สวัสดีค่ะคุณ ๆ ในช่วงโควิด ปิดเมืองอย่างนี้ มองในมุมบวกคือ สมาชิกในครอบครัวได้ใช้เวลาทำกิจกรรมร่วมกัน ทำอาหารทานด้วยกันอย่างอบอุ่น พลันให้เกิดไอเดียเมนูในความทรงจำ โลดแล่นออกมาจากอดีตอันสุขสรรค์ของเรา ฉันถือกำเนิดมาในครอบครัวฐานะปานกลาง ค่อนไปทางอัตคัด โชคดีอยู่บ้างที่แวดล้อมไปด้วยสังคมเกษตรกรรม มีพี่ ป้า น้า อา เป็นชาวสวนผักริมคลองภาษีเจริญ ย่านบางแค ถึงรายได้ไม่มาก แต่เราไม่เคยอด ผัก ปลา มีให้กินอุดมสมบูรณ์ ที่จะต้องใช้เงินซื้อ คงมีเพียง หมู ไก่ และเครื่องปรุงรสเท่านั้น ชีวิตเด็กบ้านสวนของเรา 4 พี่น้อง ในวันโรงเรียนหยุด เราจะเล่นผจญภัย ลุยน้ำ แช่โคลนกันอยู่ในท้องร่องสวนหลังบ้านบ้าง ในคลองหน้าบ้านบ้างเป็นที่สำราญบานใจ ไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาว กับความลำบากยากเข็ญในการหาเงินของพ่อแม่กันสักเท่าไร ตอนนั้นฉันอายุ 9 ขวบ หลังจากเพลิดเพลินลอยคอเล่นน้ำคลองจนใกล้ค่ำ เพิ่งรู้สึกแสบ คันที่แผ่นหลัง จึงรีบขึ้นมาให้แม่ดู มีเม็ดตุ่มเล็ก ๆ ใส ๆ ขึ้นเป็นสายจากสะบักขวา พาดผ่านกระดูกสันหลังไป แม่ทาแป้งยาเย็น ๆ ให้ก็ยังไม่ทุเลา เช้าวันรุ่งขึ้นความเจ็บปวดทรมานได้เริ่มโจมตี จนต้องรีบไปคลีนิคคุณหมอ ดูท่าทางแม่เครียดมากขึ้นเมื่อคุณหมอบอกว่า ฉันเป็นงูสวัด ฉันจะเจ็บปวดมากขึ้นอีกหลายวัน ไม่มียาเฉพาะโรค ต้องรักษาไปตามอาการในแต่ละวัน คุณหมอบอกฉันว่า หนูต้องอดทนนะ...นอกจากความเจ็บปวดแผลชนิดลงลึกถึงกระดูกแล้ว ฉันยังต้องเผชิญกับความหวาดวิตกเรื่องความเชื่อที่ว่า ถ้างูสวัดพันรอบตัวเมื่อไร...ฉันจะตาย แม่...พระอรหันต์ผู้แสนประเสริฐของฉัน เจ็บปวดมากกว่าฉันมากมายหลายเท่า ถ้าเจ็บแทนกันได้ แม่ไม่รีรอแน่นอน นอกจากต้องดูแลพี่และน้องของฉันแล้ว แม่เฝ้าดูแลลูกป่วย ทั้งวันทั้งคืน ทายาที่แผล ให้ยาแก้ปวด เช็ดตัวลดไข้ ......กราบหัวใจ กราบเท้าแม่จ้ะ วันนั้นแม่ต้องเจียวน้ำมันหมูไว้ใช้ในครัว มันหมูในกะทะกำลังคายน้ำมันออกมาเดือดปุกปักด้วยความร้อน ฉันจำต้องย้ายตัวเองออกไปนอนเล่นที่ใต้ซุ้มกอไผ่ริมคลองหน้าบ้าน เพราะมีความเชื่ออีกอย่างคือ ถ้าเป็นแผลพุพอง ห้ามโดนไอความร้อนจากกะทะน้ำมัน ( ความจริงคงเป็นกุศโลบายของคนโบราณ ที่กลัวน้ำมันปะทุมาโดนซ้ำแผลเดิมเข้าไปอีกมากกว่า) ทั้งที่รู้สึกหอมแต่ต้องหนีด้วยความกลัว ในที่สุดก็ได้น้ำมันหมูใหม่ ๆ ใส่หม้ออวยไว้ พร้อมกับกากหมูหอม กรอบจานใหญ่ แม่จัดการทำเมนูสุดโปรดของลูกๆ ‘ กากหมูผัดพริกกะปิ ‘ เครื่องปรุงประกอบด้วย กากหมูเจียวใหม่ กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ หัวหอมแดง 2 หัว พริกขี้หนูตามชอบ น้ำตาลมะพร้าว 1 ช้อนโต๊ะ ใบมะกรูดฉีก ขั้นตอนแรก. โขลกกะปิ หัวหอม พริก ให้พอแหลก ตั้งกะทะ ใส่น้ำมันนิดหน่อย ตักเครื่องที่โขลกไว้ลงผัดน้ำมันให้หอม ใส่น้ำตาล ผัดให้เข้ากันดีแล้วจึงใส่กากหมู รีบคนคลุกเคล้าเร็วๆในกะทะ และใช้ไฟอ่อนๆเพื่อกันไหม้ สุดท้ายใส่ใบมะกรูดฉีก ตักใส่จานพร้อมเสิร์ฟ ผัดกากหมูรสหวานเค็ม กรอบ หอม ทานกับข้าวร้อนหรือเย็น ก็อร่อยเลิศลืมโลก ทำง่ายและราคาประหยัดมาก ๆ ฉันตักผัดกากหมูใส่หัวจาน มานั่งกินที่ใต้ซุ้มไผ่ริมคลอง ลมยามเย็นพัดใบไผ่เสียงพริ้วพริ้ง ตะวันกำลังราแสงลง อาบริ้วคลื่นเป็นสีทองประกาย ความเจ็บปวดสุดขั้วหัวใจและความกลัวตายแบบเด็ก ๆ จากพิษงูสวัดในวันนั้น ได้ถูกบรรเทาลงด้วย ข้าวกับกากหมูผักพริกกะปิ ที่บ้านริมคลองแสนสุขนั่นเอง... แล้วพบกันใหม่นะคะ ภาพประกอบโดยผู้เขียน