สำหรับนักฟังเพลงนั้น คงจะทราบกันดีว่าในปัจจุบันนึ้ รูปแบบ วิธีการที่จะเข้าถึงเพลงนั้น มันช่างง่ายดายเสียยิ่งกว่าการปลอกกล้วยเข้าปาก การฟังเพลงด้วยระบบสตรีมมิ่งผ่านบริการที่ทั้งไม่เสียค่าบริการและเสียค่าบริการนั้นมีให้เราเลือกใช้กันหลากหลาย อีกทั้งยังรวมไปถึงคุณภาพของไฟล์ที่เสมือนส่งตรงมาจาก Studio อย่างไงยังงั้น ด้วยความสะดวกสบายและข้อดีทั้งหลายนี้ทำให้บริการสตรีมมิ่งทั้งหลายงั้นจุดเด่นเข้ามาแย่งกันถือครองพื้นที่บริการในดวงใจแก่ผู้ฟังทั้งหลาย และเชื่อเหลือเกินว่าผู้อ่านหลายท่านก็คงเป็นหนึ่งในผู้ใช้บริการสตรีมมิ่งชื่อดังเจ้าต่าง ๆ ไม่มากก็น้อย หากเราจะพูดในมุมมองคุณภาพหรือความสะดวกทั้งหลายที่ระบบสตรีมมิ่งได้มอบให้แก่เรา ๆ แล้วลองไปเทียบเคียงกับรูปแบบการฟังเพลงของเราในสมัยซัก 10-15 ปีที่แล้ว แน่นอนว่ายังไงระบบสตรีมมิ่งล้วนชนะขาดลอยในเกือบทุกด้านเป็นแน่ หากแต่ว่ามันก็มีข้อเสียบางอย่าง และกลับทำให้อรรถรสบางอย่างของการฟังเพลงขาดหายไป สำหรับกลุ่มคนที่ยังหลงไหลในการฟังเพลงแบบเป็นรูปธรรม หรือสนใจในงาน Artwork พวกเขาเหล่านี้ (รวมถึงผู้เขียน) ล้วนยังคงศรัทธาในผลงานที่จับต้องได้ มากกว่าการฟังเพียงผ่านไปแค่อย่างเดียวCompact Disc หรือที่เราเรียกกันจนคุ้นหู ติดปากจนชินว่า “CD” เป็นอีก Format Type ที่ยังคงมีอิทธิพลกับวงการเพลง แม้ในวันนี้หลาย ๆ คนแทบจะไม่รู้จัก หรือหลงลืมไปแล้วว่ามันเคยมีอยู่มาก่อน“ยังมีคนทำซีดีขายอีกเหรอสมัยนี้” คงเป็นคำถามอันดับต้น ๆ ที่นักฟังเพลงถูกถามจากคนรอบตัวณ วันนี้ เรามีตัวเลือกมากมายจนซีดีกลายเป็นของไร้ความจำเป็น ซีดีถูกเปลี่ยนบริบทจากไว้รับฟัง เป็นของสะสม ของแทนใจสำหรับกลุ่มแฟนคลับที่รักในผลงานของศิลปิน ขณะเดียวกันซีดีก็ยังเป็นหมุดหมายสำคัญของศิลปินที่แสดงถึงการยอมรับจากกลุ่มผู้ฟัง แน่นอนว่าโมเดลที่สนใจที่สามารถหยิบยกมาเป็นตัวอย่างในการอธิบายถึงเรื่องนี้ได้ดีคือ “อุตสาหกรรมเพลงของประเทศญี่ปุ่น” ประเทศญี่ปุ่นล้วนมี Pop Culture ที่หลากหลาย เพลงและดนตรีก็เป็นหนึ่งแขนงในวัฒนธรรมสุดป๊อปนั้นเราต่างทราบกันดีว่า กว่าที่วงดนตรีหนึ่งวงจะมีชื่อเสียงและมีคนรู้จักในระดับหนึ่งล้วนยากยิ่งยวด ยังไม่ต้องพูดถึงการขายซีดีให้ได้ ขอแค่เพียงให้มีคนได้รับฟังงานเพลงเราและชอบได้ก็คงจะมากเกินพอแล้ว แต่ในกลุ่มนักดนตรีญี่ปุ่นที่ทำเพลงนอกกระแส (หรือที่เรากันว่า เพลงอินดี้) นั้นกลับท้าทายเรื่องแบบนี้ ด้วยความมั่นใจกับงานเพลงของตน และผลิตมันออกมาขายทั้งที่รู้ในผลลัพธ์อยู่แล้วว่าอาจจะขายไม่ได้ก็ตาม นี่เป็นหนึ่งเหตุผลที่สามารถยืนยันเรื่องมุมมองของซีดีต่อบริบทหนึ่งของอุตสาหกรรมเพลงญี่ปุ่นประการที่สองที่พอจะแสดงบริบทของซีดีได้ดีคือ ร้านซีดีและโฮมเอนเตอร์เทนเมนต์ที่ตั้งตระหง่านอยู่ทั่วมุมเมืองใหญ่ของญี่ปุ่น ไม่ว่าจะ “Tower Records” “HMV” หรือธุรกิจร้านซีดีเล็ก ๆ ก็เป็นอีกสถานที่ที่มีผู้คนมากหน้าหลายตา ทั้งชาวญี่ปุ่นเจ้าถิ่นหรือชาวต่างชาติหลากภาษาเข้าไปค้นหาอัลบั้มที่ถูกใจเพื่อซื้อกลับไปรับฟังที่บ้าน ในหลายครั้งผมเองก็เคยเกิดคำถามว่า “มันจะมีวันที่ร้านเหล่านี้ต้องปิดตัวลงหรือไม่” แน่นอนว่าเป็นคำถามที่ผู้เขียนอย่างผมไม่อยากให้เกิดขึ้นจริง แต่ด้วยผลกระทบทางเศรษฐกิจก็เคยพรากร้านสินค้าประเภทนี้ในไทยให้หายสาบสูญไปจนแทบไม่เหลืออยู่ ผมจึงอดคิดไม่ได้จริง ๆ ว่าจะมีโอกาสเกิดขึ้นกับที่ญี่ปุ่นหรือไม่ประการที่สามที่ถือเป็นอีกข้อที่จะไม่พูดถึงไม่ได้คือ ศิลปินญี่ปุ่นถือว่าซีดีเป็นสัญลักษณ์ทำงานอย่างเป็นระบบ น้อยมากที่เราจะพบเห็นงานเพลงที่ออกมาในรูปแบบ Digital Single และหากจะพูดถึงงานเพลง Single สำหรับบ้านเราคงเป็นรูปแบบการปล่อยเพลงทีละเพลงแต่ Single ในญี่ปุ่นนั้นคือการปล่อยเพลงในสัดส่วนเล็ก ๆ จำนวน 2 - 3 เพลงในรูปแบบซีดี และปล่อยให้ดาวน์โหลดเป็นช่องทางสำรองเท่านั้น จึงนับได้ว่ารายได้หลักของการปล่อย Single นั้นมาจากการขายซีดีเป็นหลักสามข้อดังกล่าวล้วนแสดงดึงบริบทของซีดีต่องานอุตสาหกรรมดนตรี แสดงให้เห็นถึงคุณค่าของซีดีในหลากหลายมุมมองสำหรับผู้เขียนไม่ได้ต้องการเรียกร้องให้ซีดีกลับมานิยมในไทยแต่อย่างใด เพียงแต่ก็มีคำถามกับบริบทของซีดีในสังคมว่าวันนี้มันเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร มันได้มีคุณค่ามากพอหรือไม่ ผมไม่ทราบ และไม่อาจจะทราบได้เลยแต่อย่างน้อยผู้เขียนได้เห็นถึงภาพความน่าประทับใจในการสนับสนุนของกลุ่มแฟนเพลงในการสนับสนุนศิลปินผ่านงาน meeting ต่าง ๆ เช่น CAT EXPO ร้านซีดีที่ยังคงยืนหยัดดำเนินธุรกิจ เช่น ร้านน้องท่าพระจันทร์ หรือออนไลน์ช็อปอีกจำนวนมาก สิ่งที่กล่าวมาข้างต้นนี้ล้วนมีผู้คนมากมายให้ความสนใจ นั่นพอจะเป็นคำตอบให้สบายใจได้ว่ายังมีผู้คนที่พร้อมสนับสนุนศิลปินด้วยการซื้อผลงานอย่างถูกลิขสิทธิ์ แม้จะมากหรือน้อยก็ถือเป็นเรื่องดีมาก ๆแน่นอนว่าวันนี้อุตสาหกรรมเพลงไทยยังไม่สามารถเอาของญี่ปุ่นมาเทียบเคียงกันได้ แต่สำหรับผู้เขียนแล้วเชื่อเหลือเกินว่า ซีดีมันยังคงไม่ได้ตายไปจริง ๆ อย่างที่ใครเขาเคยพูดว่ามันตายไปแล้วแน่นอนครับการฟังเพลงเป็นเรื่องของรสนิยม อาจจะมีมุมมองที่หลากหลาย ซึ่งสุดแล้วแต่การฟังส่วนบุคคลครับผม GAMEkitt หวังเล็ก ๆ ว่า งานเขียนของผมจะทำให้ทุกท่านสนใจและถ้าหากสามารถทำให้ทุกท่านร่วมสนับสนุนศิลปินอย่างถูกกฎหมายได้ผมจะยิ่งดีใจมากครับที่ได้เป็นส่วนหนึ่งที่ได้ขับเคลื่อนวงการเพลงผม GAMEkitt ในนาม GAMEKITTCDBOX ขอลาไปก่อน ไว้เจอกันในโอกาสถัดไปครับ :)