แจ้งตรงนี้ก่อนว่า เราไปมาหลายเดือนแล้ว ก่อนที่ Covid - 19 จะระบาด ท้าวความก่อนว่า หมวดของเรามีการแลกเปลี่ยนนักเรียน และครูเพื่อมาเรียนรู้วัฒนธรรมระหว่างสิงคโปร์ และไทย ซึ่งเป็นปีที่เราต้องส่งนักเรียนเราไปสิงคโปร์ เพื่อเรียนรู้ และแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม เราสนใจนะ ถึงขั้นว่าขอแฟนไป แฟนอนุญาต เราก็บอกหัวหน้าโครงการนี้ เค้าก็โอเคให้เราไป ถึงวันก่อนที่จะไปประมาณ 3 - 4 วัน ก็มีการประชุมเตรียมงาน เตรียมอุปกรณ์ เช่น ป้ายชื่อนักเรียน แฟ้มใส่ปากกา และดินสอ ส่วนเราก็นั่งหาข้อมูลต่าง ๆ นานา ที่เกี่ยวข้องกับสิงคโปร์ (ซึ่งส่วนมากจะเป็นกระเป๋ามากกว่า) เราจะขอเล่าความรู้สึกเป็นข้อ ๆ ดังนี้นะคะ 1. จัดกระเป๋าเดินทาง เคยจัดกระเป๋าแค่ไปเที่ยว และไปลูกเสือ เลยงงว่าอ้าวเเล้วเราต้องเตรียมอะไรบ้าง แต่เราพอมีความรู้ว่า น้ำห้ามขึ้นเครื่องเกิน 100 มิลลิลิตร เราก็เลยเอาไปให้น้อยที่สุด ซื้อครีมแบบซองพกพา และเครื่องสำอางค์ที่แต่งแล้วรอดเท่านั้น เราคิดแค่ว่าถ้ามันหมด เราก็ไปซื้อสิ ถือโอกาสได้ใช้ของต่างประเทศ (ใช้แล้วทิ้งนะ เผื่อมันแพ้) แล้วจัดเสื้อผ้าพออยู่รอด โชคดีที่พวกชุดกลางวันมีการกำหนด Theme ก็เลยไม่คิดมากเรื่องการแต่งตัว2. เมื่ออยู่สนามบินแบบงง ๆ สนามบินใหญ่มาก เราก็ต้องไป Check in ที่หน้าเคาน์เตอร์ เราก็ทำไม่เป็นอาศัยสัเกตการกระทำของคนข้าง ๆ แล้วเราก็ทำตาม ผ่านได้ด้วยดีค่ะ แต่มีปัญหาแค่น้ำหนักกระเป๋านิดหน่อย เพราะนักเรียนบางคนตัวกระเป๋าหนักมาก เราก็ลาแฟน แล้วไปรอเพื่อขึ้นเครื่องบิน เราตื่นเต้นแค่ว่า ถ้าเครื่องบินมันขึ้นสู่ท้องฟ้า มันจะเสียวท้องมั๊ย มันจะเหมือนเล่นไวกิ้งมั๊ย เรียกอีกอย่างก็คือกลัวค่ะ 3. อยู่ในเครื่องบินเป็นยังไงน้า ? รู้สึกโหวง ๆ ที่ท้อง และมองนอกหน้าต่าง ก็เห็นท้องฟ้า และก้อนเมฆสวยใส แต่เราก็หงุดหงิดเพราะเราหูอื้อ และมีอาการปวดหัวเพราะว่าเรากินข้าเช้าน้อย (เรากลัวปวดท้องบนเครื่องบิน) จากนั้นเราก็ได้ใบอะไรไม่รู้จากพี่แอร์โฮสเตส พอเราอ่านปุ๊ป เราก็ร้องอ๋อ ใบนั้นก็คือ ใบตม. เราก็กรอกไปแล้วเก็บไว้ที่พาสปอร์ตในความเข้าใจของเราคือเหมือนยืนยันตัวตนว่า เรามาดีน้า เราไม่ได้เป็นอาชญากร แน่นอนว่าห้ามเปิดอินเตอร์เน็ตมือถือ เราก็ฟังเพลงวนไป เมื่อถึงที่หมาย เรารู้สึกสนุกตรงที่เครื่องบินลงจอด ให้ความรู้สึกโหวงท้องดี ก็ถึงประเทศสิงคโปร์ 4. ความรู้สึกเมื่ออยู่สิงคโปร์ ในความคิดเราในตอนนั้น เราคิดว่าประเทศสิงคโปร์ค่อนข้างเหมือนประเทศจีน อาหารอร่อยนะ แต่เราเป็นคนทานอะไรค่อนข้างยาก เราก็เลยไม่กล้ากินอะไร แต่ครูที่สิงคโปร์ที่เราไปแลกเปลี่ยน เป็นคนดีมาก ดูแลดีแถมมีมุกตลก ๆ ให้ฟังด้วย มีครูท่านหนึ่งกระซิบกับเราว่า เมื่อมาถึงที่ขนาดนี้ ต้องรีบซื้อกระเป๋า Charles & Keith เยอะ ๆ (เพราะที่สิงคโปร์ราคาถูกมาก แต่เราต้องเผื่อเงินไปซื้ออย่างอื่นด้วย) ส่วนสถานที่ที่เราไปก็มีเด่น ๆ คือ Garden By The Bay แต่เดินแค่รอบนอก และโชคดีมีการแสดงโชว์แสงไฟตามต้นไม้ที่จัดไว้ Universal Studio ไม่ได้ไปเล่นกับเด็ก ๆ เพราะพวกเขาชอบเล่นเครื่องเล่นโลดโผน แต่เราได้ไปเล่น Transformers และล่องแก่ง Orchard Road เป็นแหล่ง Shopping เด็ก ๆ ใช้เงินอย่างเพลิดเพลินมาก โดยเฉพาะนักเรียนชายที่ชอบซื้อรองเท้า แน่นอนว่า Signature ที่เราต้องไปคือ Merlion Park ที่ต้องไปถ่ายรูปกับสิงโต Merlion คนที่นั้นเยอะมาก เพราะเป็นจุดถ่ายรูป วิวสวยมาก แถมลมดีด้วยค่ะ 5. นักเรียนที่สิงคโปร์ นักเรียนที่เราไปแลกเปลี่ยนนั้น ก็ให้ความรู้สึกเหมือนโรงเรียนนานาชาติ มีสถานที่ ที่เอาไว้สำหรับเคารพธงชาติ และกิจกรรมต่าง ๆ จากนั้นก็มีการประกาศกิจกรรมต่าง ๆ และถ้ามีนักเรียนคนไหนได้รับรางวัล ก็จะประกาศ และชื่นชมตรงนั้นเลย เป็นอะไรที่ดีมาก ๆ มีกิจกรรมต่าง ๆ ที่นักเรียนสามารถเลือกได้ตามความสนใจ และบางกิจกรรมสามารถฝึกทำเป็นอาชีพได้ด้วย เป็นประสบการณที่ดีมากสำหรับเราในการไปเมืองนอกครั้งแรกของชีวิต ได้สัมผัสความเป็นอยู่ของผู้คน สัมผัสบรรยากาศของเมืองนอก และได้สัมผัสประสบการณ์การขึ้นเครื่องบิน ทำให้เราได้เปิดกะลาของตัวเองมากขึ้น และได้รับแรงบันดาลใจในการทำงานมากขึ้นมากกว่าเดิมแบบไม่รู้ตัว และบอกกับตัวเองว่าถ้ามีโอกาสจะไปเที่ยวที่สิงคโปร์อีก แบบไปเที่ยวจริง ๆ ภาพทั้งหมดถ่ายโดย WSRT