ช่างเชื่อม ดูจิตแล้วอะไรก็ช่าง แดกดิ้น คุ้นๆไหมเอ่ยว่าคราวนี้ฉันมาเที่ยวที่ไหน …… คำตอบมันก็อยู่แถวนี้แหละ ทุกครั้งที่ฉันมาเที่ยวกรุงเทพฯฉันมักจะออกไปเปิดหูเปิดตาเสมอว่า มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ ครั้งนี้ก็เช่นกัน ฉันกับแม่ก็ออกไปเปิดหูเปิดตา ดังที่เคยทำเป็นประจำ โดยครั้งนี้มีคุณลุงไปด้วย และทริปนี้เราก็เลือกไปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นสถานที่เปิดใหม่ริมถนนสิรินธร ที่มีชื่อว่า “ ช่างชุ่ย”หลังจากแชทกับญาติจนรู้ทางไปช่างชุ่ยแล้ว ก็ออกเที่ยวสิคะ รออะไร เราออกจากบ้านตั้งแต่เช้า ด้วยรถสองแถวประจำซอย ก่อนจะลงตรงที่ร้านชักพระค้าไม้เพื่อรอรถสายชัยพฤษ์ หลังจากนั้นเราก็ต่อแท็กซี่ โดยมีคุณลุงที่รับอาสาเป็นหน่วยกล้าตาย โบกรถเท็กซี่และแล้วรถแท็กซี่คันหนึ่งก็มา ก่อนเปิดประตูรถ แล้วพูดขึ้นว่า “ไปช่างชุ่ยครับ” ไม่นานรถแท็กซี่ก็มาจอดที่สถานที่แห่งหนึ่งหลังจากลงจากรถแล้ว ฉันก็หันไปทางด้านขวาของฉัน เฮ้ย! ที่โรงพยาบาล ตา หู คอ จมูก นี่ ถ้างั้น ที่นี่ ก็คือ ช่างชุ่ย น่ะสิ ตดไม่ทันหายเหม็นถึงแล้วหรือนี่ แป๊บเดียวเอง พวกเราแวะถ่ายรูปด้านหน้าทางเข้าก่อน เดินเข้าไป เพื่อจ่ายเงินค่าผ่านประตู เตรียมจะจ่ายเงินแล้วเชียว แต่แล้ว พนักงานด้านไหนก็บอกว่าวันธรรมดา ไม่เสียเงิน เก็บแต่วันเสาร์ อาทิตย์ เมื่อเราเดินเข้าไป เฮ้ย คนหายไปไหนหมด ขณะที่กำลังคิดอะไรเพลินๆอยู่นั้นฉันก็เหลือบไปเห็นเครื่องบินลำใหญ่อยู่ตรงหน้า (เสียดายที่ขึ้นไม่ได้) ภายในช่างชุ่ย มีร้านอาหาร ร้านขายเครื่องดื่ม ร้านหนังสือ ซึ่งนำวัสดุเก่าๆที่ใช้แล้ว เช่นหลังคาสังกะสี เก่า ๆ ประตูหน้าต่าง ก็ผ่านกาารใช้งานมาแล้ว นอกจากนี้โครงการฯ ก็จะตกแต่ง ด้วยด้วยงานศิลปะ ต่างๆ เช่น หัวกะโหลก และ คนกึ่งการ์ตูนตัวสูงใหญ่ เราเดินผ่าร้านต่างๆ จนมาหยุดอยู่ที่เครื่องบินลำหนึ่ง ซึ่งมีชื่อว่า นาโอ (โนอาห์) แลนด์มาร์กอีกแห่งของช่างชุ่ย ที่มักจะไปอยู่ในกล้องของทุกคนที่มาที่นี่ เครื่องบินลำนี้ เป็นเครื่องบินที่ถูกดัดแปลง เป็นร้านอาหาร (แต่ไม่ได้ขึ้นไปชม) เราถ่ายรูปด้วยึวามสนุกสนาน จนฉันต้องถามแม่ว่า เรามาดูนิทรรศการกันไม่ใช่หรือ เมื่อฉันพูดจบ นางจึงได้หุบกล้องภ่ายรูป แล้วเดินหาที่จัดนิทรรศการที่อยู่ในใบปลิว ที่มีชื่อว่า จากธุลีดินสู่จักรวาลของพ่อ เราเดินไปเรื่อย ๆ จนได้มาพบกับอาคารหลังหนึ่งที่มีชื่อว่าสมบัติพลัดกันชม (ชื่อแปลกดีเนอะ) ฉันคิด ก่อนที่จะเดินเข้าไปดู ปรากฏว่ามีนิทรรศการจริง ๆ ด้วย อาคารนี้จัดแสดงภาพวาดและรูปปั้น ของในหลวง รัชกาลที่ 9 และรัชกาลที่ 5 เราดินชมอยู่ในอาคารนี้ไม่นานก็ออกมา เดินชมและถ่ายรูปจุดอื่น ๆ ต่อ ก่อนที่จะมาหยุดที่ อาคารชื่อสุดแนว อาคารหนึ่ง ที่มีชื่อว่า อาเหนกป้าสง เลยเดินเข้าไปดู ก็พบกับนิทรรศการละออง ละออง นิทรรศการนี้เป็นการแสดงศิลปะ ที่เกี่ยวกับในหลวง รัชกาลที่9เช่นกัน เราอยู่ที่นี่นานพอสมควร ก็ออกมาเดินเล่นต่อ จนมาถึงอาคารที่มีชื่อว่าช่างเชื่อม (แต่ไม่ได้เข้าไป )ด้วยความที่มีสวตามมมาเที่ยวด้วย ทำฉันตัดสินใจหาที่นั่งพัก สักครู่ เพราะฉันเองก็เหนื่อยเหมือนกัน แม่จึงหันไปคุยกับลุง เพราะอยากกลับบ้านแล้ว และที่สำคัญหิวข้าว มาก 15 นาทีต่อมา เรานั่งปิดทริปที่ร้านอาหารเจ้าอร่อยของคุณแม่ที่ย่านบางขุนนนท์ก่อนจะนำกล้องถ่ายรูปมานั่งดูรูปที่ถ่ายด้วยความสนุกสนาน ระหว่างรออาหาร แต่ก็ต้องรีบวางเพราะอาหารที่สั่งมาเสิร์ฟพอดี เย็นวันเดียวกัน ขณะที่ฉันกำลังดูข่าวอยู่นั้น โทรศัพท์ก็ดังขึ้น "ไง ไปเที่ยวไหนมา" พ่อของฉันถามขึ้น ไปช่างชุ่ยมา กลับไปเดียวเอารูปให้ดูนะ พ่อ ฉันเอ่ยขึ้น ก่อนส่งโทรศัพท์ให้แม่คุยต่อ หลังจากนั้นก็นำกล้องถ่ายรูป มาดุรูปที่ถ่าย ขณะดูรูป ความคิดความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมา นั่นก็คือความคิดที่ว่า อย่ามองอะไรแค่เพียงภายนอก ดังเช่นสถานที่แห่งนี้สถานที่ที่เราพึ่งไปเที่ยวมา ถึงแม้ว่าที่นี่จะตกแต่งแบบง่าย ๆ สถานที่จะดูเก่า ๆ โทรม ๆ แต่ก็เป็นการผสมผสานที่ลงตัว ถึงแม้สถานที่จะดูเก่า แต่ก็อาจจะมีสิ่งดีๆซ่อนอยู่ก็ได้ การเดินทาง รถเมล์สาย 515, 539 ลงป้ายสะพานลอยแยกบางกรวย(แล้วไปเข้าประตู2) 146 149 ขึ้น ป้าย รพ ศิริราช ลงป้าย รพ หู ตา คอ จมูก 511 ขึ้นตรงข้ามกองสลาก ลง ป้าย รพ หูตา คอ จมูก ปล.ใครอยู่แถวสายใต้เก่า นั่งแท็กซี่ ใช้เวลาไม่เกิน15นาทีก็ถึง ช่างชุ่ยอยู่ตรงข้ามกับ รพ หู ตา คอ จมูก ปล.2 แนะนำให้มาตอนเย็นๆ จะมีสีสันกว่านี้ แต่ถ้าใครจะมาชมงานศิลป์ มาตอนเช้าก็ได้ (คนไม่เยอะ)