Cr.ภาพปก มนต์สวรรค์ จินดาแสงต้นอ่อนข้าวสาลี หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า ‘วีทกราส’ เป็นที่รู้จักกันถึงสรรพคุณในประเทศตะวันตกและตะวันออกบางประเทศมาค่อนข้างนาน แต่สำหรับในไทยจะมีกลุ่มที่ดื่มน้ำวีทกราสเงียบๆ มาพักใหญ่ ก่อนที่ในราวปี 2553 จะมีหนังสือเล่มหนา 328 หน้า ซึ่งรวบรวมความรู้เรื่องต้นอ่อนข้าวสาลีไว้เป็นเล่มแรกของประเทศไทย และเป็นเล่มที่ครอบคลุมข้อมูลทั้งหมด ตั้งแต่การพูดถึงประโยชน์อันมหาศาลของพืชตระกูลหญ้า ซึ่งสัตว์ใหญ่อย่าง วัว ควาย ช้าง จะกินพืชตระกูลนี้เป็นหลักและทำให้มันแข็งแรงอย่างมาก รวมทั้งมนุษย์เองที่กินหญ้าในรูปของข้าว ไม่ว่าจะเป็นขนมปัง ข้าว หรือข้าวเหนียว ฯลฯหนังสือ "ต้นอ่อนข้าวสาลี(วีทกราส) สุดยอดอาหารต้านมะเร็ง ภาพโดยมนต์สวรรค์ จินดาแสง หนังสือเล่มนี้เขียนโดยมนต์สวรรค์ จินดาแสง และจัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ภารกิจ หนังสือพูดถึงโครงสร้างโมเลกุลของเฮโมโกลบินและคลอโรฟิลล์ ซึ่งมีความคล้ายคลึงกัน ฉะนั้นผู้ที่ดื่มน้ำวีทกราสคั้นสดเพียง 1 ช็อต หรือ 30 cc. จะสามารถสร้างเฮโมโกลบิน เม็ดเลือดขาวนับพันเซลล์ และเกล็ดเลือดนับหมื่นเซลล์ ขึ้นมาในเวลาประมาณ 1 ชม. โดยผู้เขียนได้ทดลองด้วยตนเอง ณ โรงพยาบาล 2 แห่ง อันปรากฏในส่วนหน้าของหนังสือ ซึ่งนั่นทำให้ผู้ป่วยหลายโรคโดยเฉพาะมะเร็งหลายประเภทอย่างน้อยสามารถใช้น้ำคั้นสดจากพืชนี้เพิ่มเม็ดเลือดขาวเพื่อต่อสู้กับผลข้างเคียงของการให้คีโมหรือฉายแสงได้ หรือแม้แต่กรณีของลูคีเมีย การเพิ่มเม็ดเลือดขาวที่ดีจะไปทำลายเม็ดเลือดขาวที่เลว และทำให้บรรเทาขึ้นในที่สุดการดื่มน้ำวีทกราสคั้นสด หรือผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป เช่น ผงวีทกราสสกัดเย็นชง หรือวีทกราสแคปซูล ฯลฯ ได้รับการรองรับจากนักวิจัยของมหาวิทยาลัยมหิดล ในปี 2555 ว่ามีส่วนทำให้ผู้ที่เป็นมะเร็งซึ่งรักษาร่วมกับแพทย์แผนปัจจุบันและเป็นโรคโลหิตจางดีขึ้นได้จริงๆ จากลิงก์ดังต่อไปนี้ https://bit.ly/3ah9Hnhโครงสร้างของเฮโมโกลบินและคลอโรฟิลล์ที่คล้ายกัน ภาพโดยมนต์สวรรค์ จินดาแสง คนทั่วไปที่เลี้ยงสัตว์ เช่น สุนัข หรือแมว นั้น อาจจะเห็นเพียงว่าสัตว์เลี้ยงของตนชอบกินหญ้าวีทกราสมากกว่าหญ้าอื่นและมักมีการนำมาให้มันกิน โดยหารู้ไม่ว่ามันเลือกกินเพื่อเยียวยาตัวเองในบางกรณีด้วย เพราะหญ้าวีทกราสมีผลหวานปะแล่มๆ ไม่ขื่นเหมือนหญ้าทั่วไป และคุณูปการที่สำคัญที่สุดของวีทกราสคือมันเป็นพืชที่ไม่มี Side effect เราสามารถดื่มน้ำวีทกราสได้เป็นสิบๆ ปี ถ้าไม่มีอาการแพ้คืออาเจียน ผิดจากพืชรักษามะเร็งอย่างอื่น ซึ่งจะจำกัดการรับประทานไว้ชั่วระยะหนึ่ง มิฉะนั้นจะเกิดพิษที่เป็นผลข้างเคียงได้ ส่วนคำถามที่ว่าถ้ามีส่วนในการบำบัดมะเร็งได้จริง ทำไมองค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ จึงไม่ขึ้นทะเบียนยาและมีการดื่มที่แพร่หลายกว่านี้ ในหนังสือได้กล่าวไว้ว่าเรื่องขององค์การอาหารและยาไม่ว่าของประเทศใดๆ จะเป็นเรื่องธุรกิจของแพทย์แผนปัจจุบัน ซึ่งการที่ทำให้ผู้คนรู้ว่าหญ้าที่ปลูกในกระบะหรือรั้วบ้านสามารถบำบัดมะเร็งได้ ธุรกิจเกี่ยวกับยาและแพทย์แผนปัจจุบันย่อมดำเนินไปได้ยากหนังสือเล่มดังกล่าวพอจะหาได้อยู่บ้างในบางเว็บไซต์ หรือถ้าท่านสามารถในรูปของ e-book ได้จากเว็บร้านนายอินทร์, Meb หรืออุ๊คบี ซึ่งอยู่ในโครงการช้อปช่วยชาติด้วยรูปวีทกราสที่ปลูกในกระบะ มีทั้งต้นโตและต้นเล็กคละกันไป ภาพโดยมนต์สวรรค์ จินดาแสง