สวัสดีครับ คุณผู้อ่านที่น่ารักทุกคน กลับมาพบกับ " นายนอนน้อย😴 " กันอีกแล้ว ในวันนี้คุณผู้อ่านที่ติดตามกันอยู่ จะได้พบกับหนังแนวภาคต่อ ของนักแสดงที่สีผิวแทน ที่ผมบอกเลยว่าคุณผู้อ่านต้องอุทานออกมาอย่างแน่นอน ด้วยแนวเอกลักษณ์ตัวละครแบบบู้ๆ บ้าบิ่น นั้นก็คือหนังเรื่อง "Bad Boys for Life" ตำรวจที่ทั้งโหด ทั้งฮายังคงเป็นตำนาน และจดจำมาในหลาย ๆ ภาคที่ผ่านมาก่อนหน้านี้หนังเรื่องนี้ ผมได้ติดตามมาตลอดตั้งแต่ภาคแรก แต่กลับมาคราวนี้แบบจนทำให้ผมทึ่ง ตะลึ่งมาก แต่คุณผู้อ่านบางท่านอาจยังไม่รู้ที่มาที่ไปเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ ผมจะขอเกริ่นนำคราว ๆ ในกับผู้อ่านที่ติดตามกัน จะได้ร่วมสนุก และติดตามรับชมหนังหลังจากอ่านบทความของผมจบภาคแรก Bad Boys (1995) ดูแล้วยังหนุ่ม ๆ วัยรุ่นอยู่ การแสดงยังดูไม่เต็มที เพราะยังมือใหม่ในหนังแนวนี้กับบทบาทที่ได้รับ ภาคสอง Bad Boys II (2003) มีพัฒนาการขึ้น บทของตัวละครดูท้าทายมากยิ่งขึ้นอีกด้วย ภาคสาม ล่าสุด Bad Boys for Life (2020) ภาคที่ทำให้ผมต้องมนต์สะกดและตะลึ่งในความบู้ภาคล่าสุดเกิดขึ้นในปีนี้ นับตั้งแต่ภาคสองในชื่อ Bad Boys II ที่ออกมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 ส่วนภาคแรกเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1995 โดย 2 ภาคแรกเป็นผลงานสร้างชื่อของ "ไมเคิล เบย์" ที่ได้ วิล สมิธ และ มาร์ติน ลอว์เรนซ์ ดาราสีผิวแทนชื่อดังมารับบทคู่กันในหนังคู่หูตำรวจที่ทั้งบู้ และมีเอกลักษณ์ตัวแสดงที่ตลกฮา จนทำให้เป็นหนังแอ็กชันที่มีแฟนคลับของภาคต่ออยู่ไม่น้อยที่รอคอยการกลับมาของทั้งคู่สำหรับ Bad Boys For Life ภาค 3 นี้ ผมต้องบอกว่า เป็นหนังที่เรียกคะแนนยอดนิยมของ Box Office ได้เป็นอย่างมากในจังหวะสัปดาห์นั้นที่เปิดตัวหนังออกมาสู่สายตาคอหนัง โอกาสของระยะห่างจากภาคก่อนที่ตัวละครวัยเปลี่ยนอย่างเห็นได้ชัดมาก ตัวนักแสดงก็มีอายุเพิ่มมากขึ้น และโครงร่างเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ทั้งวิถีคิดที่เปลี่ยนไป และทั้งยุคใหม่ที่ไปอย่างรวดเร็ว เทคนิคสอบสวนลุย ๆ ของแบบเก่าเริ่มถูกด้วยหน่วยไฮเทคที่อุปกรณ์ครบครันทั้งแฮกเกอร์ ทั้งโดรนสายลับ และเมื่อมาร์คัสถอดใจอยากเกษียณอายุออกจากงานตัวเองไปอยู่กับครอบครัวที่ตนได้เป็นคุณตา มีหลายเพิ่งเกิดลืมตาดูโลกไม่นาน โดยหวังว่าจะทำให้คู่หูเปลี่ยนใจตาม และเลิกเสี่ยงชีวิตอย่างที่เคยเป็นมา ในขณะที่ทางไมก์ กลับยังยืนยันว่าจะเป็นตำรวจมือโปรแห่งไมอามี่ ซึ่งมีฉายาว่า หนังเหนียวยิงไม่เข้า อดีตที่เขาเคยสร้างความแค้นกับกลุ่มอาชญากรไว้มากมายก็ยังตามรอยมาในรูปของการฆ่าล้างแค้น ซึ่งทำให้เขาไม่อาจถอนตัวจากการจับโจรผู้ร้ายได้ง่าย ๆแต่อย่างไรผมก็ต้องขอไม่เล่าทั้งหมดนะครับ เดียวจะว่าสปอยหนัง (หัวเราะ) สรุปคือหนังแอ็กชันคอมเมดี้ แนวจับผู้ร้ายแบบฮา ตลก ที่มีเอกลักษณ์ตำรวจแบบคลาสสิกที่ชื่นชอบกันมาก แต่ถึงแม้ตัวนักแสดงจะอายุมากขึ้นยังคงเรียกเสียงจากแฟนคลับได้อย่างสบาย ๆ จุดที่ผมไม่ชื่นชอบของหนังในภาคนี้คือฉากการปะทะยังไม่ดุเดือดเพียงพอ จึงขอหักคะแนนในส่วนนี้ แต่ถ้าใครยังไม่เคยดู ผม " นายนอนน้อย😴 " ต้องขอบอกเลยว่า ให้กลับไปย้อนหาดูภาคก่อน ๆ ตั้งแต่ภาคแรก กันได้เลย รับรองจะติดตามมาจนถึงภาคล่าสุด จนอดหัวเราะตลอดทั้งเรื่องไม่ได้เลยครับ คะแนนสำหรับเรื่องนี้ 8/10เครดิตภาพทั้งหมด : IMDBขอบคุณค่ายหนัง : Sony Pictures Releasing