หลังจากที่เมื่อปี 2012 ริดลีย์ สกอตต์ ได้กลับมาคืนฟอร์มให้กับหนังแฟรนไชล์ชุด Alien ที่เขาให้กำเนิดอีกครั้งใน Prometheus หนังที่พาเราย้อนไปเรื่องราวอันเป็นต้นกำเนิดของอสูรกายต่างดาวตัวนี้ แม้ว่าในหนังเราจะแทบไม่ได้เห็นเอเลี่ยนเลย จนกระทั่งนาทีสุดท้ายในหนัง แต่ Prometheus ก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีทั้งรายได้และคำวิจารณ์ จนทำให้ ริดลีย์ สกอตต์ หันกลับมาสานต่อความสำเร็จแฟรนไชล์ชุดนี้อีกครั้งด้วยการสร้างเรื่องราวต่อจาก Prometheus ใน Alien: Covenant ที่ในครั้งนี้เราจะได้เห็น เอเลี่ยน แบบเต็ม ๆ พร้อมทั้งเรื่องราวที่ระทึก เลือดสาด มากยิ่งขึ้น และอาจเป็นสัญญาณที่ดีที่เราจะได้เห็นหนังแฟรนไชล์ชุดนี้คืนฟอร์มอย่างมีคุณภาพอีกครั้งAlien: Covenant เล่าเรื่องราวของกลุ่มคนบนยานอวกาศนาม Covenant ที่บรรจุมนุษย์มาด้วย 20,000 คน เพื่อตามหาดาวเคราะห์เพื่อเป็นอาณานิคมแห่งใหม่ ซึ่งดาวที่พวกเขากำลังไปนั้นต้องใช้ระยะเวลาอีกหลายปีกว่าจะถึงที่หมาย ซึ่งแน่นอนว่าเหล่าลูกเรือบนยานนั้นจะอยู่ในสภาวะหลับใหลกับหมด ยกเว้น วอลเตอร์ (ไมเคิลฟาสแบนเดอร์) หุ่นยนต์เพียงตัวเดียวในยานที่เป็นคนดูแลทุกอย่างบนยาน แต่ในระหว่างนั้นได้เกิดอุบัติเหตุขึ้นระหว่างทาง ทำให้ลูกเรือในยานต้องตื่นขึ้นก่อนกำหนดจากนั้นไม่นานบนยานก็ได้รับสัญญาณขอความช่วยเหลือจนดาวเคราะห์ที่ใกล้เคียง ซึ่งเมื่อทำการตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นดาวเคราะห์ที่มีทรัพย์ยากรณเพียบพร้อม ที่มนุษย์จะสามารถอาศัยได้ เป้าหมายของยานจึงถูกเปลี่ยนมาที่ดาวเคราะห์ดวงนี้แทน แต่เหล่าลูกเรือบนยานหารู้ไม่ว่าบนดาวดวงนี้จะพาพวกเขาไปพบกับสิ่งที่น่าสยดสยองแบบที่พวกเขาไม่คาดคิดมาก่อนหนังเล่าเรื่องราวต่อจากเหตุการณ์ใน Prometheus ซึ่งแน่นอนว่าเราจะได้เห็นการกลับมาของเดวิด ตัวละครหุ่นยนต์ที่รอดชีวิตเพียงคนเดียวและใช้ชีวิตเพียงลำพังในดาวดวงนี้ แน่นอนว่าไมเคิล ฟาสแบนเดอร์ ต้องรับบทบาทเป็นหุ่นยนต์ถึงสองตัว ในภาคนี้เราได้เห็นเดวิดในบทบาทตัวร้ายที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เราจะได้เห็นจิตใจเบื้องลึกของตัวละครตัวนี้ที่ภาคที่แล้วไม่ได้เฉลย นอกจากนี้ เดวิด ก็ยังมีบทบาทสำคัญต่อภาพรวมของเรื่องราวทั้งหมดที่จะเกิดขึ้นต่อไปแต่สิ่งที่ Alien: Covenant มีเพิ่มเติมจาก Prometheus คือการใส่อารมณ์การเล่าเรื่องแบบหนังสยองขวัญ ที่ในครั้งนี้จะมีฉากโหด ๆ เลือดสาดมากขึ้น เอเลี่ยนในภาคนี้ค่อนข้างออกไม่เยอะมากนัก แต่ละครั้งที่ออกมาก็สามารถสร้างความรู้สึกกดดัน ลุ้นระทึกได้ไม่น้อย นอกจากนี้เราจะได้เห็นวิวัฒนาการของเอเลี่ยนในร่างต่าง ๆ แบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ซึ่งในภาพรวมแล้วหนังสามารถทำออกมาได้ดีทั้งในแง่ความเป็นหนังระทึกขวัญ และความเป็นแอคชั่น ไซไฟ ที่ดูแล้วสามารถให้ความบันเทิง ระทึก ตื่นเต้นให้กับคนดูได้ตลอดทั้งเรื่องจุดด้อยของหนังเรื่องนี้ก็ยังเป็นปัญหาเดิม ๆ ของบรรดาหนังที่มีตัวละครหลักหลาย ๆ ตัว คือการกระจายบทที่ไม่สมดุล ทำให้สุดท้ายแล้ว บรรดาตัวละครลูกเรือในหนังดูจืดชืด ขาดมิติ และแรงจูงใจต่าง ๆ แม้แต่นางเอกของเรื่องที่รับบทโดย แคทเธอรีน วอเตอร์สตัน ที่จากตัวอย่างแล้วดูโดดเด่นกว่าคนอื่น ๆ แต่พอดีเอาจริง ๆ บทบาทของเธอก็แทบไม่ได้ต่างจากตัวรองตัวอื่น ๆ คนที่เด่นที่สุดของเรื่องกลับเป็น ไมเคิล ฟาสแบนเดอร์ กับการแสดงบทบาทหุนยนต์ถึงสองตัว สองบทบาท ที่สุดท้ายแล้วก็ทำให้ตัวละคร วอลเตอร์ และ เดวิด ของเขากลายเป็นตัวเอกและตัวร้ายหลักของเรื่องไปโดยปริยายอย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดแล้วแม้ว่า Alien: Covenant อาจไม่ใช่ภาคที่ดีที่สุดของหนังแฟรนไชล์ชุดนี้ก็ตาม แต่ด้วยฝีมือการกำกับของเจ้าของต้นฉบับของหนังชุดนี้อย่าง ริลีย์ สกอตต์ ทำให้ Alien ภาคนี้เป็นการคืนฟอร์มที่ดีของอสูรกายตัวนี้ที่ดูสนุก บันเทิง ไม่น้อย ทั้งยังเป็นการบ่งบอกว่าในอนาคตเราอาจได้เห็นอสูรกายตัวนี้กลับมาโลดแล่นบนโลกภาพยนตร์อย่างสมศักดิ์ศรีอีกครั้งก็เป็นได้ Cr.รูปภาพจาก https://www.alienuniverse.com/film/alien-covenant