สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะมารีวิวน้ำหอมแบรนด์ Diptyque ทั้งหมด 17 กลิ่น ที่เราเคยดมและใช้อยู่บางตัวนะคะ ต้องขอเกริ่นก่อนว่า Diptyque เป็นแบรนด์จากประเทศฝรั่งเศสที่ทำเครื่องหอมโดยเฉพาะ โดยกลิ่นของแบรนด์นี้ค่อนข้างมีความซับซ้อนและค่อนข้างแปลก อธิบายกลิ่นยาก ต้องเรียนรู้กลิ่น เมื่อดมครั้งแรกอาจจะไม่ชอบ พอดมไปดมมารู้สึกชอบ ซึ่งกลิ่นของแบรนด์นี้เป็นกลิ่นแนวธรรมชาติ เขียวๆๆๆๆ ถ้าคนชอบก็น่าจะชอบเลย แต่ถ้าคนไม่ชอบก็น่าจะไม่ชอบเลย สำหรับเราที่สนใจแบรนด์นี้เนื่องจาก Storytelling ของตัวแบรนด์และที่มาของกลิ่นต่าง ๆ ว่าคิดค้นมาได้ยังไง รวมถึงลวดลายของ Packaging ที่สวยงาม ในบทความนี้เป็นการรีวิวตามความคิดเห็นส่วนตัวของเรา (ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องน้ำหอม) ซึ่งน้ำหอมแต่ละกลิ่นค่อนข้างซับซ้อน และการอธิบายกลิ่นอธิบายได้ค่อนข้างยาก หากใครสนใจที่จะซื้อแนะนำว่าควรไปลองทดลองดมกลิ่นด้วยตัวเองนะคะ GERANIUM ODORATA EDT เราดมจากกระดาษเทส กลิ่นเปิดคือกลิ่นเหม็นเขียวออกหญ้าแฝกและมะกรูดนิดหน่อย Middle note กลิ่นออกตะไคร้ แต่จริง ๆ มันคือกลิ่นของ Geranium ซึ่งมีกลิ่นคล้ายตะไคร้จากการที่เราหาข้อมูลมา แต่กลิ่นจากประสาทการรับรู้ของเราคือตะไคร้ สไตล์สมุนไพร เย็นนิด ๆ มีความเผ็ด สดชื่น โปร่งสบาย เหมาะกับอากาศร้อน ถ้าใครไม่ชอบกลิ่นตะไคร้คือข้ามไปได้เลย ส่วนตัวเราชอบกลิ่นตะไคร้ เป็นตัวที่เล็งไว้ว่าจะซื้อแน่ ๆ ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยดมมาก่อนแต่ชอบชื่อและอ่านรีวิวมาคราว ๆ พอได้ลองกลิ่นก็คือยิ่งชอบ แต่สินค้าหมด พนักงานเลยลองให้ฉีดบนตัว พอทดลองบนผิวกลิ่น Dry down บนตัวเราเป็นกลิ่นแนว Woody แป้ง ๆ ในเรื่องความติดทนกลิ่นติดบนตัวเราประมาณ 5 ชม. ความกระจายตัว 1-2 ชม.แรก แต่เราพอได้ดม Eau Duelle ⬅️เราชอบตัวนี้มากกว่า😂 Key: ตะไคร้, สดชื่น, สมุนไพร Tam Dao EDT เป็นอีกกลิ่นที่สนใจเพราะเราอ่านจากรีวิวเห็นเขารีวิวว่าดีกันเยอะ ว่าเป็นกลิ่นที่ไม่ค่อยติดเขียว เพราะแบรนด์นี้ส่วนใหญ่น้ำหอมจะกลิ่นจะติดเขียว แต่พอดมจากกระดาษเทส (ไม่ได้ทดลองบนตัว) ส่วนตัวคิดว่ากลิ่นเปิดค่อนข้างฉุนสำหรับเรา ดมแล้วปวดหัว แม่เราดมบอกเหมือนกลิ่นเต่า😂 มันเป็นกลิ่น Woody เลยโทนไม้มาก ๆ Sandalwood มีความเผ็ดๆๆ Dry down กลิ่นออกไม้อ่อน ๆ ปนมักส์ ถ้าใครชอบแนวไม้ ๆ มักส์ ๆน่าจะชอบ เราคิดว่ากลิ่นนี้น่าจะเหมาะกับอากาศเย็น ฉีดแล้วอยู่ในห้องแอร์ไรงี้ แต่ส่วนตัวไม่ชอบกลิ่นนี้ คงต้องให้จมูกเรียนรู้กลิ่นไปก่อน Key: Sandalwood, เผ็ด, Woody Doson EDT ดมจากกระดาษเทส กลิ่นเปิดคือกลิ่นมะลิมากๆๆ สำหรับเราคิดว่าค่อนข้างฉุน เราว่ากลิ่นมันไม่ได้ทันสมัยซักเท่าไหร่ กลิ่นเหมือนตกลงไปในถังดอกมะลิเลย ส่วนตัวเราไม่ชอบกลิ่นมะลิและแนว White floral เราเลยไม่ชอบกลิ่นนี้ แต่ถ้าใครสาย White floral หรือชอบกลิ่นแนวมะลิน่าจะถูกใจกลิ่นนี้ เราว่ากลิ่นนี้รู้สึกว่าดมและเข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อนเท่าตัวอื่น ๆ Dry down ออกกลิ่นดอกไม้ขาวอ่อน ๆ Key: White floral, มะลิ L'Ombre dans I'Eau EDT กลิ่นนี้เริ่มผลิตปี 1983 ก่อนจะดมบนกระดาษเทส พนักงานเตือนว่า "ระวังนะคะ อย่าพึ่งดมค่ะ" กลิ่นเปิดมันเขียวมากๆๆๆๆๆๆ เหมือนกลิ่นหญ้าที่พึ่งถูกตัด แต่ตอน Dry down เป็นกลิ่น Black Currant ติดเปรี้ยวนิดหน่อยผสมกลิ่นสมุนไพรพวกมะกรูด และมีกลิ่นมักส์นิด ๆ ผสม เป็นกลิ่นที่หอมสดชื่นปนความเผ็ด ส่วนตัวคิดว่ากลิ่นนี้เป็นกลิ่นที่ฉีดได้ทุกวันเหมาะกับการฉีดในกลางวัน ฉีดบนตัวกลิ่นตีขึ้นจมูกบ่อยและเมื่อได้กลิ่นจะรู้สึกสดชื่น กลิ่นติดทนบนผิวเราค่อนข้างนานฉีดออกจากบ้านตั้งแต่ 8 โมงเช้ากลับมาตอน 3 ทุ่มนั่งทำงานกลิ่นยังตีขึ้นจมูกอยู่เลย (แนะนำฉีดน้ำหอมให้โดนผมด้วยเพราะจะช่วยให้กลิ่นติดทนนานขึ้น) Key: Black Currant, สดชื่น, กลิ่นติดเขียว Oyedo EDT ดมบทกระดาษเทส กลิ่นออกส้มแมนดาริน ส้มยุสึ กลิ่นหวานๆๆๆๆๆ มีความสดชื่นนิด ๆ เป็นส้มที่หอมหวาน ส่วนตัวเราไม่ค่อยชอบน้ำหอมที่หวาน เราได้ไปดูข้อมูลบนเว็บ fragrantica เขาบอกว่ามันเป็นกลิ่นแนว Citrus แต่เมื่อเราได้ไปดมกลิ่นจริง ๆ เราว่ากลิ่นมันค่อนข้างไปแนว Fruity มากกว่าเพราะกลิ่นมันหวานมาก ใครชอบน้ำหอมแนว Fruity กลิ่นส้มปนหวาน เราว่าน่าจะชอบ ซึ่งกลิ่นนี้เป็นกลิ่นน้ำหอมที่ค่อนข้างแปลก (เชิงบวก) แบบเราไม่เคยได้กลิ่นน้ำหอมกลิ่นส้มที่เป็นกลิ่นแบบนี้มาก่อน และเมื่อเราดมน้ำหอมตัวนี้ทำนึกถึงกลิ่นยาสีฟันโคโดโมะรสส้ม แต่ตอน Dry down กลิ่นส้มจางลงกลิ่นจะออกแนว Woody มากกว่า Key: ส้ม, หวาน, Fruity Minthe EDP ดมบนกระดาษเทส กลิ่นเปิดแรกค่อนข้างฉุนและแรงน่าจะเป็นเพราะเป็นแบบ Perfume ด้วย กลิ่นออกมิ้นท์ผสมเครื่องเทศ(จันทร์เทศ) เหมือนจะสดชื่น แต่ดมไปดมมาฉุนเวียนหัว พอ Dry down กลิ่นคล้ายแป้งเย็นแบบทึบ ๆ เป็นกลิ่นแป้งแต่เป็นแป้งที่ไม่โปร่งใครชอบแป้ง ๆ เข้ม ๆ ทึบ ๆ น่าจะชอบค่ะ Key: มิ้นท์, กลิ่นแป้งทึบเข้ม, เย็น ๆ Philosykos EDT ดมบนกระดาษเทสกลิ่นเปิดออกเขียวๆๆๆๆ ขมนิด ๆ เหมือนการขยี้ใบไม้สดแล้วเอามาดม ตามมาด้วยกลิ่น fig ที่มีความหวานติดขมนิด ๆ Middle note เราเคยฟังคลิปรีวิวใน YouTube ของช่อง Loya Life เขาบอกกลิ่นเหมือนมะเฟือง พอเราได้ดมแล้วรู้สึกว่าเหมือนจริง ๆ แต่ในส่วนผสมน้ำหอมมันไม่มีมะเฟืองนะ ตอน Dry down กลิ่นออก Woody ไม้หอมคล้าย ๆ Tam dao แต่กลิ่นโปร่งกว่า มีกลิ่นมะเดื่อปนความหวานจาง ๆ Key: มะเดื่อ, หวาน, กลิ่นติดเขียว Olene EDT กลิ่น Top note มีกลิ่น Narcissus และ Honeysuckle แต่เราได้กลิ่นเป็นมะลิ แต่กลิ่นไม่เข้มข้นเท่ามะลิของ Doson เป็นกลิ่นแนว White flower เช่นกัน Dry down ออกกลิ่นมะลิ มีความสดชื่นปน เขียวนิด ๆ คล้ายกับกลิ่นดอกมะลิตอนโดนน้ำค้าง ส่วนตัวเราว่ากลิ่นนี้โอเคกว่าตัว Doson Key:มะลิ, กลิ่นน้ำค้าง, สดชื่น Eau Des Sens EDT กลิ่นหลักแนว White floral ซีตรัส และมักส์ ผสมกัน กลิ่นเปิดเป็นกลิ่นส้มมีความขม ๆ นิด ๆ Dry down กลิ่นดอกไม้ขาวผสม Patchouli อธิบายค่อนข้างยาก กลิ่นนี้ไม่หวานนะสำหรับเรา มีความเย็น ๆ มักส์นิด ๆไม่ฉุน หอมออกดอกไม้ขาว Orange Blossom ปกติเราไม่ค่อยชอบน้ำหอมแนว White floral แต่เราชอบกลิ่นนี้ น่าจะชอบเพราะเป็นกลิ่นของดอกส้ม Key: ส้มติดขม, Musk, White floral Eau Moheil EDT กลิ่นเปิดเป็นแนว Floral กลิ่นออกหวานของดอกกระดังงา ปนเขียวของหญ้าแฝก ในกลิ่นมีความเย็น ๆ เหมาะกับฉีดวันอากาศร้อน ๆ กลิ่นไม่ได้หวานเลี่ยนเท่าตัว Oyedo EDT กลิ่นของ Eau Moheil มีความหอมดสดชื่นและเย็น ๆ กว่า Key: ดอกกระดังงา, หญ้าแฝก, หวานสดชื่น Eau Rose EDT กลิ่นเปิดหอมลิ้นจี่ผสมมะกรูด Middle เป็นกลิ่นกุหลาบเด่นนำมาและมีกลิ่นของมะลิผสมกับดอก Geranium (กลิ่นคล้ายตะไคร้) กลิ่นมันหอมแบบเย็น ๆ เป็นกุหลาบเย็น ๆ Dry down เป็นกลิ่นกุหลาบเหมือนเดิมแต่มีความมักส์และกลิ่นไม้นิดหน่อยเข้ามาผสม แต่ถ้าดมแบบไม่ได้คิดอะไรมากก็กลิ่นกุหลาบ ซึ่งเป็นกลิ่นที่คิดว่าใช้ได้ทุกสถานการณ์ กลิ่นธรรมชาติกว่า Bvlgali Rose Goldea Diptyque blend ออกมาได้ดีกว่า ส่วนตัวก็ชอบนะ ดมง่าย แต่กลิ่นไม่ได้ยูนีคเท่าไหร่ Key: กุหลาบ, เย็น ๆ Eau Capitale EDP กลิ่นเปิดเป็นมะกรูดมีความเผ็ดนิด ๆ Dry down เป็นกลิ่นกุหลาบผสม patchouli กลิ่นทน&ชัด เพราะเป็น EDP กลิ่นหอมนะ แต่มันมีความเผ็ดด้วย แต่ส่วนตัวคิดว่ากุหลาบ Eau Rose EDT หอมนัวกว่า Key: กุหลาบ, เผ็ด, เข้ม Eau Duelle EDT กลิ่นเปิดซีตรัสผสมวนิลา เป็นวนิลาที่ไม่หวาน ไม่เลี่ยน มันเป็นกลิ่นวนิลาแนวดิบ ๆ Dry down ก็จะเป็นกลิ่นซีตรัสของชา มีความเผ็ดนิด ๆ ของพวกมะกรูด จูนิเปอร์ พริกไทยชมพู (มันมีในส่วนผสมแต่เราไม่ได้กลิ่น) แต่ยังคงมีกลิ่นวนิลาและมักส์นิด ๆ ส่วนตัวชอบนะหอม สดชื่น แปลกดีไม่เคยได้กลิ่นวนิลาที่เป็นแนวเขียว ๆ ซีตรัส หอมแบบแปลก(เชิงบวก) แต่หอมอะ ต้องไปดมเอง ทดลองบนผิวเราติดทนประมาณ 8-9 ชั่วโมง ตอน Dry down เป็นกลิ่นวนิลาผสมไม้ ๆ เป็นกลิ่นหอมที่ชอบมาก ฉีดกลิ่นนี้รู้สึกว่าเท่ Key: วนิลา, เผ็ด, Musk Vetyverio EDT กลิ่นเปิดซีตรัส สดชื่น ของพวกมะนาวมะกรูดส้ม มีความเขียว Middle กลิ่นออกกุหลาบผสมหญ้าแฝก มีความ spices จากเครื่องเทศ Geranium Dry down เป็นกลิ่นหญ้าแฝกที่มีความมักส์และกลิ่นไม้นิด ๆ ส่วนตัวชอบเหมือนกัน มันมีความกุหลาบผสมมาด้วย แต่กลิ่นที่ Blend ผสมกันออกมาแล้วมันดี ดมแล้วสดชื่นเขียวๆๆๆๆ น่าจะเขียวเพราะหญ้าแฝกแต่มีความมักส์ผสมด้วย Key: หญ้าแฝก, สดชื่น, กลิ่นติดเขียว L'Eau Neroli EDT กลิ่นเปิดซีตรัส มะกรูด Tarragon ต่าง ๆ นานา กลิ่น Middle แนว White floral พวกดอก Neroli, Orange blossom, Egyptin Pelargonium ผสมกลิ่นซีตรัส Dry down เป็นกลิ่นเย็น ๆ ผสมมักส์ และกลิ่นของซีดาร์ กลิ่นหอมมมมมม หอมแบบแปลกในทางที่ดี เพราะไม่เคยได้กลิ่นน้ำหอมแบบนี้อะ สรุปหอมชอบมันมีความหอมแบบเย็น ๆ Key: ซีตรัส, สดชื่น, เย็น ๆ L’Eau Hesperides EDT กลิ่นเปิดของพวกผลไม้ซีตรัสผสมความเขียว ๆ ของหญ้าและ Rosemary กลิ่น Middle ออกกลิ่นมิ้นท์เย็น ๆ ผสมดอกไม้ Dry down เป็นกลิ่นมักส์ผสมดอก Immortelle ส่วนตัวว่าหอมแบบแปลก Again ชอบนะ มันหอมแบบเย็น ๆ ผสมกลิ่นดอกไม้นิดเดียว แต่ดมไปดมมาก็คล้ายยาหม่อง Key: ซีตรัส, กลิ่นติดเขียว, เย็น ๆ Fleur de Peau Diptyque EDP กลิ่นเปิดมะกรูด พริกไทยชมพู Middle มีกลิ่นกุหลาบกับดอกไอริส ตอนดมแรก ๆ เรายังไม่ได้กลิ่นแป้งนะ แต่ตอน Dry down หอมและชอบมาก มันเป็นกลิ่นมักส์ผสมกลิ่น Powdery และมีกลิ่นของพวกไม้หอมผสม กลิ่นมันมีความเย็น ๆ แป้ง ๆ คล้ายผ้าเย็นตามโรงแรมหรู ไม่ได้เหมือนแป้งเย็นแบบกลิ่น Minthe EDP นะ ตัวนั้นกลิ่นไปทางค่อนข้างฉุนสำหรับเรา เราว่าตัวนี้หอมละมุนกว่า กลิ่นมันโปร่งดีกว่าและเย็น ๆ กลิ่นอยู่นาน&ฟุ้งแรง แต่ดมไปดมมาก็นึกถึงกลิ่นแป้งน้ำโบราณ😂 Key: กลิ่นแป้ง, Musk, เย็น ๆ กล่าวโดยสรุป Diptyque เป็นแบรนด์เครื่องหอมที่มีกลิ่น Unique ในเรื่องของน้ำหอมการกระจายตัวและความติดทนของน้ำหอมดีมาก กลิ่นติดค่อนข้างทนและตีขึ้นจมูกบ่อย และจากการดมกลิ่นและใช้อยู่บางตัวคิดว่าน้ำหอมแบรนด์นี้ควรฉีดก่อนออกจากบ้านสักประมาณ 15-30 นาที เพื่อให้กลิ่น Top notes มันจากลงหน่อยแล้วกลิ่นจะหอมนัวมากค่ะ โดยราคาของน้ำหอม Diptyque มีดังนี้ แบบ EDT ขนาด 100 ml. ราคา 6,200 บาท แบบ EDP ขนาด 75 ml. ราคา 7,450 บาท พิกัด Central Online แหล่งที่มาของข้อมูล บทความโดย whatever ภาพปกและภาพที่ 1-6 ตกแต่งโดย whatever รูปขวดน้ำหอมในภาพจาก Diptyque Paris Official Website ข้อมูล Notes น้ำหอมในภาพจาก fragrantica อ่านรีวิวไอเทมเด็ด ๆ เกี่ยวกับความสวย ได้ที่นี่ App TRUEID โหลดฟรี !