แม้ช่วงหลังพิกซ่าร์ทำหนังการ์ตูนหลายเรื่องออกมาได้ดี ดูสนุกทุกเพศทุกวัย แต่เราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ดิสนีย์ก็ยังคงครองความเป็นมือหนึ่งในโลกการ์ตูนไว้ได้อย่างเหนียวแน่น หลายปีก่อน FROZEN ผจญภัยแดนคำสาปราชินีหิมะ ทำให้โลกแฟนตาซีเจ้าหญิงเจ้าชายกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง บางคนถึงกับว่าหนังเรื่องนี้มาช่วยชุบชีวิตสตูดิโอดิสนีย์ไว้ทีเดียว ไม่เพียงแต่ตัวหนังทำรายได้ถล่มทลาย แต่ตัวสินค้าที่ระลึกต่างๆ ก็ขายดีไม่แพ้กัน มาในปีนี้ดิสนีย์ส่งภาคต่อ FROZEN 2 เข้าโรงฉาย ดิสนีย์ประเทศไทยเลยร่วมกับ KING POWER จัดแคมเปญ King Power and Disney's Frozen 2 Magical Journey ให้ไปร่วมสัมผัสบรรยากาศการผจญภัย ความสนุกสดใส และร่วมทำกิจกรรม workshop ต่างๆ โอกาสดีมาถึงเช่นนี้ ผู้เขียนที่เป็นแฟนคลับดิสนีย์คนหนึ่ง ย่อมไม่พลาดโอกาสไปเที่ยวชมแน่นอน งานเปิดให้เข้าชมฟรี แต่แวะรับสติ๊กเกอร์ติดเสื้อตรงซุ้มประตูเข้ากันก่อน มีการตรวจเช็กสัมภาระก่อนเข้างานด้วย แอบกระซิบนิดหนึ่งว่า นำเสื้อแขนยาวไปด้วยนะ เพราะบรรยากาศในงานเย็นเข้ากับบรรยากาศในหนังเลยทีเดียว ส่วนแรกที่เราเจอเป็น Village Square จำลองหมู่บ้านเมืองหนาวมาไว้ที่นี่ จริงๆก็เป็นซุ้มเล่นเกมชิงรางวัล อยากเข้าไปเล่นบ้างเหมือนกันแต่กลัวแพ้เด็ก เลยได้แต่ยืนดูห่างๆแทน อันนี้อยากแย่งเด็กเล่นมาก ตกปลาให้อาหารแมวน้ำ ใครหิวมีซุ้มอาหารให้แวะทานรองท้อง เรามาถึงส่วนโซนแรกของงาน Welcome to Arendelle จุดนี้เราสามารถถ่ายรูปเก๋ๆคู่กับปราสาท ในวันที่มีกิจกรรม ลานว่างด้านหน้าจะถูกใช้เป็นที่จัดแสดง ระเบียงทางเดินปราสาท มีพร็อพให้ออกท่าถ่ายรูปได้มากมายหลายแนว โซนที่ 2 คือป่าต้องมนตร์ ใครที่ดูหนังมาแล้วคงรู้จักหิน 4 ก้อนนี้ดี โซนนี้จะหยิบใบไม้มาโปรยประกอบตอนถ่ายภาพก็ไม่ผิดกติกาแต่ประการใด แอนนาาาาา อ้อ เขามีกิจกรรมให้เล่นกันด้วย ใครตามหาตัวละครทั้งสี่เจอ ถ่ายรูปไว้นำไปรับรางวัลได้เลย แต่ถ้าไม่เจอจริงๆ แอบถามทีมงานที่ประจำจุดต่างๆก็ได้ พี่ๆน้องๆใจดีทุกคน ออกจากป่ามาเจอภูเขา โซนนี้ตีผนังสองข้างให้เหมือนเราเดินอยู่ในหุบเขาคับแคบ วกวนคล้ายเขาวงกต โซนถัดมา The Elements โซนนี้ถือว่าเป็นไฮไลท์ของงาน เป็นห้องกระจกที่มีหลอดไฟจำลองคล้ายผลึกหิมะแขวนเต็มไปหมด ห้องนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากฉากที่เอลซ่าตามหาพลังของตัวเอง ใช้เวลาราวห้านาที ออกจากห้องมาพบโซนสุดท้าย Memory Lane เป็นร้านจำหน่ายของที่ระลึกซึ่งไม่ได้มีแต่จากเรื่อง Frozen อย่างเดียว มีจากเรื่องอื่นมาด้วย และตรงทางออกนี้เองมีจุดถ่ายรูปสำคัญ ใครมาเป็นต้องแวะถ่าย แถมบางคนต้องทำท่าเดียวกับเอลซ่าด้วยสิ วันที่ผู้เขียนไปนั้นมีโซนหนึ่งยังไม่ได้ให้บริการ นั่นคือ Spirit of Nature คาดว่าโซนนี้คงเน้นแสงสีไม่แพ้โซน The Elements ไว้รอวันว่างๆ ผู้เขียนจะกลับไปชมใหม่อีกรอบ ใครสนใจไปงานนี้ หรือจะพาลูกพาหลานไป งานจัดแสดงถึงวันที่ 15 มกราคม 2563 โดยเปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่ 9.00-21.00 น. ในวันเสาร์อาทิตย์จะเปิด 10.00 น. การเดินทางนั้นก็แสนง่าย นั่ง BTS ลงสถานีอนุสาวรีย์ชัย ออกทางออกเซ็นจูรี่ ลัดเข้าซอยข้างเซ็นจูรี่เดินไม่นานก็เห็นโดมกลมๆแล้ว วันหยุดหรือวันเด็กปีหน้า ไม่รู้พาเด็กไปเที่ยวไหนลองมาที่นี่ได้นะ มีกิจกรรมให้ทำเยอะแยะ ได้ความสนุกความสุขกลับไป ไม่มีผิดหวังกันแน่นอน