2 ปีที่แล้ว ฉันคือนิสิตที่เพิ่งขึ้นปี 3 มาได้ไม่กี่เดือน อยู่ ๆ ก็มีอันต้องจบความสัมพันธ์ลงกับรุ่นพี่ต่างคณะ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากในวันนั้น ทุกครั้งที่เราทะเลาะกัน เราต่างพูดคุยขอโทษแล้วก็กลับมาดีกันใหม่ แต่สำหรับครั้งนี้มันไม่ใช่เลย. . . เราทะเลาะกันอยู่แค่ 5 นาทีเท่านั้น เท่านั้นเอง แล้วเขาก็บอกเลิกเราทันที ด้วยเหตุผลที่ว่า "ถ้ามันใช่ เดี๋ยวเราก็กลับมารักกันใหม่" แล้วเขาก็หายไป ไม่ตอบแชท ตอบไลน์เราอีก. . . นี่คือการถูกบอกเลิกครั้งแรก เขาคือแฟนคนแรกของเรา ทุกอย่างที่เขาเป็น เรียกได้ว่าเขาคือคนที่ใช่สำหรับเราในตอนนั้นเลยก็ว่าได้ เรารักเขามาก ดูแลเขาอย่างดี พยายามเปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้น เรามองถึงอนาคตของเราที่มีเขา เราไม่เคยคิดว่าวันนึงจะต้องเลิกกันด้วยซ้ำ พอวันที่เขาไลน์มาว่า "พี่ว่าเราเลิกกันเถอะ" วันนั้นเหมือนเราฝันไป หัวใจเรามันชาไปหมด มือสั่น ร้องไห้ ทำอะไรไม่ถูก จำได้ว่าวันนั้นเราโทรหาเพื่อนชวนเพื่อนออกไปข้างนอก แล้วร้องไห้ใส่มันชุดใหญ่ ตอนแรกเราก็คิดว่าเดี๋ยวเราก็โอเค เดี๋ยวเขาก็กลับมา เราออกจะรักและดีกับเขาขนาดนั้น เขาคงต้องเห็นใจบ้างแหละ เราเองก็คิดหาวิธีที่จะทำให้เขากลับมาทุกวัน แล้วเราก็เฝ้ารอ. . . 1 เดือนก็แล้ว 2 เดือนก็แล้ว 3 เดือนก็แล้ว เขาก็ยังเหมือนเดิม เราไลน์ไปทุกวัน เขาทำแค่อ่าน และไม่ตอบอะไรกลับมา เราร้องไห้ทุกวัน ตั้งแต่วันแรกที่เลิกกันจนเข้าเดือนที่ 4 เรายังคงหยุดคิดเรื่องเขาไม่ได้ ในหัวของเรามีแต่เรื่องของเขา ทั้งคิดถึง คิดหาเหตุผลว่าเราทำอะไรผิด โทษตัวเองต่าง ๆ บางครั้งก็นึกโกรธเขา ทุกอย่างวิ่งวนอยู่ในหัวเรา จนเราไม่เป็นอันทำอะไร 4 เดือนที่ผ่านมา เราจมอยู่กับเรื่องนี้ จนสุขภาพกายและใจเราย่ำแย่ตามไปด้วย "แบบนี้ไม่ไหวละ" วันนึงส่วนที่ยังรักตัวเองที่หลงเหลืออยู่ในสมองก็ทำให้เราได้สติว่าปล่อยไว้แบบนี้มีแต่จะยิ่งแย่ เราตัดสินใจโทรนัดนักจิตวิทยาของศูนย์สุขภาพจิตในมหาวิทยาลัย แล้ว 2 อาทิตย์ถัดมาเราก็ได้พบกับนักจิตวิทยาท่านหนึ่ง ครั้งแรก เราต้องกรอกประวัติ เราอาการคร่าวๆ ก่อน แล้วจึงค่อยเข้าไปรับคำปรึกษาจากจิตแพทย์ วินาทีแรกที่เราก้าวเข้าไปในห้องปรึกษา แค่นักจิตวิทยาถามเราว่าเป็นยังไงบ้าง เราก็ปล่อยโฮออกมาชุดใหญ่ เล่าไปร้องไห้ไป คนตรงหน้าเราก็พยายามนั่งรับฟังอย่างสงบนิ่งแล้วยื่นทิชชู่กล่องมาให้เราถือไว้ เราเล่าทุกอย่างให้เขาฟังจนหมด พี่นักจิตวิทยาถามเราว่า ตอนนี้ความคาดหวังของเราคืออะไร? อยากกลับไปคบกับเขา หรือเราอยากลืมเขา เราตอบไม่ได้. . . แม้ว่าเราจะจมอยู่กับเรื่องนี้มาตลอด 4 เดือน เฝ้ารอเขา แต่เรากลับไม่สามารถตอบได้ด้วยซ้ำว่าความต้องการลึก ๆ ของเราคืออะไรกันแน่ นักจิตวิทยาก็ยิ้มบาง ๆ แล้วก็ไม่ได้คาดคั้นอะไร เราตอบไปแค่ เราไม่รู้ ตอนนี้เราแค่อยากดีขึ้น เพราะสิ่งที่เป็นอยู่มันรบกวนการใช้ชีวิตของเรามาก พี่นักจิตวิทยาจึงพูดว่าจะให้วิธีที่ทำให้เราลืมเขาได้ชั่วคราว นั่นคือ "การเปลี่ยนโฟกัส" ในตอนนี้โฟกัสของเราอยู่ที่เขาทั้งหมด เราต้องค่อย ๆ เปลี่ยนให้สมองที่เคยชินกับการคิดเรื่องของเขา เปลี่ยนไปโฟกัสเรื่องอื่น ๆ ในชีวิต อาจจะเริ่มจากทำอะไรที่ตัวเองชอบ ไปเที่ยวที่ที่ตัวเองอยากเที่ยว ถ้ามีแวบนึงคิดถึงเขา ให้เราพยายามสู้ พยายามเปลี่ยนไปหาอะไรทำ กลับมาอยู่กับปัจจุบัน และต้องพยายามทำมันอย่างต่อเนื่อง พี่นักจิตพูดว่า พี่รู้ว่ามันยาก แต่ถ้าเราอยากดีขึ้น ทุกอย่างเราต้องพยายามด้วยตัวเอง นอกจากนี้ เขาเปรียบเทียบให้เราเห็นภาพว่าตัวเราก็เปรียบเสมือนบ้าน จิตใจเราก็เหมือนเด็กคนหนึ่ง ถ้าบ้านไม่มีความสุข เด็กคนนั้นก็ไม่อยากอยู่บ้าน ต้องเที่ยวไปขอความรัก เอาตัวเองไปเกาะไปยึดกับคนอื่น พอวันนึงเขาหายไป เด็กคนนั้นก็จะเคว้ง เราต้องดูแลบ้านของเราให้ดีนะ เด็กคนนั้นหรือจิตใจของเราจะได้กลับมาอยู่กับที่ อยู่กับความสุขของเขา เป็นการคุยประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งที่ทำให้เราได้อะไรกลับมาปรับใช้กับตัวเอง แล้วก็ต้องกลับมาอัปเดทอาการในอีก 3 สัปดาห์ เราเริ่มทำตามคำแนะนำทันที ใช่ มันยาก ยากมากๆ แต่เราเข้าใจและเปิดใจ เราคิดว่าวันนึงมันต้องดีขึ้น มันอาจจะไม่ได้ดีขึ้นทันทีที่ทำ มันทรมานด้วยซ้ำ แต่เราคิดว่าถ้าเราทำต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ทุกอย่างมันจะดีเอง ขอแค่อดทนใช้เวลาหน่อย และใช่ ในวันนี้เราดีขึ้นมาก เราไม่คิดถึงเขาแล้ว และมันกลับกลายเป็นแค่ผลพลอยได้ของความพยายามในครั้งนี้ สิ่งที่เราได้กลับมามันยิ่งใหญ่กว่านั้นมาก การที่่เราไปโฟกัสกับการพัฒนาตัวเองทำอะไรที่ชอบ มันทำให้เราดีขึ้น เก่งขึ้น ภูมิใจในตัวเองมากขึ้น เรากลับมาเป็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดีกว่าเดิม เราไม่โหยหา ไม่รอ ไม่เรียกร้องอะไรแล้ว เพราะเราได้รับความรักที่ดีที่สุดแล้ว นั่นคือความรักจากตัวเอง :) ที่มาภาพ: https://pixabay.com/photos/advice-board-booklet-book-card-2911664/ https://pixabay.com/photos/girl-upset-sad-depressed-hipster-863686/ https://pixabay.com/photos/business-lady-woman-girl-computer-3560932/ https://pixabay.com/photos/mental-health-wellness-psychology-2019924/