ในเรื่องของการถูกทวงหนี้ คงไม่มีใครอยากพบอยากเจอแน่นอน แต่ทันทีที่เราหยุดจ่ายชำระหนี้ หรือลืมจ่ายแม้แต่วันเดียว เชื่อได้ว่า 95% จะต้องถูกพนักงานทวงหนี้ทางโทรศัพท์ติดต่อมาอย่างแน่นอน และในบทความนี้เรามีประสบการณ์เล็ก ๆ ของน้องสาวที่รู้จักกันคนหนึ่งมาเล่าให้ฟัง รวมถึงเตือนให้เตรียมตัวรับศึกหนักในวันข้างด้วย ... เรื่องก็มีอยู่ว่า ...น้องคนหนึ่งเดินเข้ามาในบ้านแบบหัวเสีย หลังจากเดินออกไปรับโทรศัพท์ที่นอกบ้านมา ท้าวความนิดหนึ่ง คือวันนี้น้องเค้าลางาน ก็เลยมาเที่ยวที่บ้านเรา ยังไม่ได้ถามอะไรเลย บ่นต่อไปอีกว่าน้องสาว : "หนูโดนทวงหนี้มาพี่!!” หนูค้างค่างวดบัตรกดเงินสดหลายเดือน โดนทวงวันละหลายรอบ นอกจากใช้น้ำเสียงไม่ดีแล้ว ยังพูดจาเสียดสีเราอีก ว่าจะปล่อยผ่าน แต่บางทีมันก็อดไม่ได้เนอะพี่!!...เรา : (ยิ้มแบบงง ๆ ให้น้องสาว)ซี่งในใจคิดว่า พอจะเข้าใจเหตุการณ์ที่กำลังเกิดแล้วล่ะ พอเห็นว่าน้องเริ่มใจเย็นบ้างแล้ว เราจึงอธิบายให้น้องฟังเป็นขั้นตอน พร้อมกับชวนให้ทำความเข้าใจไปพร้อม ๆ กัน ... จะเป็นยังไงนั้น ... ตามไปอ่านกันเลยค่ะเครดิตภาพ : Mimzyในกรณีนี้ ... ตามความเป็นจริง หากวันหนึ่งเรารับสายเจ้าหนี้หนึ่งครั้ง เจ้าหนี้ก็ไม่น่าจะโทรมาแล้ว เค้าน่าจะมีหน้าที่อย่างน้อยวันละ 1 รอบ เพื่อบันทึกเอาไว้ ว่าได้ติดตามหนี้เจ้านี้ไปแล้ว จึงแอบสงสัยกับคำว่า “ทวงหนี้วันละหลายรอบ” สรุปความได้ว่า น้องเค้าเหมารวมไปหมด ทั้งที่รับสายและไม่รับสาย คือโทรศัพท์สั่นสะเทือนเป็นระยะ วันละหลายครั้ง ซึ่งเป็นเบอร์เจ้าหนี้แทบทั้งสิ้น ทุกครั้งที่รับสาย ก็จะถูกโฉลกกับการทวงหนี้แบบดุเด็ดเผ็ดร้อนเสมอ จึงทำให้น้องเสียอารมณ์จนอดบ่นดัง ๆ ไม่ได้เราจึงบอกไปว่า ตราบใดที่เรายังไม่จ่ายหนี้ พนักงานเค้าก็มีหน้าที่โทรแบบนี้แหละ คือต้องทำใจว่าเราเป็นลูกหนี้ และเราติดหนี้เค้าจริง ๆ แต่หากพนักงานทวงหนี้ใช้คำพูดแย่มาก ๆ ก็มีวิธีจัดการได้เหมือนกัน แต่มันเป็นเพียงวิธีหนึ่งที่จะทำให้เราสบายหูได้เท่านั้น ซึ่งไม่ได้ทำให้เราหมดหนี้ไปได้หรอกนะ ... เราอธิบายน้องไปในทำนองนี้เครดิตภาพ : kabaldesch0วิธีที่ว่ามานี้ก็คือ “ฟ้อง” ขั้นแรกฟ้องหัวหน้างานพนักงานทวงหนี้คนนั้นไปก่อน เอาเสียงที่เราอัดไว้ยืนยันด้วย เดี๋ยวเค้าจะไปตรวจสอบในระบบเค้าเอง หากเป็นไปตามนั้นจริง ๆ คาดว่าจะต้องมีการคาดโทษพนักงานกันบ้าง และอาจจะมีการติดต่อกลับมาขอโทษลูกหนี้ด้วย เพราะฝั่งเจ้าหนี้ก็กลัวว่าเราจะไปแจ้งคณะกรรมการกำกับการทวงถามหนี้ประจำจังหวัดด้วยเหมือนกัน ดังนั้น เมื่อเรียกสติกลับมาได้แล้ว น้องเราก็พยักหน้าด้วยความเข้าใจ พร้อมบอกว่า ...น้องสาว : หากไม่เหลืออดเหลือทนจริง ๆ หนูก็คงไม่ทำขนาดนั้นหรอก เพราะแก่นปัญหาก็คือเราเป็นหนี้เค้า แต่อยากได้คำพูดทวงหนี้ที่ดีกว่านี้สักหน่อย เวลาที่เราบอกว่าไม่มีก็ฟังกันบ้าง!! เรากลั้นขำเล็กน้อยแบบเอ็นดูน้องทันที และอธิบายต่อไปในทำนองที่ว่า พนักงานทวงหนี้เหล่านี้ เค้าได้ค่าคอมจากการทวงหนี้ด้วย หากเอาใจเขามาใส่ใจเรา ก็เท่ากับว่าเค้าทำหน้าที่ของเค้าเหมือนกัน แต่อาจจะแอบฮาร์ทคอร์ไปสักนิด ดังนั้น “ลูกหนี้จึงไม่ถูกใจสิ่งนี้!!” ก็เท่านั้นเอง ... และเตือนว่าสิ่งที่จะต้องห่วงมากกว่าคือเรื่องต่อไปนี้ ...เครดิตภาพ : jamesoladujoyeบรรดาลูกหนี้ จะต้องสะพรึงในเวลาต่อมาก็คือ พนักงานทวงหนี้ภาคสนาม ก็คือคนที่ออกมาหาเราถึงบ้านและที่ทำงาน ซึ่งจะเป็นคนละคนกับที่โทรหาเราเรา : พร้อมหรือยัง?น้องสาว : (ทำหน้างง..และถามว่า) อะไรคือความพร้อมเหรอพี่?เรา : หมายถึงได้บอกหัวหน้างานที่ทำงานไว้บ้างหรือเปล่า? หรือได้บอกครอบครัวเอาไว้บ้างหรือไม่? เพราะเหตุการณ์นี้ มันอาจเกิดขึ้นได้ในระยะเวลาอันใกล้นี้นี่แหละ คือ อย่าให้คนอื่นมองเราเสียหาย บอกคนใกล้ตัวเอาไว้ว่า เรามีปัญหาเรื่องหนี้บัตรอยู่ แต่ทั้งหมดนี้เราจะจัดการเอง ในส่วนของหัวหน้างาน เชื่อว่าเค้าไม่อยากยุ่งหรอก ดีไม่ดีเค้าจะช่วยเราด้วยซ้ำไป เพราะโดยปกติแล้วเรื่องหนี้สินของพนักงานเค้าจะไม่ยุ่งกัน อาจช่วยให้เจ้าหนี้ภาคสนามไม่ได้เจอกับเราเลยก็ได้ที่น่าห่วงมากกว่าก็คือคนที่บ้าน เพราะเค้าอาจฟ้องพ่อแม่เราจนทำให้ท่านตกใจได้ ดีไม่ดีจะพูดให้ท่านชำระหนี้แทนเราด้วยซ้ำไป ดังนั้น ให้บอกพ่อแม่ไปเลย ว่าหนี้ใครหนี้มัน ใครเป็นหนี้ก็ให้คนนั้นใช้ แต่จะให้ดี อย่าให้เข้าในบ้านดีกว่า คุยกันนอกบ้านสองสามคำพอน้องเราถึงกับรับคำทันที เพราะเอาแต่โมโหพนักงานทวงหนี้ทางโทรศัพท์ จนลืมไปว่าเจ้าหนี้อาจมาเยี่ยมได้ด้วย...เครดิตภาพ : Capri23autoเจ้าหนี้กับลูกหนี้ ก็เหมือนขั้วบวกกับขั้วลบ กว่าจะหันขั้วมาประสานกันได้ ไม่ใช่เรื่องง่าย หมายถึงการ haircut หนี้ เพราะเจ้าหนี้เค้าไม่ยอมเราง่าย ๆ แน่ การที่มาหาเราถึงบ้าน ก็คือมาสำรวจกลาย ๆ ว่าเรายังทำงานอยู่ที่เดิมหรือเปล่า ยังอยู่บ้านตามรายละเอียดที่ให้ไว้หรือไม่ หรืออาจแอบมาสำรวจทรัพย์สิน เผื่อว่าจะยึดหรือายัดทรัพย์!! ...ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่น่าพะวงขึ้นมาอีกนิด แต่ถามว่าน้องเรากลัวไหม? อันนี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ที่แน่ ๆ เห็นว่าจะวางแผนคุยกับครอบครัวก่อนเป็นอันดับแรก และจะไปแจ้งหัวหน้างานต่อไป จากนั้นเรากำชับแกมดุนิด ๆ ว่าให้หมั่นเก็บเงินก้อนเอาไว้ด้วย เพราะในช่วงของการเจรจาลดหนี้ จะมีส่วนลดเสนอมาให้ หากจ่ายไหวก็จ่ายเค้าไปเลย หากไม่ไหวอาจจะต้องไปจบที่ศาล และหากไม่สนใจอีก อาจจะต้องถูกสืบทรัพย์บังคับคดี ดังนั้นก็ให้เลือกเอา ว่าอยากจบหนี้ก้อนนี้ในรูปแบบไหน?ดังนั้นให้ทำใจนิดหนึ่งกับการทวงแบบโหด ๆ เพราะพนักงานทวงหนี้ก็คือคนที่ยื่นส่วนลดมาให้เรา เพียงแต่ต้องทวงเพื่อให้ได้ยอดเยอะ ๆ เอาไว้ก่อน เผื่อลูกหนี้กลัว ก็จะหาเงินมาจ่ายทั้งต้นทั้งดอก แต่หากใครมีสติและรู้ทัน ก็จะได้ส่วนลดดี ๆ กันไป ... น้องรับปากรับคำด้วยความเข้าใจ ส่วนเราภาวนาในใจว่า ขอให้น้องผ่านปัญหาเรื่องหนี้สินนี้ไปให้จงได้ด้วยเถอะ!! เครดิตภาพปก : JESHOOTS-comบทความที่เกี่ยวข้อง :- ลูกหนี้ควรรู้ 5 ช่องทางการขอส่วนลดจากยอดหนี้ค้างชำระ (นาน)- 5 แนวทางปลดหนี้แบบไม่ต้องหนีหนี้ ทำยังไง? ต้องอ่าน!!