ภูเขาทองหรือวัดสระเกศฯ ได้รับความนิยมและเป็นที่เรื่องลือมากๆ ในช่วงเทศกาลลอยกระทงของทุกๆปี แต่การมาเที่ยววันสระเกศหรือภูเขาทองในช่วงหน้าหนาวเป็นประสบการณ์ที่ดีเช่นกันภูเขาทองในช่วงเช้าวันอาทิตย์นั้น มีผู้คนไม่พลุกพล่านมากผู้มาเยื่ยมชมวัดสระเกศ นอกจากจะสามารถชมความสวยงามของตัวยอดภูเขาทองแล้ว ยังสามารถสักการะพระพุทธรูปที่อยู่ในบริเวณวัด ไม่ว่าจะเป็น พระอุโบสถวัดสระเกศ หรือ พระวิหารหลวงพ่ออัฏฐารส ได้อีกด้วยเมื่อสักการะพระพุทธรูปด้านล่างเสร็จแล้วสามารถเดินตามขั้นบันไดขึ้นไปสู่ภูเขาทอง ทางเดินขึ้นนั้นไม่ได้ชันจนเกินไป สามารถเดินไปถึงตัวพระบรมบรรพต (ภูเขาทอง)ได้ใน 10-15นาทีโดยระหว่างทางมีร้านกาแฟที่สามารถ ซื้อกาแฟและของว่างเพื่อดื่มและรับประทานหรือสามารถนั่งพักได้ เมื่อเข้ามาด้านในเจดีย์ สามารถสักการะพระพุทธรูปและเดินตามไปยังป้ายที่เขียนว่า "ทางขึ้นสวรรค์'เมื่อเดินขึ้นบันไดไปจะพบกับพระบรมบรรพต (ภูเขาทอง) ที่สามารถสักการะและถวายผ้าแดงเพื่อสิริมงคลนอกจากนั้นยังสามรถชมบรรยากาศรอบเมืองกรุงเทพฯและถ่ายภาพเมืองกรุงเทพฯจากมุมสูงได้อีกด้วย เมื่อถ่ายรูปและชมบรรยากาศใจหนำใจแล้ว ทางลงจะพบกับส่วนจัดแสดงจำลองเหตุการเมื่ออหิวาตกโรคได้ระบาดอย่างหนักในประเทศไทยสมัย ราชกาลที่ 5 มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมากและไม่มีสถานที่เพียงพอที่จะฌาปนกิจศพจึงต้องลำเรียงศพออกทางประตูผีและให้อีกามากินศพจนหมดสิ้น ทางวัดจึงได้นำรูปปั้นอีกาและผู้เสียชีวิตมาจัดแสดงและอธิบายเหตุการณ์ดังกล่าววัดสระเกศราชวรมหาวิหาร (ภูเขาทอง) นอกจากจะเป็นสถานที่สำคัญที่พุทธศาสนิกชนมักจะเดินทางมากราบไหว้และสักการะ ยังเป็นจุดชมทิวทัศน์อันงดงามของเมืองกรุงได้อีกด้วย วัดสระเกศหรือภูเขาทองยังแสดงถึงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมทองประไทยตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 และมีอายุมากกว่า 200 ปี เป็นสถานที่จัดงานประเพณีสำคัญๆ ของประเทศไทยไม่ว่าจะเป็น งานสงกรานต์ หรืองานลอยกระทง ผู้เยี่ยมชมสามารถชมการแสดง ซื้ออาหารไทยทั้งคาวและหวาน อย่างไรก็ตามการมาเที่ยววัดสระเกศในยามที่ไม่มีงานนั้นสะดวกสบายต่อการสักการะพระพุทธรูป ดื่มด่ำความเงียบสงบของเมืองและลมเย็นสบาย รวมไปถึงถ่ายรูปวิวทิวทัศน์ที่สวยงามได้อีกด้วย ไม่แปลกใจที่นอกจากจะมีคนไทยเยี่ยมชมและสักการะเป็นจำนวนไม่น้อยตลอดปี ยังเป็นสถานที่ที่ชาวต่างชาติมักจะแวะเวียนมาอีกด้วย