หนังสยองขวัญเกาหลีเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งแนวที่หลายคนอาจไม่ค่อยคุ้นเคยนัก ด้วยความที่หนังอาจไม่ได้มีเข้าฉายให้ดูในไทยบ่อย ๆ แต่หากใครที่ตามหนังเกาหลีมาตลอด คงจะคุ้นเคยกับสไตล์หนังสยองขวัญ หรือหนังผีของเกาหลีที่มักจะเล่นเกี่ยวกับการโดนผีสิง และการพูดถึงความอาฆาตแค้น สำหรับ The Closet คืออีกหนังสยองขวัญสูตรสำเร็จจากเกาหลี ที่มาพร้อมประเด็นใกล้ตัวอย่างสถาบันครอบครัว ออกมาได้น่าสนใจหนังจะเล่าเรื่องราวของครอบครัวที่ประกอบไปด้วย สองพ่อลูก ซังวอน(ฮา จองอู) และอีนา(ฮอยูล) ที่พึ่งสูญเสียผู้เป็นภรรยา และแม่จากอุบัติเหตุ ทำให้ทั้งสองตัดสินใจย้ายบ้าน เพื่อเริ่มชีวิตใหม่ แต่ทว่าหลังจากที่ย้ายมาทั้งคู่ก็ต้องเจอเรื่องแปลก ๆ ปนสยองจากบ้านหลังนี้ รวมถึงพฤติกรรมที่แปลกไปจากเดิมของ อีนา ก่อนที่เธอจะหายตัวไปอย่างปริศนา ซังวอน จึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อตามหา อีนาโดยเบาะแสที่น่าสงสัยที่สุดคือตู้ปริศนาที่ตั้งอยู่ที่ชั้นสองของบ้านไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจแม้แต่น้อยที่เมื่อหนังเรื่องนี้ได้เข้าฉาย นักวิจารณ์ต่างประเทศจะยกให้ The Closet เป็น Insidious เวอร์ชั่นเกาหลี เพราะด้วยกลไกการหลอก การเล่าเรื่องของหนังนั้น แทบจะเหมือนกันกว่า 40-50% เพียงแต่หนังมีประเด็นที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิงโดยในฐานะความสยองขวัญหนังสามารถทำออกมาได้สนุกตื่นเต้นตามสูตรสำเร็จของหนังแนวนี้ ไม่ว่าจะเป็นฉากตุ้งแช่ ที่ใส่มาแบบกำลังดี แต่ก็หนักหน่วง ชวนสะดุ้งแทบทุกครั้งที่ผีปรากฏ แต่ไฮไลท์ของหนังคือการถ่ายทอดฉากโลกหลังความตาย ที่ชวนให้นึกถึงโลกวิญญาณของ Insidious อย่างยิ่ง นอกจากนี้หนังยังมีฉากปราบผีที่ชวนตื่นเต้น ลุ้นระทึกไม่แพ้กับเรื่องข้างต้น หนังสามารถสะท้อนวัฒนธรรมการไล่ผีแบบเกาหลีออกมาได้น่าสนใจ และค่อนข้างแตกต่างจากการไล่ผีที่เราจะได้เห็นในหนังผีเรื่องอื่น ๆที่น่าชื่นชมคือหนังสามารถสะท้อนสังคมการเลี้ยงดูลูกในปัจจุบันออกมาได้อย่างน่าชื่นชม โดยเฉพาะการแซะเรื่องการเลี้ยงลูกด้วยเงิน ในสังคมคนรวย การที่พ่อแม่บ้างานจนลืมให้ความสำคัญกับลูกน้อย สิ่งที่หนังเรื่องนี้ต้องการเรียกร้องไม่ใช่เพียงการสร้างความสยองขวัญ ความบันเทิงที่สื่อภาพยนตร์ทำหน้าที่ได้ดีในระดับนึงแล้ว หนังยังได้เป็นตัวแทนเสียงของเด็ก ๆ ที่เรียกร้องความอบอุ่นจากครอบครัว ออกมาได้กึกก้อง ชัดเจนเป็นอย่างยิ่งแต่แม้หนังจะชัดเจนในเรื่องประเด็น และงานโปรดักชั่น การสร้างสรรค์ฉากไล่ผีต่าง ๆ ก็ตาม แต่หนังยังมีปัญหาบางส่วนไม่ต่างจากสิ่งที่หนังสยองขวัญหลาย ๆ มักประสบกัน หนังยังเต็มไปด้วยความไม่สมเหตุสมผลต่าง ๆ ในด้านการกระทำของตัวละคร บางช่วงหนังดำเนินเรื่องอย่างง่ายดาย เพื่อให้หนังเดินเรื่องรวดเร็ว แต่กลับทำให้ตัวละครขาดมิติในบางส่วนไปอย่างน่าเสียดายนอกจากนี้หนังยังขาดการบิลด์อารมณ์ในการสร้างความสยองขวัญให้คนดูรู้สึกหวาดกลัวเท่าที่ควร ทั้ง ๆ ที่หนังมีวัตถุดิบที่สามารถทำให้ตัวเองกลายเป็นหนังผีระดับมาสเตอร์พีซได้ ไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งของตัวละคร บรรยากาศ และพลอต แต่หนังกลับสามารถหยิบส่วนต่าง ๆ เหล่านี้ ออกมาเล่าได้เพียงผิวเผิน และให้ความรู้สึกที่ยังไม่สุดเท่าที่ควรด้านการแสดงของทีมนักแสดงนำของหนังเรื่องนี้ ที่แม้จะมีนักแสดงหลักที่ไม่เยอะมากนัก แต่บทคนแต่ละคนล้วนแต่สามารถทำหน้าที่ และถ่ายทอดบทบาทออกมาได้อย่างคุ้มค่า ฮา จองอูยังคงสามารถเป็นตัวขับเคลื่อนเรื่องที่ทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม สามารถแสดงบทบาทพ่อ ออกมาได้น่าซาบซึ้ง ประทับใจ ในขณะที่การแสดงของสาวน้อย ฮอยูลก็สามารถเล่นบทดราม่าได้เป็นอย่างดี สามารถทำให้คนดูรู้สึกอิน และทำให้ประเด็นที่หนังต้องการถ่ายทอด ชัดเจน และเปี่ยมพลัง อีกการแสดงที่น่าชื่นชมคือการรับบทหมอผีของ คิม นัมกิมที่สามารถขโมยซีนในตลอดองก์ 2-3 ของหนัง ได้อย่างน่าขื่นชม เขาสามารถมีเคมีการแสดง ที่เข้ากับ ฮา จองอูได้เข้าขากันมาก เป็นคู่หูนักสู้ผี ที่แสดงบทบาทให้ได้ลุ้น ได้ขำไปกับจังหวะปล่อยมุก และล้อเลียนวัฒนธรรมในปัจจุบัน จนกลายเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ของหนังที่ทำให้เราจดจำหนังเรื่องนี้อย่างไรก็ตาม The Closet ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งหนังสยองขวัญสูตรสำเร็จ จากเกาหลีใต้ ที่สามารถตอบโจทย์ด้านความน่ากลัวอย่างที่หนังแนวนี้ควรเป็น นอกเหนือจากแค่ความระทึกขวัญของหนังแล้ว หนังเรื่องนี้ยังได้ให้แง่คิดต่อการให้ความสำคัญสถาบันครอบครัวออกมาได้ทรงพลังที่สุดอีกเรื่องหนึ่ง Cr.รูปภาพจาก มงคล ภาพยนตร์ ลิ้งต้นฉบับบทความ https://www.facebook.com/IWatchmoviesalot/posts/3489381947802097?__tn__=K-Rสามารถติดตามอ่านรีวิวหนัง และข่าวสารหนัง เพิ่มเติมได้ที่(เพจของผู้เขียน) https://www.facebook.com/IWatchmoviesalot