บทความนี้เกิดขึ้นเพราะข้างบ้านและทีวี มารวมกันได้ยังไงเหรอคะ? เรื่องของเรื่องก็คือ ป้าข้างบ้านมาถามเรื่องปลูกต้นกัญชากับแม่ในตอนเช้า พอตกบ่ายเรานั่งดูทีวีตามปกติ แล้วมีสายออนไลน์เข้าไปปรึกษาทนาย เพราะโดนจับเรื่องต้นกระท่อมที่ปลูกในบ้าน ทั้งสองเรื่องมาเกี่ยวข้องกันได้ยังไง? ตามไปอ่านกันเลยจ้า…เริ่มจากป้าข้างบ้าน มาถามแม่ว่าต้นกัญชาที่เขาพูดกันในทีวี หรือว่าเป็นข่าวทุกวันนี้ปลูกได้แล้วหรือยัง? ด้วยความที่พวกเราเป็นเกษตรกร และเห็นว่าเป็นต้นไม้ที่พูดถึงกันเยอะ และมีสรรพคุณทางยาด้วย จึงเป็นหัวข้อในการสนทนาระหว่างข้างบ้านแม่ก็เลยมาถามเรา... เราจึงบอกแม่ให้ไปบอกป้าด้วยว่า “ปลูกไม่ได้เด็ดขาด!!” และบอกต่อ ๆ กันไปด้วยนะ เพราะยังคงเป็นสารเสพติดชนิดต้องห้ามและผิดกฎหมายเหมือนเดิม ส่วนที่ได้ยินมาว่ามีสรรพคุณทางยา ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเหมาะกับทุกคน จะนำมาใช้ได้ก็ต้องให้แพทย์เป็นผู้สั่งเท่านั้น!!แล้วบังเอิญว่าบ่ายในวันเดียวกัน เราก็นั่งทำงานและดูทีวีตามปกติ เปิดทีวีมาเจอกับรายการ "สายด่วนรัฐสภา" ได้พูดถึงเรื่องนี้เอาไว้ สิ่งที่น่าสนใจของรายการคือ ระหว่างออกอากาศจะมีทนายมาให้คำปรึกษากันแบบสด ๆ โดยผู้มีปัญหาทางกฎหมายในด้านต่าง ๆ สามารถโทรปรึกษาทนายแบบออกอากาศได้เลย เทปนี้ออกอากาศสดในวันที่ 27 เมษายน 2563 เวลา 13.00 น. ทางช่อง 10 ซึ่งทางรายการได้นำเทปมาลงใน youtube ให้เราได้ศึกษาย้อนหลังกันด้วย เพื่อน ๆ สามารถติดตามได้ที่ link นี้นะคะ https://www.youtube.com/ ประมาณนาทีที่ 42 ค่ะ และเรื่องโดยสรุปมีอยู่ว่า ...พี่ผู้ชายคนนี้ ถูกตำรวจแจ้งข้อหามีต้นกระท่อมในบ้าน 1 ต้น โดยตำรวจนำใบกระท่อมจากต้นมาชั่งรวมกัน แล้วแจ้งข้อหามีสารเสพติดในครอบครองตามปริมาณที่ชั่ง จึงมีคำถามมายังทนายว่าผิด/ถูกอย่างไร เพราะไม่ได้ปลูกไว้เพื่อจำหน่าย และจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไรดี?พอเราได้ยินแบบนี้ จึงเรียกแม่มานั่งฟังด้วยกันทันที เพราะน่าจะเข้าข่ายกับคำถามที่ว่า “ปลูกกัญชาได้ไหม?” ตามบทสนทนาข้างต้นทนายอธิบายก่อนเลยว่า “ต้นกระท่อม” จัดอยู่ในจำพวกสารเสพติด ดังนั้นห้ามมีในครอบครองเด็ดขาด แม้จะปลูกเอาไว้ในบ้านเพียง 1 ต้นก็ตาม และท่านก็เอ่ยถึง “ต้นกัญชา” ด้วย คล้ายกับว่าคือกรณีเดียวกัน ส่วนคำว่า “ไม่ได้ปลูกไว้เพื่อขายหรือจำหน่าย” ท่านอธิบายว่า การที่เราปลูกไว้ในบ้าน เท่ากับมีโอกาสในการส่งต่อกับผู้อื่นได้ เช่น มีเพื่อนบ้านมาเห็น แล้วเด็ดใบไป 1 ใบ ก็จะเข้าข่ายในคำว่า “จำหน่าย” แล้ว โดยคำว่า “จำหน่าย” นี้ ไม่ได้ให้หมายความเฉพาะคำว่า “ขาย” เท่านั้น ดังนั้นตำรวจจึงเข้าแจ้งข้อหาได้อย่างถูกต้องมีคำถามต่อไปว่าทีนี้จะต้องทำอย่างไร? ซึ่งทนายแจ้งว่า ก็ต้องเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย ตำรวจก็จะเขียนสำนวนส่งฟ้อง และศาลท่านจะเป็นผู้ตัดสินว่าจะต้องเสียค่าปรับเป็นจำนวนเงินเท่าไร?... ใจความสำคัญก็เป็นไปตามที่กล่าวมาทั้งหมด ซึ่งนั่นก็คือ ต้นไม้ที่จัดอยู่ในประเภทสารเสพติด ประชาชนคนทั่วไปอย่างเรา ๆ ห้ามปลูกด้วยประการทั้งปวง ถือว่าผิดกฎหมายด้วยกันทั้งสิ้น!!เราย้ำกับแม่ เพื่อให้แม่ได้บอกต่อ ๆ กันไปว่า ในข่าวเราอาจเห็นว่ามีการปลูกกัญชาอยู่บ้าง แต่ต้องฟังและดูตั้งแต่ต้นจนจบ ว่าใครเป็นคนปลูก? และทำไมจึงปลูกได้? คำตอบก็คือ เนื่องจากกัญชาถูกนำมาใช้ทางการแพทย์ ดังนั้นผู้ที่จะปลูกได้ ต้องได้รับการอนุญาตเป็นการเฉพาะเท่านั้น เหตุผลก็คือเพื่อใช้ในการค้นคว้าวิจัย และจัดการเรียนการสอนสำหรับแพทย์และเภสัชกร ซึ่งต้องมีใบอนุญาตให้ปลูกอย่างถูกต้องด้วย นอกเหนือจากนี้ จะถือว่าผิดกฎหมาย เนื่องจากมีสารเสพติดในครอบครองมาถึงตรงนี้ ไม่ใช่เฉพาะแม่เท่านั้นที่เข้าใจ ตัวเราเองก็เข้าใจมากขึ้นด้วยเช่นกัน สำหรับโทษตามกฎหมาย หากเป็นในส่วนของการครอบครอง มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถือว่าเป็นอัตราโทษที่สูงเอามาก ๆ เลยทีเดียวขอขอบคุณภาพจาก pixabay : ภาพปก : 7raysmarketing / Pic 1 : cytis / Pic 2 : leokiru / Pic 3 : WikimediaImages / Pic 4 : QuinceCreative / Pic 5 : GDJ