ปัจจุบันมียอดผู้ติดเชื้อเป็นหมื่น ยอดเสียชีวิตเป็นร้อยในประเทศไทย หลายคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนตอนนี้ อาจหันมาสนใจฉีดวัคซีนแอสตร้าเซเนก้าซึ่งเป็นวัคซีนที่รัฐบาลจัดให้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เนื่องจากประเทศอื่นๆนั้นฉีดกันไปเป็นจำนวนเยอะมากแล้ว อาจมีผลข้างเคียงบ้างเพียง 2-3 วันก็จะหาย สำหรับผู้ที่สนใจอยากฉีดวัคซีนแอสตร้าเซเนก้าแต่ยังมีความกังวัลในหลายๆเรื่อง หรืออยากทราบว่าสถานที่จะเป็นอย่างไร ในวันนี้นุชจะเล่าใฟ้ฟัง ส่วนตัวนุชฉีดวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า เนื่องจาก HR ของบริษัทประสานกับประกันสังคมลงวันให้พนักงานไปฉีดได้ จริงๆแล้วตัวนุชเองมีความกังวลมากๆที่จะได้รับวัคซีนเนื่องจากนุชมีโรคประจำตัว ความดันต่ำ เคยประสบอุบัติเหตุแล้วตกใจมากเลือดสูบฉีดไม่ทัน มองเห็นทุกอย่างเป็นสีขาวประมาณ 5-15 นาที และการฉีดบาดทะยักและเจาะเลือดตรวจไข้หวัดใหญ่ความดันจะลดต่ำ เป็นลมหลายรอบ นุชเองก็มีพูดกับเพื่อนว่า อย่างไรแล้วก็จะลองดู นุชความดันต่ำ เป็นลมบ่อย ชอบกินของทอด ชอบกินชีส กินไขมัน ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาจนปัจจุบัน ไม่เคยออกกำลังกาย ถ้านุชรอด ทุกคนก็ไม่น่าเป็นห่วงแล้ว การเตรียมตัวเพื่อไปฉีดวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า 1.ดื่มน้ำให้เยอะมากๆทั้งก่อนและหลังฉีด เนื่องจากจะช่วยบรรเทาอาการไข้ได้ 2.พักผ่อนให้เพียงพอ 3.ทานอาหารเยอะๆ ทานให้ครบ 5 หมู่ 4.นำปากกาและบัตรประชาชนไปด้วย รีวิวสถานที่ แต่จุดบริการแต่ละจุดที่ได้ไปรับวัคซีนแอสต้าเซเนก้ามา ในวันที่ 7 กรกฎาคม 2564 เวลา 9.30 น. นุชเดินทางไปถึง ห้างสิงห์ คอมเพล็กซ์ ซึ่งเป็นสถานที่ฉีดวัคซีนโดยหน่วยงานโรงพยาบาลเปาโลโชคชัย 4 เมื่อไปถึงจะมียามคอยแนะนำทางให้ถึงลานจอดรถที่เป็นจุดรับวัคซีน แต่ละจุดจะมีพนักงานคอยประกาศและแนะนำสิ่งต่างๆ ทุกอย่างดูเป็นระเบียบ จุดแรก ต้องเตรียมบัตรประชาชน ล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ก่อนที่จะรับแบบสอบถาม ให้เราประเมินว่าก่อนรับวัคซีนจะมีอาการต่างๆตามแบบสอบถามหรือไม่ และนำส่งพนักงานพร้อมกับยื่นบัตรประชาชน เพื่อตรวจสอบสิทธิ์ในการเข้ารับวัคซีน จุดสอง ต่อแถวรอคอยเพื่อให้พนักงานตรวจสอบและยกเลิกในการจองวัคซีนกับโครงการอื่นๆ อย่างนุชได้จองวัคซีนกับโครงการไทยร่วมใจไว้ เขาจึงขออนุญาตเราในการยกเลิกจองเพื่อให้สิทธิ์กับผู้อื่น แล้วเราจะได้รับแบบสอบถามอีกครั้ง ครั้งนี้จะมีให้ระบุอาการน่ากังวลและเราเองอยากปรึกษาแพทย์ก่อนได้รับวัคซีนหรือไม่ จุดสาม รอคอยการวัดความดันก่อนรับวัคซีนพร้อมยื่นเอกสาร ส่วนตัวนุชดีใจมากเพราะปกติความอันอยู่ที่ 80 กว่าๆ อาจจะเพราะการเตรียมตัวของนุช ดื่มน้ำ ทานอาหารครบ 5 หมู่ ตอนแรกนุชลงว่าอยากปรึกษาเรื่องความดันต่ำก่อน แต่พอวัดความดันแล้ว ได้ 93 ดังภาพ ก็คือหายห่วง ได้ฉีดได้เลยไม่เป็นไร แต่ถ้าผู้ใดความดันสูงเกิน 160 จะมีจุดนั่งพักก่อนแล้วจึงวัดอีกรอบจนกว่าความดันจะไม่เกินตามกำหนดถึงสามารถฉีดได้ อย่างพี่ในที่ทำงานนุชความดันสูงพักผ่อนไม่เพียงพอเนื่องจากมีเหตุฉุกเฉินทางบ้านอาจมีความไม่สบายใจด้วย ความดันไม่ยอมลด จึงนัดเป็นอาทิตย์ถัดไป ก็สามารถกลับมาฉีดได้ จุดสี่ วัดความดันผ่านแล้วนั่งรอสักครู่ก็จะได้รับวัคซีน พร้อมกำหนดระยะเวลารอสังเกตุอาการ 30 นาที พร้อมเวลาที่ครบกำหนด สุดท้ายแล้ว หลังจากครบระยะเวลารอสังเกตุอาการ จะมีประกาศชื่อเราให้ไปรับเอกสาร เป็นบัตรบันทึกข้อมูลการฉีดวัคซีน COVID-19 ใบนี้ที่ได้รับควรเก็บไว้ดีๆนะคะ เอาไว้ยื่นในการเข้ารับวัคซีนเข็มที่สอง ซึ่งจะประกาศอีกทีในภายหลังทางsms ที่เราได้ให้เบอร์ติดต่อไว้ ผลที่เกิดขึ้นเมื่อทั้งแผนกของนุชไปฉีดวัคซีนแอสตร้าเซเนก้าพร้อมกัน โดยส่วนใหญ่แล้วจะเกิดผลข้างเคียงกับวัยรุ่นมากกว่าผู้สูงอายุ ในวันนั้นยังสามารถกลับมาทำงานต่อได้ ยังปกติกันทุกคนจนกลับถึงบ้าน ทุกคนมีอาการใกล้เคียงกัน ในเวลา 4 ทุ่ม ไข้ขึ้น หนาวสั่น ปวดหัว แต่สำหรับนุช อาจเป็นเพราะกินน้ำ กินข้าว อัดอาหารเสริมเยอะ [ทานโปรตีน เลซิติน กระเทียม เช้าเย็น เพื่อช่วยเรื่องให้ความดันกลับมาเป็นปกติ] นุชเลยยังปกติ แค่รู้สึกอากาศดูเย็นสบายดี นอนเปิดพัดลม แต่แกลัวสิ่งที่รู้สึกนั้นจะเป็นอาการไข้ขึ้น เลยทานพาราไป 2 เม็ด จนตี 4 รู้สึกคอแห้ง ตื่นมาปวดเมื่อย ปวดตัว ปวดแขน ปวดท้อง ไข้ขึ้น ไม่มีแรง เจ็บหน้าอกตอนหายใจ แรงลุกไปรินน้ำยังไม่มีเลยค่ะ เป็นคืนที่ทรมานมากคืนหนึ่ง และได้ทานพาราต่อ อีกวันพากันลางาน เนื่องจากอาการของคนอื่นๆในแผนกเป็นคล้ายๆนุช แต่นุชก็มีแรงเลย wfh ทำงานทั้งวันได้ แต่ต้องทานพาราต่อเนื่อง เนื่องจากพอครบชั่วโมงฤทธิ์ยาหมด ก็รู้สึกต้องกลับมานอนโทรม แต่พอตกเย็นก็หายแล้วไม่ต้องทานยา อีกวันสามารถเดินทางไปทำงานต่อได้เพียงแค่ผ่าน 2 วันนี้ไป อาการก็กลับมาปกติกันทุกคน เหลือเพียงอาการปวดแขนเท่านั้น และตัวนุชเองก็ทานข้าวได้น้อยลงแบบเห็นได้ชัด ใช้เวลาเป็นอาทิตย์ แต่ก็สามารถกลับมาทานข้าวลงได้เป็นปกติ แต่พ่อแม่ของนุชอายุ 64-65 ปี ไปฉีดแอสตร้าเซเนก้าแล้ว กลับมาปรากฎว่า คุณพ่อ แค่รู้สึกปวดเมื่อยนิดๆ ส่วน คุณแม่ หลับสบายขึ้นจากนอนไม่หลับ (ซึ่งแม่ว่าดีขึ้น ไม่งั้นมีหลับๆตื่นๆบ่อย) และมีความรู้สึกอยากทานข้าวบ่อยขึ้น ส่วนพี่ที่ทำงานอีกสองคน ไปอีกวันหนึ่ง อายุราวๆ 30-40 ปี พี่เขาไม่ค่อยมีอาการอะไรเลย พี่เขาบอกว่า สงสัยอาจเป็นเพราะว่าดื่มน้ำเยอะกันมากๆ อยากจะแชร์ประสบการณ์จากคนใกล้ตัว เพื่อประกอบการตัดสินใจให้สำหรับผู้ที่ยังลังเลที่จะรับวัคซีน 1.มีพี่ที่บริษัท ซึ่งบางครั้งนุชจะมีการประสานงานกับเขา นุชเรียกเขาว่าป้าเพราะอายุเยอะแล้ว ป้าเขาติดโควิด และมีอาการในวันที่ 5/7/2564 มีโรคประจำตัว และเป็นเบาหวานด้วย น่าเสียดายที่ เพียงแค่ 2 วันเท่านั้น ถ้าไม่มีอาการ จะได้ไปรับวัคซีนแล้ว และน่าเสียดายยิ่งกว่าที่ป้าเขาหาเตียงไม่ได้เนื่องจากเตียงเต็ม จนจบชีวิตลงที่บ้านในอาทิตย์ต่อมา 2.พี่คนอื่นๆแผนกป้าเขาก็พลอยติดโควิดกันไปด้วย 4-5 คน ขณะที่บางคนก็ได้รับวัคซีนเข็มแรกไปแล้ว ก็ยังตรวจพบเชื้อ แต่โชคดีที่แสดงอาการน้อย ไม่มีอาการหนักเท่าคนอื่นๆที่ยังไม่ฉีดวัคซีน 3.หลังจากนั้นไม่นาน นุชได้ข่าวว่าพี่ที่ทำงานที่เก่าที่นุชพึ่งย้ายออกมาไม่นาน เขาติดเชื้อโควิด และหาเตียงได้ยากมาก ถ้านุชยังทำงานอยู่คงเป็นเคสที่มีความเสี่ยงสูงเนื่องจากนุชทำงานและรับส่งงานกับพี่เขาโดยตรง 4.และเพื่อนที่ทำงานเก่าอีกแผนกก็ติดเชื้อโควิดเช่นกัน เขาค่อนข้างจะอ้วนมาก เขาบอกว่ามีอาการหายใจไม่ออกและอาการหนักกว่าแม่เขา หาเตียงได้ยากเช่นกัน ทั้งสองคนนี้ติดเชื้อภายในเดือนที่รอฉีดวัคซีนทางเลือก น่าเสียดายที่ติดเชื้อโควิดก่อนฉีด น่าจะวุ่นวายกันทั้งครอบครัว 5.พอเวลาผ่านไปอีก นุชก็ได้ข่าวว่าป้านุชก็ได้ติดโควิด ทั้งๆที่ได้ฉีดวัคซีนแอสตร้าเซเนก้าไปแล้ว 1 เข็ม อาการหนัก ใส่เครื่องให้ออกซิเจน ขนาดหมอยังบอกเลยว่าเปอร์เซ็นต์รอดครึ่งๆ ดีที่ได้เตียงโรงพยาบาลสนาม ดีที่ตอนนี้ปลอดภัยและมีชีวิตอยู่ต่อ จากประสบการณ์ที่นุชเจอ ผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้ว นุชว่าทุกคนก็ดีใจแบบนุชแหละ แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีเคสให้เห็นอยู่ต่อเนื่องว่า วัคซีนทุกชนิดไม่ได้กันติดและกันเสียชีวิตได้ 100% แต่ก็ยังอุ่นใจที่รับวัคซีนแล้วร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันต่อสู้กับเชื้อโรคจริงได้บ้าง จากการที่นุชเป็นคนกรุงเทพ มีผู้คนจำนวนมากในสมัยที่ยอดผู้ติดเชื้อยังน้อย พอเวลาล่วงเลยผ่านไป ก็จะได้ยินข่าวคนใกล้ตัวติดโควิดมาเรื่อยๆ จึงอยากแนะนำคนที่ยังไม่ฉีดหรือคนที่อยู่ต่างจังหวัด เมื่อวัคซีนเข้าถึง อยากให้รีบฉีดทันที ถึงแม้จะเป็นซีโนแวค หรือ แอสตร้าเซเนก้าก็ตาม ถ้าคิดว่าตัวเองจะไม่ติดหรอก อยากจะบอกว่าโควิดเป็นเชื้อโรคที่ใกล้ตัวมากๆเลย อยากให้ลองตัดสินใจกันดีๆนะคะ ลองประเมินความเสี่ยงของตัวเองดูค่ะ ด้วยรักและห่วงใย ถ้าโอกาสมาถึงแล้ว ไปฉีดวัคซีนกันนะคะ ขอบคุณภาพปกจาก : Facebook : Singha Estate ภาพกับประสบการณ์ทั้งหมดในบทความเป็นของนุชรีวิวเองค่ะ 🌟อ่านจบแล้วเข้าไปพูดคุยในคอมมูนิตี้ที่นำเทรนด์ที่สุดในปีนี้ที่ TrueID Community 🪄✨ เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !