หนังฟีลกู้ด อารมณ์ดีจาก Netflix ที่ต้องบอกก่อนเลยว่านี่ไม่ใช่หนังตลก แต่เป็นหนังครอบครัว ที่เหมาะแก่การดูเพื่อผ่อนคลายสมอง เพื่อการพักผ่อนที่แท้จริงหนังพูดถึงเรื่องราวของ ราเชล (คริสเทน เบลล์) หญิงสาวผู้บ้างานอย่างหนัง ที่แม้กระทั่งในวันแต่งงานของเธอเองเธอยังยุ่งกับการคุยงาน ด้วยความบ้างานเกินไปจนทำให้เจ้าบ่าวตัดสินใจทอดทิ้งเธอกลางงานแต่ง พร้อมกับการกลับมาของ แฮร์รี่ (เคลซีย์ แกรมเมอร์) คุณพ่อที่ทอดทิ้ง เธอไปตั้งแต่เธอห้าขวบ ทั้งสองได้ใช้ทริปฮันนีมูนบนเรือสำราญสุดหรูที่ราเชลเคยวางแผนไว้ มาใช้พักผ่อนด้วยกันตามประสาพ่อลูก ความสัมพันธ์ของครอบครัวที่ห่างหายไปก็ค่อยๆ กลับมาอีกครั้งเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในหนังฟีลกู้ดเบาสมองที่ดูเพลินๆ เรื่องหนึ่งก็ว่าได้ และอย่างที่ว่าไปหนังไม่ใด้มาในโทนหนังคอเมดี้ แม้ว่าจะมีดาราตลกอย่าง เซธ โรแกน มาแสดงสมทบก็ตาม แต่หนังไม่ได้มีมุกตลกชวนฮาน้ำตาแตกมากนัก ในขณะเดียวกันหนังก็ไม่ได้มีฉากดราม่าสะเทือนอารมณ์คนดูเช่นกัน ถ้าจะให้นิยามหนังเรื่องนี้ง่าย ๆ คือนี่คือหนังแห่งการพักผ่อนการดำเนินเรื่องของหนังคือการพาสองตัวละครพ่อลูกที่ทั้งชีวิตทุ่มเทกับการทำงานและคนดู ได้ไปท่องเที่ยวและพักร้อนบนเรือสำราญ ด้วยวิธีการดำเนินเรื่องแบบเรื่อยๆ ในขณะเดียวกันหนังก็ได้พูดถึงความสัมพันธ์ของสองพ่อลูกที่ค่อยๆ กลับมาสมานคืนความสัมพันธ์กันอีกครั้ง เราจะได้เห็นทั้งอารมณ์หวานขม และเต็มไปด้วยฉากที่ทำให้เราได้ประทับใจกับสองตัวละครหลัก นอกจากนี้หนังก็ยังเพิ่มสีสันด้วยบรรดาคู่รักแต่ละคู่ที่รายล้อมสองตัวละครทั้งคู่รักชายรักชาย คู่รักผิวสี และคู่รักรุ่นใหญ่วัยชรา ซึ่งตัวละครเหล่านี้ก็ได้มาสร้างรอยยิ้ม เสียงหัวเราะในหนังได้ไม่มากก็น้อยด้านการแสดง นักแสดงทุกคนถ่ายทอดบทบาทออกมาได้น่ารักมาก แต่ละตัวละครจะมีสไตล์บุคลิกต่างๆ ที่ชัดเจนในแบบของตัวเอง ด้านนักแสดงหลักอย่างคริสเทน เบลล์ และ เคลซีย์ แกรมเมอร์ สามารถแสดงบทพ่อลูกออกมาได้ลงตัว ทั้งสองสามารถทำให้คนดูหลงรักตัวละครทั้งสอง และพาให้เรารู้สึกอยากร่วมทริปนี้กับทั้งคู่ไปจนจบเรื่อง ด้าน เซธ โรแกน แม้ในเรื่องนี้จะไม่ได้โขว์ความฮา หรือมีบทมากมาย แต่ก็ช่วยเพิ่มสีสันให้หนังเรื่องนี้ได้ไม่น้อยแต่ก็ด้วยความที่หนังเป็นฟีลกู้ดที่ไม่ได้เน้นเรื่องราวที่หวือหวา หรือขายความฮาหรือดราม่าใด ๆ หนังเรื่องนี้จึงออกมาดูเรียบๆ เนื้อหาไม่ได้มีจุดพีค หรือฉากอะไรให้น่าจดจำเท่าไหร่นัก การดูหนังเรื่องนี้เหมือนกับการนำเสนอช่วงชีวิตการมาเที่ยวพักผ่อนของตัวละคร สไตล์การกำกับแอบทำให้นึกถึงหนังของ ริชาร์ด ลิงค์เคลเทอร์ เพียงแต่บทของหนังเรื่องนี้อาจไม่เฉียบเท่า อาจเพราะด้วยทั้งบทและเนื้อหาโดยรวมของหนังเลยดูเบาบางไปหมด ทำให้น้ำหนักการกระทำต่างๆ ของตัวละครดูเบาบาง และไม่หนักแน่นพอ และพาให้หนังจิดชืดไปอย่างน่าเสียดายอย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าชื่นชมในหนังเรื่องนี้คือความขัดเจนถึงประเด็นที่จะสื่อ ที่นอกจากประเด็นความสัมพันธ์ของพ่อลูกแล้ว สิ่งที่หนังอยากจะสื่อที่สุดคือการพักผ่อน เพราะตัวละครหลักทั้งสองคือตัวแทนของคนที่ทำงานหนักจนไม่มีเวลาให้คนรอบข้าง จนกระทั่งการออกทริปครั้งนี้ทำให้พวกเขาได้เรียนรู้ถึงการใช้ชีวิตอย่างคำนึงถึงคนใกล้ตัว และคุณค่าของการชาร์ตแบตให้ตัวเอง สุดท้ายแล้วบางครั้งเราก็ต้องมีเวลา Vacation Time ให้ตัวเองบ้าง อันดับแรกคือปล่อยตัวปล่อยใจและดูหนังเรื่องนี้แบบชิลล์ ๆสามารถรับชม Like Father บน Netflix ผ่านทางกล่อง True-id ได้แล้ววันนี้ ขอขอบคุณรูปภาพจาก : https://www.netflix.com/title/80174897