สาว ๆ ทุกคนล้วนแต่รักสวยรักงามกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหน้าผม โดยเฉพาะหุ่น เป็นเรื่องที่ใครหลาย ๆ คน เป็นกังวลกัน กลัวว่ารูปร่างของตนเองจะไม่สวย หลายคนพยายามลดน้ำหนักแล้ว แต่ไม่เคยประสบความสำเร็จสักที วันนึงจึงขอแบ่งปันประสบการณ์การลดน้ำหนักส่วนตัวให้กับทุกคน ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าก่อนลดน้ำหนักนั้น ส่วนตัวไม่ถึงกับอ้วน แค่อยู่ในขั้นอวบ ๆ มีเนื้อมีหนังเท่านั้นเอง ส่วนตัวสูง 158 ในตอนนั้นน้ำหนัก 53.5 รูปร่างจะประมาณนี้ ภาพถ่ายโดยนักเขียน ช่วงนั้นตามใจปาก อยากกินอะไรกินทุกอย่าง เสื้อผ้าก็แน่นไปหมด จนวันนึงผู้ชายที่เราแอบชอบมานานหันมาสนใจเราเข้าแล้ว ตอนนั้นตื่นเต้นใจสั่นไปหมด พอเราได้คุยกันบ่อย ๆ เขาบอกกับเราว่า “อยากเห็นเราลดน้ำหนัก จะได้ใส่เสื้อผ้าสวย ๆ ทำได้ไหม” ตอนนั้นหัวใจเราฮึมเหิมมาก ความมุ่งมั่นตั้งใจมาเต็มเปี่ยม และสิ่งแรกที่เราทำนั่นก็คือ ค้นหาข้อมูลการลดน้ำหนักจากอินเทอร์เน็ต พอได้ข้อสรุปมาคร่าว ๆ ว่า การลดน้ำหนักนั้นขึ้นอยู่กับอาหาร 70% และการออกกำลังกาย 30% ตอนนั้นรู้สึกว้าวมาก ที่รู้ว่าแค่เลือกกินอาหารก็ลดน้ำหนักได้ จากนั้นก็เริ่มค้นหาอาหารคลีนในโซเชียลออนไลน์ต่าง ๆ พบว่าอาหารคลีนราคาแพงกว่าอาหารทั่ว ๆ ไปเสียอีก จึงได้ตัดสินใจว่า จะเลือกซื้ออาหารมากินเอง แบบคลีนให้ได้ จากนั้นเริ่มปฏิบัติการในวันถัดไปทันที จะขอบอกเมนูอาหารที่เราทานในช่วงนั้นแบบคร่าว ๆ ดังนี้ - ข้าว + ไข่ต้ม + ผักต้ม + น้ำพริกปลาทู - ส้มตำ + ไก่ย่าง - เกาเหลา - สุกี้ไก่น้ำ - ข้าว + แกงจืดเต้าหู้หมูสับ - ข้าว + แกงส้มกุ้ง - ข้าว + ผัดผักรวมไก่ไร้น้ำมัน - ข้าว + ต้มจับฉ่าย - ยำวุ้นเส้น - ข้าว + ปลาทูย่าง + น้ำพริกกะปิ + ผักลวก - ข้าว + อกไก่นึ่ง + ผักลวก อาหารที่ทานบ่อย ๆ ก็จะมีประมาณนี้ สลับกันไปมา เช้า กลางวัน เย็น แต่เราจะตักข้าวประมาณ 1 ทัพพีครึ่งในทุกครั้ง และแน่นอน ระหว่างวันเราจะต้องหิว อาหารว่างของเราคือ ผลไม้และน้ำเต้าหู้หวานน้อย ซึ่งผลไม้หาซื้อได้ง่าย แต่ควรเลือกผลไม้ที่ไม่ทำให้อ้วนเช่น สับปะรด แตงโม มะละกอ เป็นต้น แต่อย่ากินเยอะมากเชียว ควรกินแค่พอหายอยากเท่านั้น และน้ำเต้าหู้ก็หาได้ตามตลาดและใน 7-11 ก็มี เมื่อเราลองกินอาหารเหล่านี้ได้ 3-4 วัน เริ่มรู้สึกใจร้อน อยากจะลดให้ได้เร็วขึ้น จึงเริ่มคิดที่จะออกกำลังกาย ตัดสินใจไปวิ่ง แต่ในวันแรกวิ่งแทบไม่ได้ เหนื่อยหอบ จึงเปลี่ยนเป็นเดินแทน เดิน ๆ วิ่ง ๆ ประมาณ 20 นาที ได้ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร ทำแบบนั้นอยู่ประมาณ 1 สัปดาห์ ตอนนั้นไม่กล้าชั่งน้ำหนัก เนื่องจากกลัวไม่ลด จึงตั้งใจว่าทำให้ครบ 1 เดือน แล้วชั่งทีเดียวไปเลย เมื่อเข้าสัปดาห์ที่ 2 เริ่มพัฒนา เดิน ๆ วิ่ง ๆ ได้วันละ 3 กิโลเมตร ตอนนั้นรู้สึกดีมาก ๆ จากนั้นสัปดาห์ที่ 3 พัฒนาการเราดีขึ้นมาก เราสามารถวิ่ง 3 กิโลเมตรได้โดยไม่หยุดเดิน ตอนนั้นรู้สึกดีใจกับตัวเองอย่างมาก และตั้งใจจะทำให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ เข้าสัปดาห์ที่ 4 หรือครบ 1 เดือน ต้องบอกก่อนว่าเราไม่มีหลุดเลย ไปวิ่งสม่ำเสมอ ประมาณสัปดาห์ละ 5-6 วัน แล้วเรื่องอาหาร เราไม่หลุดไปกินของหวาน ของทอดเลย เมื่อไปชั่งน้ำหนักในรอบ 1 เดือน ปรากฏว่าาาภาพถ่ายโดยนักเขียน นักหนักลงมาเหลือ 50.8 จาก 53.5 เท่ากับว่า ลดมา 2.7 กิโลกรัม ตอนนั้นดีใจมาก มีพลังที่จะไปต่อ ตั้งเป้าหมายไว้ว่า จะไปให้ถึง 48 กิโลกรัมให้ได้ ตอนนั้นจำได้ว่า เปิดฟังยูทูบทุกวัน หาแรงบันดาลใจ หาวิธีการออกกำลังกาย วิธีการวิ่ง วิธีการกินอาหาร ตอนนั้นเหมือนเสพติดสิ่งเหล่านี้ไปเลย พอดูยูทูบบ่อย ๆ หาความรู้เพิ่มเติมมากขึ้น ค้นพบว่าเราต้องเวทเทรนนิ่ง เพื่อให้ร่างกายเฟิร์มและกระชับ เมื่อเข้าสัปดาห์ที่ 5 จึงตัดสินใจทำบอดี้เวทตามยูทูบทุกวันหลังจากวิ่งเสร็จ ลืมบอกไปว่าในสัปดาห์ที่ 5 เราวิ่งได้วันละ 4-5 กิโลเมตรโดยไม่ต้องหยุดพัก ตอนนั้นปลื้มใจกับตัวเองมาก ในช่วงสัปดาห์ที่ 6 เราวิ่งเหมือนเดิม วันละ 4-5 กิโลเมตร และทำบอดี้เวทตามยูทูบ 10 นาที เรื่องอาหารเราไม่เคยหลุดเลย เราใจแข็งมาก ๆ พอถึงสัปดาห์ที่ 7 เราลองมานับวันดูทำให้รู้ว่า เราออกกำลังกายมาทั้งหมดประมาณเกือบ 2 เดือนแล้ว จึงตัดสินใจไปชั่งน้ำหนักอีกครั้ง ปรากฏว่าาาาภาพถ่ายโดยนักเขียนตอนนั้นดีใจมากที่สุด ไม่คิดว่าจะมาถึงเป้าหมายได้จริง ๆ ดีใจมาก ๆ ช่วงนั้นคนทักเยอะมากว่าผอมลง เราถือว่าตัวเองประสบความสำเร็จในการลดน้ำหนักครั้งนี้ มาดูรูปหลังลดน้ำหนักสำเร็จภาพถ่ายโดยนักเขียนนี่คือผลลัพธ์ของเราเอง ลดมา 5.2 กิโลกรัม ในเวลา 7 สัปดาห์ โดยไม่เคยอดอาหารสักมื้อ ย้ำ! ไม่เคยอดอาหารแม้แต่มื้อเดียว ไม่ต้องใช้เงินเยอะแยะอะไร เราใช้ความมุ่งมั่นและอดทน หากวิธีของเราอาจจะไม่ถูกต้อง หรือมีส่วนไหนไม่เหมาะสม ต้องขออภัยทุกท่านมา ณ ที่นี้ อยากให้ทุกคนที่ต้องการลดน้ำหนัก มุ่งมั่นและอดทนทำให้ได้